เมื่อเรามีความจำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกับช่างเพื่อมาซ่อมบ้าน ปรับปรุงบ้าน หรืองานใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่เชื่อว่าทุกคน หรือต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศนี้ต้องเจอ คือ
1.ภาษา-คุยกันไม่รู้เรื่อง
คนที่นี่พูดภาษาเขมร หรือฝรั่งเรียก Khmer น้อยคนมากที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ หากสื่อสารกันไม่เข้าใจงานจะเดินยากมาก หรือต้องยกเลิกไปเลยก็มี สำหรับบ้านเราต้องทำหลายอย่างมาก ต้องดิวกับช่างเยอะแยะไปหมด เช่น ทำพื้น ห้องครัว ติดกระจก อินเตอร์เน็ต กล้องวงจรปิด ติดโซล่าเซลสำหรับโคมไฟระเบียง(กันขโมย) สระว่ายน้ำ ช่างไฟ เฟอร์นิเจอร์ ซ่อมท่อน้ำ แม่บ้าน ตุ๊กๆ ติดตั้งวอร์เปเปอร์ มู่ลี่ ร้อยละ 80 พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย บางคนต้องให้คุยกับคนขับตุ๊กๆ ให้ลุงช่วยสื่อสารให้ ไม่เช่นนั้นงานก็ไม่เดิน
ยกตัวอย่างเช่น ร้านหินอ่อน สำหรับเค้าเตอร์ห้องครัว เราไปติดต่อที่ร้าน ตามที่ช่างได้แนะนำ ที่ร้านไม่พูดภาษาอังกฤษเลย แม้เจ้าของร้านจะเป็นคนหนุ่ม ราว 30 ปลายๆ ก็ตาม ไม่เป็นไร เราให้ช่างคุยแทน เลือกสี เลือกลายหินอ่อน พอติดตั้งห้องครัวเสร็จ มีช่างจากร้านมาวัดขนาดเค้าเตอร์
จากนั้นพวกเราก็รอว่าเมื่อไหรจะมาติดให้ เพราะจะได้ทำความสะอาดตู้และเก็บของใส่ให้เข้าที่สักที แต่ก็เงียบ ผ่านไปเกือบ ๆ 2 อาทิตย์ วานให้คนอื่นโทรให้ ร้านตอบกลับมาว่า รอให้เราไปเลือกหินอ่อน.....ปัดโถ้!!!!! ก็ที่เลือกไปแล้วคืออะไร
เรากลับไปที่ร้านอีกครั้ง เพราะกลัวว่าร้านที่เราไปเลือกไว้ตอนแรก กับร้านที่มาวัด เป็นคนละร้านกัน แต่พอโชว์เบอร์โทร และให้คนขับตุ๊กๆช่วยคุยให้ สรุปก็คือร้านเดียวกัน พอพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าของร้านอีกคนเดินมาก็ชี้ไปที่ลายหินอ่อนที่เราได้เลือกไว้ ซึ่งแกก็จำได้ ขนาดที่มาวัดก็จดไว้ในสมุด แต่!!!!! ไม่ตัดสักที เรายืนยันไปอีกครั้ง ร้านจะให้เราจ่ายเงิน เราตอบกลับไปว่า ไม่มีเงิน ไว้จ่ายวันไปติดตั้ง เค้าขอเวลา 2 วัน
แต่ก็ผ่านไป 3 วัน ถึงจะมาติดให้ แถมไม่พอ เอาหินอ่อนมาทั้งแผ่น ไม่ตัดมุมมาเลย สรุปเอามาตัดที่ห้องครัวเรา นึกสภาพฝุ่นคลุ้งไปทั่วบ้าน ตอนติดตั้งก็ครูดกับตู้เย็นเป็นรอย ผนังเป็นรอย
ติดเสร็จ จ่ายเงิน ตกเย็นมาเปิดตู้เย็น ปรากฏว่าเปิดไม่ได้ เค้าผลักตู้เย็นเราไปติดกับผนังจนประตูฝั่งช่องฟรีซเปิดไม่ออก ต้องเรียกช่างให้มาใหม่
ช่างกลับมาในวันถัดไปตอนเย็น ๆ และสิ่งที่เราคิดไว้ก็คือ ต้องตัดหินอ่อนอีกรอบ เพราะติดตั้งไปแล้ว เอาออกไม่ได้ ฝุ่นคลุ้งอีกรอบ 2 และที่สำคัญ เราเผลอแป็บเดียว ตัดเสร็จฮีรีบผลักตู้เย็นเราเข้าไป โดยที่ไม่ลบเหลี่ยมหินอ่อนให้เราเลย แถมครูดกับตู้เย็นเป็นรอยยาว เราสั่งให้ถอยตู้เย็นออก แล้วเอากระดาษทรายมาลบขอบหินอ่อนให้เรียบร้อย ทำเสร็จเราก็ต้องทำความสะอาดห้องครัวอีกชุดใหญ่
2.เวลา-การไม่ตรงต่อเวลา ไม่แจ้งล่วงหน้า
ตั้งแต่ดิวงานมา จากจำนวนช่างที่กล่าวมาข้างต้น จำได้ว่าคนทำความสะอาดสระว่ายน้ำตรงเวลาที่สุด มาทุกวันติดต่อกันเกือบ 1 อาทิตย์ นัดบ่ายโมงก็คือมาถึงบ่ายโมง มาสายแค่ไม่กี่นาที ขณะที่ช่างอื่น ๆ ไม่เคยมาตามเวลาที่ตัวเองพูดเลย และสายตั้งแต่ครึ่งชม.ยัน 3ชม. และบางคนก็ไม่มาเลย
บางคนโทรมาบอกก่อนว่าจะมาสาย เช่น ช่างติดตั้งกล้องวงจรปิด นัดบ่ายโมง โทรมาขอเลื่อนเป็นบ่าย 2 จากนั้นก็รอจนกระทั่งบ่าย 3 ถึงจะโผล่มา ซึ่งแต่ละคนก็จะเป็นแบบนี้ เราทำอะไรมากไม่ได้ ถ้ามีธุระอื่นต้องโทรไปตาม แต่ถ้าไม่ได้ไปไหนก็จงรอต่อไป จนกว่าพวกเค้าจะปรากฏตัวค่ะ
3.คุณภาพสินค้า-สินค้าไม่ได้คุณภาพ
จากประสบการณ์งานรับเหมาก่อสร้างและการสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ เป็นเรื่องที่เราเจอหนักมากที่สุด ในเรื่องของสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้งานตามที่ตกลงกันไว้ ใช้ของไม่มีคุณภาพ เช่น การรีโนเวทอพาร์ทเมนส์ ช่างจะทำงานแบบขอไปที ทาสีแบบลวก ๆ ยาแนวแบบไม่เรียบร้อย ความละเอียดของงานไม่มี ใช้ไม้คุณภาพต่ำในการทำพื้น ทำเฟอร์นิเจอร์ เพื่อต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ยิ่งถ้าเราไม่มีเวลาเข้าไปดูแล หรือตามงาน งานที่ออกมาไม่เป็นตามแบบ หรือช้ามากแน่นอน
สำหรับอพาร์ทเมนท์ที่เราทำไว้นั้น เริ่มจากเสร็จช้ากว่ากำหนด เมื่องานเร่งก็ทาสีแบบรีบ ๆ พอโดนแดดได้ไม่นานก็ลอก พื้นบ้านมีรอยสนิมจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่างใช้ตัดไม้ เมื่อมีฝนตกหนัก ทำให้เราเห็นคุณภาพงานได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะมีรอยรั่วของหลังคา น้ำไหลเป็นทางตามห้องครัว ห้องนั่งเล่น หน้าบ้าน เพดานมีน้ำซึม ทำให้โต๊ะ เก้าอี้ ห้องครัวเปียก ต้องเรียกช่างให้มาแก้ไขอย่างด่วน เป็นเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้น และสร้างความปวดหัวให้เราไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะต้องตามแก้เป็นเรื่อง ๆ
นอกจากนั้นก็เป็นการสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ พอมาส่งแล้วกลับไม่เป็นไปตามแบบที่สั่ง และได้ในสิ่งที่เราไม่ได้สั่งให้ทำ หรืองานมีตำหนิ เกิดจากความผิดพลาดของโรงงาน แต่กลับไม่แก้ไขก่อนจัดส่งให้ลูกค้า หลายสิ่งที่ตีกลับไปยังร้านที่สั่งทำ เพื่อให้แก้ไขใหม่ เราก็ต้องมานัดวันเวลาจัดส่งกันใหม่ ซึ่งก็เป็นไปตามที่กล่าวว่า ไม่เคยตรงเวลาเลย
4.ราคาสินค้า-ราคาต่างชาติย่อมสูงกว่า
เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าคนในพื้นที่ที่พูดภาษาเดียวกัน มักได้ราคาของที่ถูกกว่า ถ้าใครเคยดูคลิปฝรั่งเรียก 2 แถวที่เชียงใหม่โดยใช้ 3 ภาษาคือ ภาษาไทย ภาษาเหนือ และภาษาอังกฤษ ปรากฏว่าราคาไม่เหมือนกันเลย กัมพูชาก็เช่นกัน ถ้าคุณพูดภาษาเค้าไม่ได้ เค้าจะเรียกเท่าไหรคุณก็ไม่มีทางรู้ว่าราคาที่เค้าขายให้คนอื่นเท่าไร โดยเฉพาะราคาของในตลาด การสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ การรับเหมา ค่าซ่อมบำรุงต่าง ๆ แต่สิ่งเหล่านี้ถ้าเราไม่พอใจ เราก็ต่อรองหรือปฏิเสธไม่เอาได้ เดินหาร้านใหม่ บางครั้งอาจจะได้ราคาที่ถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อ
บางครั้งไปเดินตลาด สามีมักบอกให้เราแกล้งเป็นคนใบ้ ดูสิว่าจะได้ราคาถูกลงบ้างมั้ย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะพวกเค้าคิดว่าเราเป็นคนจีนอยู่ดี เจอพ่อค้าแม่ค้าจีนทีไร พวกเค้าก็พูดภาษาจีนใส่เราทุกครั้ง มีอยู่ครั้งนึงเราตอบกลับไปว่า วอ ปู้ ฮ่วย ชัว ขวา เวิน ..... คำนี้ลูกสาวสอนไว้เมื่อครั้งไปเที่ยวประเทศจีน ซึ่งแปลว่า ฉันพูดภาษาจีนไม่ได้ คนจีนฟังแล้วก็ฮา บางคนมีถามต่ออีก ตอบไม่ได้แล้วจ้า ท่องมาแค่นี้
5.การบริการ-ความไม่ใส่ใจในการให้บริการ
เป็นที่รู้กันว่าค่าแรงที่นี่ต่ำมาก เวลาเราต้องการใช้บริการอะไรสักอย่าง คนที่มาทำงานมักไม่พูดภาษาอังกฤษ บางครั้งหัวหน้าตามมาส่ง อธิบายว่าต้องทำยังไง จากนั้นก็ปล่อยให้ลูกน้องทำงานไป บางงานปล่อยให้ลูกน้องมากันเอง ทำงานกันเอง อันไหนที่เราอธิบายได้ ก็ใช้ภาษามือไป เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ว่ากันไป อันไหนที่ต้องอธิบายจริง ๆ ก็จะให้คนขับตุ๊ก ๆ มาช่วยเป็นล่ามให้
และงานส่วนใหญ่จะทำแบบลวก ๆ ขอไปทีให้เสร็จไวๆ ถ้าเราไม่ยืนคุม งานจะออกมาไม่ดีเลย ดังนั้นงานทุกอย่างที่จ้างให้เค้ามาทำ ต้องกำกับ ต้องคอยบอก ต้องให้ระวังตรงนี้ตรงนั้น หากเผลอความเสียหายจะเกิดขึ้นทันที
เช่น ให้ช่างมาติดตั้งกระจกเงาและชั้นวางของกระจก คนงานนำกระจกชิ้นใหญ่ เพื่อมาวัดและตัดที่บ้าน เราคอยเดินไปดูตลอด เพราะติดตั้งส่วนอื่น ๆ ก็เรียบร้อยดีไม่มีปัญหา แต่จุดสุดท้าย ไม่ทันได้สังเกต มารู้อีกทีคือกลางคืนแล้ว ตอนจะปิดประตูบ้าน พบว่าประตูกระจกมีรอยแตกเป็นทางยาว ไม่มีใครรู้ว่าเกิดจากอะไร ใครเอาอะไรไปชน รู้แต่ว่ามันคือจุดที่ช่างตัดกระจกทำงานอยู่ สุดท้ายเราก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกช่างมาเปลี่ยนกระจกใหม่
ทั้งหมดคือประสบการณ์ที่พวกเราเจอไม่เว้นแต่ละวัน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ในการซ่อมบ้าน และบางเรื่องกว่าจะแก้ปัญหาได้ ต้องรอแล้วรอเล่า บางเรื่องพูดแล้วพูดอีกกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ บางเรื่องอธิบายไปหลายสิบรอบก็ยังไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้ อยู่ที่นี่ต้องทำใจค่ะ ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เมื่อมันผ่านไป เราก็จะหัวเราะกับมัน
5 สิ่งที่ต้องเจอ เมื่อดิวงานกับช่างที่พนมเปญ
1.ภาษา-คุยกันไม่รู้เรื่อง
คนที่นี่พูดภาษาเขมร หรือฝรั่งเรียก Khmer น้อยคนมากที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ หากสื่อสารกันไม่เข้าใจงานจะเดินยากมาก หรือต้องยกเลิกไปเลยก็มี สำหรับบ้านเราต้องทำหลายอย่างมาก ต้องดิวกับช่างเยอะแยะไปหมด เช่น ทำพื้น ห้องครัว ติดกระจก อินเตอร์เน็ต กล้องวงจรปิด ติดโซล่าเซลสำหรับโคมไฟระเบียง(กันขโมย) สระว่ายน้ำ ช่างไฟ เฟอร์นิเจอร์ ซ่อมท่อน้ำ แม่บ้าน ตุ๊กๆ ติดตั้งวอร์เปเปอร์ มู่ลี่ ร้อยละ 80 พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย บางคนต้องให้คุยกับคนขับตุ๊กๆ ให้ลุงช่วยสื่อสารให้ ไม่เช่นนั้นงานก็ไม่เดิน
ยกตัวอย่างเช่น ร้านหินอ่อน สำหรับเค้าเตอร์ห้องครัว เราไปติดต่อที่ร้าน ตามที่ช่างได้แนะนำ ที่ร้านไม่พูดภาษาอังกฤษเลย แม้เจ้าของร้านจะเป็นคนหนุ่ม ราว 30 ปลายๆ ก็ตาม ไม่เป็นไร เราให้ช่างคุยแทน เลือกสี เลือกลายหินอ่อน พอติดตั้งห้องครัวเสร็จ มีช่างจากร้านมาวัดขนาดเค้าเตอร์
จากนั้นพวกเราก็รอว่าเมื่อไหรจะมาติดให้ เพราะจะได้ทำความสะอาดตู้และเก็บของใส่ให้เข้าที่สักที แต่ก็เงียบ ผ่านไปเกือบ ๆ 2 อาทิตย์ วานให้คนอื่นโทรให้ ร้านตอบกลับมาว่า รอให้เราไปเลือกหินอ่อน.....ปัดโถ้!!!!! ก็ที่เลือกไปแล้วคืออะไร
เรากลับไปที่ร้านอีกครั้ง เพราะกลัวว่าร้านที่เราไปเลือกไว้ตอนแรก กับร้านที่มาวัด เป็นคนละร้านกัน แต่พอโชว์เบอร์โทร และให้คนขับตุ๊กๆช่วยคุยให้ สรุปก็คือร้านเดียวกัน พอพี่ชายซึ่งเป็นเจ้าของร้านอีกคนเดินมาก็ชี้ไปที่ลายหินอ่อนที่เราได้เลือกไว้ ซึ่งแกก็จำได้ ขนาดที่มาวัดก็จดไว้ในสมุด แต่!!!!! ไม่ตัดสักที เรายืนยันไปอีกครั้ง ร้านจะให้เราจ่ายเงิน เราตอบกลับไปว่า ไม่มีเงิน ไว้จ่ายวันไปติดตั้ง เค้าขอเวลา 2 วัน
แต่ก็ผ่านไป 3 วัน ถึงจะมาติดให้ แถมไม่พอ เอาหินอ่อนมาทั้งแผ่น ไม่ตัดมุมมาเลย สรุปเอามาตัดที่ห้องครัวเรา นึกสภาพฝุ่นคลุ้งไปทั่วบ้าน ตอนติดตั้งก็ครูดกับตู้เย็นเป็นรอย ผนังเป็นรอย
ติดเสร็จ จ่ายเงิน ตกเย็นมาเปิดตู้เย็น ปรากฏว่าเปิดไม่ได้ เค้าผลักตู้เย็นเราไปติดกับผนังจนประตูฝั่งช่องฟรีซเปิดไม่ออก ต้องเรียกช่างให้มาใหม่
ช่างกลับมาในวันถัดไปตอนเย็น ๆ และสิ่งที่เราคิดไว้ก็คือ ต้องตัดหินอ่อนอีกรอบ เพราะติดตั้งไปแล้ว เอาออกไม่ได้ ฝุ่นคลุ้งอีกรอบ 2 และที่สำคัญ เราเผลอแป็บเดียว ตัดเสร็จฮีรีบผลักตู้เย็นเราเข้าไป โดยที่ไม่ลบเหลี่ยมหินอ่อนให้เราเลย แถมครูดกับตู้เย็นเป็นรอยยาว เราสั่งให้ถอยตู้เย็นออก แล้วเอากระดาษทรายมาลบขอบหินอ่อนให้เรียบร้อย ทำเสร็จเราก็ต้องทำความสะอาดห้องครัวอีกชุดใหญ่
2.เวลา-การไม่ตรงต่อเวลา ไม่แจ้งล่วงหน้า
ตั้งแต่ดิวงานมา จากจำนวนช่างที่กล่าวมาข้างต้น จำได้ว่าคนทำความสะอาดสระว่ายน้ำตรงเวลาที่สุด มาทุกวันติดต่อกันเกือบ 1 อาทิตย์ นัดบ่ายโมงก็คือมาถึงบ่ายโมง มาสายแค่ไม่กี่นาที ขณะที่ช่างอื่น ๆ ไม่เคยมาตามเวลาที่ตัวเองพูดเลย และสายตั้งแต่ครึ่งชม.ยัน 3ชม. และบางคนก็ไม่มาเลย
บางคนโทรมาบอกก่อนว่าจะมาสาย เช่น ช่างติดตั้งกล้องวงจรปิด นัดบ่ายโมง โทรมาขอเลื่อนเป็นบ่าย 2 จากนั้นก็รอจนกระทั่งบ่าย 3 ถึงจะโผล่มา ซึ่งแต่ละคนก็จะเป็นแบบนี้ เราทำอะไรมากไม่ได้ ถ้ามีธุระอื่นต้องโทรไปตาม แต่ถ้าไม่ได้ไปไหนก็จงรอต่อไป จนกว่าพวกเค้าจะปรากฏตัวค่ะ
3.คุณภาพสินค้า-สินค้าไม่ได้คุณภาพ
จากประสบการณ์งานรับเหมาก่อสร้างและการสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ เป็นเรื่องที่เราเจอหนักมากที่สุด ในเรื่องของสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้งานตามที่ตกลงกันไว้ ใช้ของไม่มีคุณภาพ เช่น การรีโนเวทอพาร์ทเมนส์ ช่างจะทำงานแบบขอไปที ทาสีแบบลวก ๆ ยาแนวแบบไม่เรียบร้อย ความละเอียดของงานไม่มี ใช้ไม้คุณภาพต่ำในการทำพื้น ทำเฟอร์นิเจอร์ เพื่อต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ยิ่งถ้าเราไม่มีเวลาเข้าไปดูแล หรือตามงาน งานที่ออกมาไม่เป็นตามแบบ หรือช้ามากแน่นอน
สำหรับอพาร์ทเมนท์ที่เราทำไว้นั้น เริ่มจากเสร็จช้ากว่ากำหนด เมื่องานเร่งก็ทาสีแบบรีบ ๆ พอโดนแดดได้ไม่นานก็ลอก พื้นบ้านมีรอยสนิมจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่างใช้ตัดไม้ เมื่อมีฝนตกหนัก ทำให้เราเห็นคุณภาพงานได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะมีรอยรั่วของหลังคา น้ำไหลเป็นทางตามห้องครัว ห้องนั่งเล่น หน้าบ้าน เพดานมีน้ำซึม ทำให้โต๊ะ เก้าอี้ ห้องครัวเปียก ต้องเรียกช่างให้มาแก้ไขอย่างด่วน เป็นเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้น และสร้างความปวดหัวให้เราไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะต้องตามแก้เป็นเรื่อง ๆ
นอกจากนั้นก็เป็นการสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ พอมาส่งแล้วกลับไม่เป็นไปตามแบบที่สั่ง และได้ในสิ่งที่เราไม่ได้สั่งให้ทำ หรืองานมีตำหนิ เกิดจากความผิดพลาดของโรงงาน แต่กลับไม่แก้ไขก่อนจัดส่งให้ลูกค้า หลายสิ่งที่ตีกลับไปยังร้านที่สั่งทำ เพื่อให้แก้ไขใหม่ เราก็ต้องมานัดวันเวลาจัดส่งกันใหม่ ซึ่งก็เป็นไปตามที่กล่าวว่า ไม่เคยตรงเวลาเลย
4.ราคาสินค้า-ราคาต่างชาติย่อมสูงกว่า
เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าคนในพื้นที่ที่พูดภาษาเดียวกัน มักได้ราคาของที่ถูกกว่า ถ้าใครเคยดูคลิปฝรั่งเรียก 2 แถวที่เชียงใหม่โดยใช้ 3 ภาษาคือ ภาษาไทย ภาษาเหนือ และภาษาอังกฤษ ปรากฏว่าราคาไม่เหมือนกันเลย กัมพูชาก็เช่นกัน ถ้าคุณพูดภาษาเค้าไม่ได้ เค้าจะเรียกเท่าไหรคุณก็ไม่มีทางรู้ว่าราคาที่เค้าขายให้คนอื่นเท่าไร โดยเฉพาะราคาของในตลาด การสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ การรับเหมา ค่าซ่อมบำรุงต่าง ๆ แต่สิ่งเหล่านี้ถ้าเราไม่พอใจ เราก็ต่อรองหรือปฏิเสธไม่เอาได้ เดินหาร้านใหม่ บางครั้งอาจจะได้ราคาที่ถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อ
บางครั้งไปเดินตลาด สามีมักบอกให้เราแกล้งเป็นคนใบ้ ดูสิว่าจะได้ราคาถูกลงบ้างมั้ย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะพวกเค้าคิดว่าเราเป็นคนจีนอยู่ดี เจอพ่อค้าแม่ค้าจีนทีไร พวกเค้าก็พูดภาษาจีนใส่เราทุกครั้ง มีอยู่ครั้งนึงเราตอบกลับไปว่า วอ ปู้ ฮ่วย ชัว ขวา เวิน ..... คำนี้ลูกสาวสอนไว้เมื่อครั้งไปเที่ยวประเทศจีน ซึ่งแปลว่า ฉันพูดภาษาจีนไม่ได้ คนจีนฟังแล้วก็ฮา บางคนมีถามต่ออีก ตอบไม่ได้แล้วจ้า ท่องมาแค่นี้
5.การบริการ-ความไม่ใส่ใจในการให้บริการ
เป็นที่รู้กันว่าค่าแรงที่นี่ต่ำมาก เวลาเราต้องการใช้บริการอะไรสักอย่าง คนที่มาทำงานมักไม่พูดภาษาอังกฤษ บางครั้งหัวหน้าตามมาส่ง อธิบายว่าต้องทำยังไง จากนั้นก็ปล่อยให้ลูกน้องทำงานไป บางงานปล่อยให้ลูกน้องมากันเอง ทำงานกันเอง อันไหนที่เราอธิบายได้ ก็ใช้ภาษามือไป เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ว่ากันไป อันไหนที่ต้องอธิบายจริง ๆ ก็จะให้คนขับตุ๊ก ๆ มาช่วยเป็นล่ามให้
และงานส่วนใหญ่จะทำแบบลวก ๆ ขอไปทีให้เสร็จไวๆ ถ้าเราไม่ยืนคุม งานจะออกมาไม่ดีเลย ดังนั้นงานทุกอย่างที่จ้างให้เค้ามาทำ ต้องกำกับ ต้องคอยบอก ต้องให้ระวังตรงนี้ตรงนั้น หากเผลอความเสียหายจะเกิดขึ้นทันที
เช่น ให้ช่างมาติดตั้งกระจกเงาและชั้นวางของกระจก คนงานนำกระจกชิ้นใหญ่ เพื่อมาวัดและตัดที่บ้าน เราคอยเดินไปดูตลอด เพราะติดตั้งส่วนอื่น ๆ ก็เรียบร้อยดีไม่มีปัญหา แต่จุดสุดท้าย ไม่ทันได้สังเกต มารู้อีกทีคือกลางคืนแล้ว ตอนจะปิดประตูบ้าน พบว่าประตูกระจกมีรอยแตกเป็นทางยาว ไม่มีใครรู้ว่าเกิดจากอะไร ใครเอาอะไรไปชน รู้แต่ว่ามันคือจุดที่ช่างตัดกระจกทำงานอยู่ สุดท้ายเราก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกช่างมาเปลี่ยนกระจกใหม่
ทั้งหมดคือประสบการณ์ที่พวกเราเจอไม่เว้นแต่ละวัน ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ในการซ่อมบ้าน และบางเรื่องกว่าจะแก้ปัญหาได้ ต้องรอแล้วรอเล่า บางเรื่องพูดแล้วพูดอีกกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ บางเรื่องอธิบายไปหลายสิบรอบก็ยังไม่เป็นไปตามที่คุยกันไว้ อยู่ที่นี่ต้องทำใจค่ะ ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เมื่อมันผ่านไป เราก็จะหัวเราะกับมัน