จรวดหลายลำกล้อง BM-21 กระดูกสันหลังของกองทัพกัมพูชา

1. ความสำคัญและบทนำของปัญหา
บทความเริ่มต้นด้วยการสะท้อนภาพความโหดร้ายของสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะที่ตำบลเสาธงชัย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งชาวบ้านต้องเผชิญกับอาวุธยุคสงครามเย็นอย่าง BM-21 Grad ที่มีฉายาว่า "พายุลูกเห็บ" อาวุธชิ้นนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ไม่แม่นยำ แต่มันกลับสร้างความสูญเสียให้แก่พลเรือนได้อย่างมหาศาลเนื่องจากลักษณะการยิงแบบไม่เลือกเป้าหมาย
2. จุดกำเนิดและวิวัฒนาการ
มรดกจากสงครามโลก: BM-21 พัฒนาต่อยอดมาจากตำนานจรวด "คัตยูชา" ของโซเวียต ซึ่งเน้นการยิงปูพรมเพื่อทำลายล้างพื้นที่กว้างมากกว่าความแม่นยำรายนัด
การถือกำเนิด: ถูกพัฒนาโดยสถาบัน NPO Splav และเข้าประจำการในกองทัพโซเวียตครั้งแรกปี ค.ศ. 1963 โดยชื่อ Grad มีความหมายว่า "ลูกเห็บ" เพื่อสื่อถึงลักษณะของจรวดจำนวนมากที่ตกลงมาจากฟ้าพร้อมกัน
การแพร่กระจายทั่วโลก: ด้วยความที่ระบบมีความเรียบง่ายและทนทาน ทำให้ถูกส่งออกและลอกเลียนแบบไปทั่วโลก เช่น รุ่น RM-70 ของเชโกสโลวาเกีย และ Type 81 ของจีน ซึ่งกัมพูชามีประจำการอยู่หลายรุ่นเหล่านี้
3. รายละเอียดทางเทคนิคและปรัชญาการรบ
สมรรถนะ: ตัวระบบติดตั้งบนรถบรรทุก 6x6 มีท่อยิงจรวดขนาด 122 มม. จำนวน 40 ท่อ สามารถระดมยิงหมดภายในเวลาเพียง 20 วินาที
ยุทธวิธี ยิงแล้วหนี (Shoot-and-Scoot): พลประจำรถสามารถเตรียมยิงได้ใน 3 นาที และเคลื่อนที่หนีได้ภายใน 2 นาทีหลังยิงเสร็จ เพื่อป้องกันการถูกยิงโต้ตอบ
ปรัชญาการทำลายล้าง: ออกแบบมาเพื่อการยิง "ปูพรม" (Area Saturation) โดยจรวด 1 กองพัน (18 คัน) สามารถถล่มพื้นที่ได้กว้างถึง 5-6 ไร่ในเวลาไม่ถึงนาที หัวรบมีความหลากหลายทั้งแบบระเบิดแรงสูง, เพลิง และทุ่นระเบิด
4. ภัยคุกคามต่อพลเรือนบนชายแดนไทย
กองทัพกัมพูชาใช้ BM-21 ยิงถล่มข้ามพรมแดนมายังฝั่งไทย ส่งผลให้โรงเรียน โรงพยาบาล และบ้านเรือนเสียหาย มีพลเรือนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บ
ความไม่แม่นยำที่อันตราย: ค่าความคลาดเคลื่อน (CEP) ของ BM-21 สูงถึง 400 เมตร ที่ระยะยิง 20 กม. ซึ่งถือว่าไม่แม่นยำอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับปืนใหญ่มาตรฐาน NATO แต่ความคลาดเคลื่อนนี้กลับกลายเป็นข้อดีในเชิงยุทธวิธีสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความหวาดกลัวในพื้นที่วงกว้าง
การโต้ตอบของไทย: กองทัพไทยใช้เรดาร์ตรวจจับวิถีกระสุน เพื่อหาตำแหน่งที่ตั้งจรวดของกัมพูชา และใช้ปืนใหญ่ที่มีความแม่นยำสูงยิงทำลายเพื่อระงับการโจมตี
5. บทสรุป: อาวุธรุ่นปู่ที่ไม่เคยล้าสมัย
แม้ในยุคโดรนและอาวุธนำวิถี แต่ BM-21 ยังคงเป็นอมตะเพราะ ราคาถูก ใช้งานง่าย และมีอำนาจทำลายขวัญมหาศาล มันเป็นเครื่องเตือนใจว่าความล้าสมัยของเทคโนโลยีไม่ได้ลดทอนความน่ากลัวลงเลย โดยเฉพาะเมื่อถูกนำมาใช้ในสงครามไม่สมมาตรที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพลเรือน
จรวดหลายลำกล้อง BM-21 กระดูกสันหลังของกองทัพกัมพูชา
1. ความสำคัญและบทนำของปัญหา
บทความเริ่มต้นด้วยการสะท้อนภาพความโหดร้ายของสงครามชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะที่ตำบลเสาธงชัย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งชาวบ้านต้องเผชิญกับอาวุธยุคสงครามเย็นอย่าง BM-21 Grad ที่มีฉายาว่า "พายุลูกเห็บ" อาวุธชิ้นนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ไม่แม่นยำ แต่มันกลับสร้างความสูญเสียให้แก่พลเรือนได้อย่างมหาศาลเนื่องจากลักษณะการยิงแบบไม่เลือกเป้าหมาย
2. จุดกำเนิดและวิวัฒนาการ
มรดกจากสงครามโลก: BM-21 พัฒนาต่อยอดมาจากตำนานจรวด "คัตยูชา" ของโซเวียต ซึ่งเน้นการยิงปูพรมเพื่อทำลายล้างพื้นที่กว้างมากกว่าความแม่นยำรายนัด
การถือกำเนิด: ถูกพัฒนาโดยสถาบัน NPO Splav และเข้าประจำการในกองทัพโซเวียตครั้งแรกปี ค.ศ. 1963 โดยชื่อ Grad มีความหมายว่า "ลูกเห็บ" เพื่อสื่อถึงลักษณะของจรวดจำนวนมากที่ตกลงมาจากฟ้าพร้อมกัน
การแพร่กระจายทั่วโลก: ด้วยความที่ระบบมีความเรียบง่ายและทนทาน ทำให้ถูกส่งออกและลอกเลียนแบบไปทั่วโลก เช่น รุ่น RM-70 ของเชโกสโลวาเกีย และ Type 81 ของจีน ซึ่งกัมพูชามีประจำการอยู่หลายรุ่นเหล่านี้
3. รายละเอียดทางเทคนิคและปรัชญาการรบ
สมรรถนะ: ตัวระบบติดตั้งบนรถบรรทุก 6x6 มีท่อยิงจรวดขนาด 122 มม. จำนวน 40 ท่อ สามารถระดมยิงหมดภายในเวลาเพียง 20 วินาที
ยุทธวิธี ยิงแล้วหนี (Shoot-and-Scoot): พลประจำรถสามารถเตรียมยิงได้ใน 3 นาที และเคลื่อนที่หนีได้ภายใน 2 นาทีหลังยิงเสร็จ เพื่อป้องกันการถูกยิงโต้ตอบ
ปรัชญาการทำลายล้าง: ออกแบบมาเพื่อการยิง "ปูพรม" (Area Saturation) โดยจรวด 1 กองพัน (18 คัน) สามารถถล่มพื้นที่ได้กว้างถึง 5-6 ไร่ในเวลาไม่ถึงนาที หัวรบมีความหลากหลายทั้งแบบระเบิดแรงสูง, เพลิง และทุ่นระเบิด
4. ภัยคุกคามต่อพลเรือนบนชายแดนไทย
กองทัพกัมพูชาใช้ BM-21 ยิงถล่มข้ามพรมแดนมายังฝั่งไทย ส่งผลให้โรงเรียน โรงพยาบาล และบ้านเรือนเสียหาย มีพลเรือนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บ
ความไม่แม่นยำที่อันตราย: ค่าความคลาดเคลื่อน (CEP) ของ BM-21 สูงถึง 400 เมตร ที่ระยะยิง 20 กม. ซึ่งถือว่าไม่แม่นยำอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับปืนใหญ่มาตรฐาน NATO แต่ความคลาดเคลื่อนนี้กลับกลายเป็นข้อดีในเชิงยุทธวิธีสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความหวาดกลัวในพื้นที่วงกว้าง
การโต้ตอบของไทย: กองทัพไทยใช้เรดาร์ตรวจจับวิถีกระสุน เพื่อหาตำแหน่งที่ตั้งจรวดของกัมพูชา และใช้ปืนใหญ่ที่มีความแม่นยำสูงยิงทำลายเพื่อระงับการโจมตี
5. บทสรุป: อาวุธรุ่นปู่ที่ไม่เคยล้าสมัย
แม้ในยุคโดรนและอาวุธนำวิถี แต่ BM-21 ยังคงเป็นอมตะเพราะ ราคาถูก ใช้งานง่าย และมีอำนาจทำลายขวัญมหาศาล มันเป็นเครื่องเตือนใจว่าความล้าสมัยของเทคโนโลยีไม่ได้ลดทอนความน่ากลัวลงเลย โดยเฉพาะเมื่อถูกนำมาใช้ในสงครามไม่สมมาตรที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพลเรือน