ลองดูจากพระสูตร
ภิกขุทั้งหลาย ภิกขุเป็นผู้มีปรกติพิจจารณาเห็นกายในกายอยู่นั้นเป็นอย่างไรเล่า ภิกขุทั้งหลาย ในกรณีนี้ภิกขุไปแล้วสู่ป่าหรือโคนไม้หรือเรือนว่างก็ตาม ย่อมนั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบ
ตรงที่ว่า “ไปแล้วสู่ป่า” เป็นอาการภิกขุ ยืน เดิน นั่งและ(นอน)*
หมายเหตุ
จากข้างบนผมก็ฉุกคิดได้อีกว่า ถ้าเวลาเราได้ยินใครพูดถึงพระสูตรนี้เราจะต้องนึกถึงว่าก่อนจะมานั่งคู้ขาต้องเจริญกายคตาสติอาการ ยืน เดิน นั่งและ(นอน)* มาก่อนถ้าไม่อย่างนั้นเวลานั่งอาจจะโงกง่วงหรือไม่ก็เป็นมิจฉาสมาธิ
*ผมไม่แน่ใจอาการนอนเพราะไม่รู้ว่าสมัยพุทธกาลท่านใช้กลดมั้ย
ผมสะดุดใจอานาปานสติสูตร..ว่าก่อนที่เราจะเริ่มนั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบเราจะต้องฝึกอาการยืน เดินและนั่งมาก่อน
ภิกขุทั้งหลาย ภิกขุเป็นผู้มีปรกติพิจจารณาเห็นกายในกายอยู่นั้นเป็นอย่างไรเล่า ภิกขุทั้งหลาย ในกรณีนี้ภิกขุไปแล้วสู่ป่าหรือโคนไม้หรือเรือนว่างก็ตาม ย่อมนั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบ
ตรงที่ว่า “ไปแล้วสู่ป่า” เป็นอาการภิกขุ ยืน เดิน นั่งและ(นอน)*
หมายเหตุ
จากข้างบนผมก็ฉุกคิดได้อีกว่า ถ้าเวลาเราได้ยินใครพูดถึงพระสูตรนี้เราจะต้องนึกถึงว่าก่อนจะมานั่งคู้ขาต้องเจริญกายคตาสติอาการ ยืน เดิน นั่งและ(นอน)* มาก่อนถ้าไม่อย่างนั้นเวลานั่งอาจจะโงกง่วงหรือไม่ก็เป็นมิจฉาสมาธิ
*ผมไม่แน่ใจอาการนอนเพราะไม่รู้ว่าสมัยพุทธกาลท่านใช้กลดมั้ย