เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริง ที่ผมเจอมาด้วยตัวเองนะคับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านของผมเอง อยากเอามาแชร์ไห้เพื่อนๆนะคับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมอยู่ม.3 คับ ( ปัจจุบันผมอายุ 30 ) ช่วงนั้นอาศัยอยู่กันในบ้านพักครู พ่อผมที่เป็นครูมาครึ่งชีวิต ก็มีความคิดขึ้นมาว่า เราควรมีบ้านเป็นของตัวเองนะ ถ้าเกษียณไป จะได้ไม่ลำบากเรื่องหาที่อยู่ พอคิดได้แบบนั้น เราก็เริ่มมองหาที่อยู่ไหม่กัน หาซื้อบ้าน ซึ่งพ่อผม หาดูตามธนาคารที่ประกาศขายบ้าน ก็ไปเจออยู่สองหลังที่เข้าตาที่สุด ด้วยโลเคชั่นและอะไรหลายๆอย่างที่อยู่ในสโคป
เราออกเดินทางไปดูสถานที่จริงกันคับ หลังแรกที่เราไปดู อยู่ไกล้ตลาด ไกล้เมือง เป็นบ้านสองชั้น มีที่จอดรถแต่ก็แคบหน่อยๆ สภาพบ้านจริงเก่ามากคับ สีลอกหมดแล้ว หน้าบ้านมีต้นไม้ไหญ่ ราวสองคนโอบ แต่ไม่มีใบไม้เลย พ่อหันมาถามกับผมว่า เป็นไงหลังนี้ ลูกรู้สึกยังไงบ้าง ผมก็ตอบด้วยความคิดที่ว่า เราคงตัดสินใจยากถ้ายังไม่เห็นบ้านอีกหลังที่มองกันไว้ แถมหลังที่เราดูกันอยู่นี้ก็ดูเก่ามากด้วย เลยตอบไปว่า ไปดูอีกหลังกันดีกว่า ค่อยคิดกัน
เราเดินทางมาดูบ้านอีกหลังคับ บ้านหลังนี้อยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรร อยู่ไกล้ตลาด หน้าซอยก็มีเซเว่น ยิางกว่านั้นคือ บ้านดูดีมาก ถึงจะเก่า แต่ก็ดูดีมากในการออกแบบ และพื้นที่ไช้สอย จอดรถยนได้สองคัน ก็ยังมีพื้นที่ เหลือไห้จอดรถเล็กๆได้ด้วย เป็นบ้านสองชั้น ที่พูดกันตรงๆ มันไหญ่กว่าทุกหลังในโครงการหมู่บ้านตรงนั้น แถมแปลนบ้านก็ต่างจากบ้านหลังอื่นๆ ภายในตกแต่งสวยงาม พื้นหินอ่อนทั้งชั้นบนและล่าง ถึงจะมีบางจุดที่เก่า และชำรุด เราก็คิดว่ามันดีกว่าหลังแรกมากๆ สรุปเลยมาจบที่หลังนี้
ต้องบอกไห้รู้ก่อนนะคับว่าผมไม่มีความรู้เรื่องบ้านเท่าไหร่ ความแปลกใจของผมคือ เข้ารั้วบ้านไป ตรงพื้นมุมรั้วบ้าน มีเรือไม้ขนาดพอๆกับหมวกกันน๊อคตั้งอยู่ ซึ่งข้างใน มีตุ๊กตาคนแก่ กับตุ๊กตานางรำอยู่ในเรือ พ่อผม เค้าจุดทูป1ดอก แล้วก็ยกเรือนั้นออกไปทิ้ง ตอนนั้นผมก็คิดว่า แบบนี้จะไม่เป็นอะไรแน่นะ มันคือศาลรึปล่าว หรืออะไรก็ไม่รู้สิ แต่คิดว่าพ่อคงรู้ว่าต้องทำอะไร หลังจากนั้น เราก็เริ่มทำความสะอาดตัวบ้านทั้งภายนอกและภายใน ซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย มีบางจุดที่ฝ้าพัง คงเพราะร้างมานาน บวกกับน้ำรั่ว ฝ้าเลยพังลงมาบางจุด หลังจากที่จัดการกันมาสักพัก ก็เริ่มขนของเข้าบ้าน และย้ายมาอยู่กัน
ทุกอย่างปกติดีคับในช่วงแรกๆ ผ่านไปหลายเดือน ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม พ่อผม มีธุระที่ต้องไปต่างจังหวัด ซึ่ง พ่อพาน้องสาวกับแม่ไปด้วย และไห้ผมอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว เพราะห่วงของในบ้าน ด้วยความที่บ้านมันเป็นประตูกระจกทั้งหลัง แกก็กลัวว่าจะโดนขโมยเข้า วันนั้นพ่อแม่ผมออกเดินทางไปราวๆบ่ายสอง พอพ่อแม่ไม่อยู่ ผมก็เลยเล่นเกมได้อย่างสบายใจ ผมนั่งเล่นเกมตั้งแต่บ่ายสามคับ ยิงยาวจนเกือบๆเที่ยงคืน ตอนนั้น 5 ทุ่มกว่า ผมพักเบรก กะจะหาอะไรกิน แล้วค่อยมาเล่นต่อ ก็เลยลงไปชั้นล่างคับ ( ห้องผมอยู่ชั้นสอง หน้าสุด ติดระเบียง ) พอลงบันไดถึงชั้นล่าง จะเจอห้องครัวเลย ผมก็ต้มมาม่าคับ เสียบกาน้ำร้อน เอามาม่ามาเตรียม แต่ด้วยความที่การต้มน้ำร้อนมันเก่ามากมันร้อนช้า ผมเลยจะไปดูทีวีในห้องนั่งเล่นรอ ซึ่ง ณ ตอนนั้น ผมเปิดไฟในห้องครัวไว้ แต่ไม่เปิดไฟห้องนั่งเล่น เพราะ ตรงกำแพงที่กั้นระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น จะมีช่องกระจกฟ่า กว้างราวๆ 30 เซน สูงเมตรครึ่ง สองบาน และทีวี จะตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างกระจกฟ่าสองบานนั้นพอดี แสงไฟจากห้องครัวทะลุผ่านกระจกฟ่ามาที่ห้องนั่งเล่น สว่างเพียงพอไห้ผมมองเห็นสิ่งต่างๆได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ ผมเดินไปข้างทีวีและก้มลงเสียบปลักไฟทีวี ระหว่างที่ก้มลง แสงสว่างมันหายไปชั่วครู่นึง เหมือนมีอะไรบางอย่างมาบังแสงที่ลอดมาจากห้องครัว ผมรีบเงยหน้ามองผ่านกระจกฟ่าเข้าไปที่ห้องครัว เห็นเงาแว็บๆ เลยเดินไปมองผ่านกระจกฟ่าบานที่สอง ก็เห็นเงาความสูงพอๆกับผม เดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ในสุดห้องครัวไป แล้วก็มีเสียงประตูห้องน้ำปิด ผมคิดว่าแม่ลงมาเข้าห้องน้ำ เลยเดินเข้าห้องครัวไปดู ผมสังเกตเห็นสวิตไฟของห้องน้ำ ไม่มีการเปิด เลยเดินไปหน้าประตูห้องน้ำ มองลอดผ่านช่องเล็กๆด้านล่างของประตูทำไห้เห็นว่าห้องน้ำมืดสนิด ผมเลยเรียกแม่ และถาม “ แม่…แม่…… ไม่เปิดไฟมองเห็นหรอ….” ความคิดผมตอนนั้นคือ กลัวว่าแม่เข้าไป ถ้าลื่นล้ม มันอันตราย แถมไม่เปิดไฟอีก จะประหยัดไฟอะไรขนาดนั้น ผมเลยพูดต่อ “ แม่……. งั้นลูกเปิดนะ ” ด้วยความเป็นห่วง ผมกลัวแม่จะลื่นล้มหรือเป็นอะไรรึปล่าว เลยบิดลูกบิดและเปิดประตูช้าๆ ข้างในห้องน้ำ ที่พื้นแห้งสนิด และไม่มีวี่แววของใครในนั้นเลย ผมที่ขนลุกทันทีที่นึกออกว่า พ่อกับแม่ เดินทางไปตั้งแต่บ่ายกว่าๆ ตกใจกับสิ่งที่เห็นมาก ทำไมประตูถึงปิด เงาที่เห็นคือใคร ในเสี้ยววิ ผมวิ่งข้านบนบ้าน และสงบสติอารมณ์ หลังจากนั้นก็คุยอยู่กับเพื่อนเรื่องที่พึ่งเจอ จนเช้า
เหตุการนั้นผ่านมาสองเดือนกว่า พ่อผม ต้องไปจัดการเอกสารที่ต่างจังหวัดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตกหล่นอะไร เลยต้องไปอีกครั้ง เหมือนเดิมคับ ผมเฝ้าบ้านคนเดียว
ผมที่จำเหตุการครั้งก่อนได้ว่าเจออะไร ก็คิดว่าวันนี้ กะจะไม่ลงมาชั้นล่างเลย พ่อแม่ออกเดินทางไปช่วงบ่ายๆเหมือนครั้งแรกเลยคับ ผมก็ขึ้นห้องนั่งเล่นเกมกับเพื่อนลากยาว เกินเที่ยงคืนไป แต่ไม่ชัวเรื่องเวลานะคับ ผมแพ้ไห้กับความหิว ผมเลยต้องจำใจลงชั้นล่างไปที่ห้องครัวเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ ผมเตรียมของกิน และตั้งไว้ที่เค้าเตอร์บาติดกับบันได หลังจากนั้นก็เข้าห้องน้ำ ทำธุระไห้เสร็จ เตรียมขึ้นบนบ้าน ผมมีนิสัยติดตัวอย่างนึงคับ คือหลังจากที่ออกจากห้องน้ำ ผมจะเช็ดเท้าจนแห้งสนิท เพราะผมไม่ชอบเดินในบ้านขณะที่เท้าเบียก ผมกลัวลื่นคับ และมันก็เนอะหน่ะด้วย ตอนนั้นผมยืนถูดยืนเช็ดเท้ากับผ้าเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำจนแห้งสนิท แล้วเดินไปหยิบขนมกับน้ำ เตรียมขึ้นบันได ผมปิดไฟในห้องครัว ขณะที่ก้าวขาขึ้นบันไดก้าวแรก มันมีเสียงคับ เป็นเสียงที่เหมือนกับฝ่าเท้ากระแทกลงบนพื้น เหมือนคนเดินอ่ะคับ แต่ แค่ครั้งเดียว เหมือนเดินก้าวเดียว และอีกอย่าง เสียงนั้น มันเป็นเสียงแบบ เสียงเท้าที่เปียกๆอ่ะคับ ดังมาจากหน้าห้องน้ำ เพียงก้าวเดียว ด้วยความที่เป็นต่างจังหวัดและบ้านผมมันเก็บเสียงอ่ะคับ เสียงที่เกิดขึ้นทุกเสียงในบ้านมันจะดังมาก ตอนนั้นผมได้ยินเสียงเลยหยุดเดินแล้วคิดว่า เมื่อกี้มันคือเสียงอะไรกันแน่ แล้วพอผมก้าวขาขึ้นบันได้อีกขั้น เสียงนั้นมันดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนผมเดินหนึ่งก้าว มันก็ก้าวขาตาม 1 ก้าว ตอนนั้นผมขนลุกและกลัวมากคับ ในชั่วอึดใจที่ผมยืนนิ่งอยู่ เสียงเท้าที่เปียกน้ำ มันก้าวต่อ แปะ .. แปะ.. แปะๆๆๆๆ แล้วมาหยุดอยู่ข้างหลังผม ในระยะที่ น่าจะยื่นแขนมาจับไล่ผมได้ ผมไม่กล้าหันไปมองคับ เลยเดินขึ้นชั้นบนแบบเร็วกว่าการเดินปกติ แต่ไม่ถึงกับวิ่งนะคับ ซึ่ง เสียงเท้า มันซ้อนมาคับ คือทุกๆก้าวของมัน มันมีเสียงซ้อนตามมาทุกก้าว จนผมเดินมาถึงหน้าห้องตัวเอง ประตูห้องผม มันเป็นประตูกระจกคับ ซึ่งผมเปิดแค่ไฟในห้องไว้ นอกนั้นผมไม่ได้เปิด แสงไฟในห้อง ส่องออกมาจากประตูทอดยาวไปด้านหลังของผม ผมทึ่ยืนอยู่หน้าประตู ก็คิดว่า ควรทำอะไรสักอย่าง ถ้าเสียงเท้านั้นตามมายันห้องนอน ก็คงไม่มีที่ไห้อยู่แล้วในคืนนี้ ผมเลยพูดออกไปคับ
“ ผมไม่รู้นะว่าคุณเป็นใคร ถ้าอยากอยู่ด้วย อยู่ได้ ไม่ว่าเลย แต่ช่วยอยู่เป็นผีบ้านผีเรือนคอยดูแลคนในบ้านได้มั้ย ไม่ต้องออกมาหลอกกันได้มั้ย ”
หลังจากพูดจบ ผมแข็งใจ หันกับไปมองคับ ไม่มีใครเลย ข้างหลังผม ผมเลยขยับตัวออกข้างๆนิดนึง ไห้แสงจากห้องผมสองออกไปได้เต็มๆ เลยได้เห็นคับ ว่าบนพื้น มีรอยเปียก เป็นรูปฝ่าเท้าคับ ซึ่งขนาดของรอยเท้านั้น เล็กกว่าเท้าผมประมาณนึงเลย เป็นรอยยาวไปถึงบันได ในขณะที่เท้าผม แห้งสนิท ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้ว
หลังจากเหตุการนั้น ผมก็ไม่เคยเจออะไรผิดปกติในบ้านอีกเลย จน วันที่แฟนผมมาที่บ้านคับ
เรื่องประมาณนี้คับ
แชร์เรื่องหลอนคับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมอยู่ม.3 คับ ( ปัจจุบันผมอายุ 30 ) ช่วงนั้นอาศัยอยู่กันในบ้านพักครู พ่อผมที่เป็นครูมาครึ่งชีวิต ก็มีความคิดขึ้นมาว่า เราควรมีบ้านเป็นของตัวเองนะ ถ้าเกษียณไป จะได้ไม่ลำบากเรื่องหาที่อยู่ พอคิดได้แบบนั้น เราก็เริ่มมองหาที่อยู่ไหม่กัน หาซื้อบ้าน ซึ่งพ่อผม หาดูตามธนาคารที่ประกาศขายบ้าน ก็ไปเจออยู่สองหลังที่เข้าตาที่สุด ด้วยโลเคชั่นและอะไรหลายๆอย่างที่อยู่ในสโคป
เราออกเดินทางไปดูสถานที่จริงกันคับ หลังแรกที่เราไปดู อยู่ไกล้ตลาด ไกล้เมือง เป็นบ้านสองชั้น มีที่จอดรถแต่ก็แคบหน่อยๆ สภาพบ้านจริงเก่ามากคับ สีลอกหมดแล้ว หน้าบ้านมีต้นไม้ไหญ่ ราวสองคนโอบ แต่ไม่มีใบไม้เลย พ่อหันมาถามกับผมว่า เป็นไงหลังนี้ ลูกรู้สึกยังไงบ้าง ผมก็ตอบด้วยความคิดที่ว่า เราคงตัดสินใจยากถ้ายังไม่เห็นบ้านอีกหลังที่มองกันไว้ แถมหลังที่เราดูกันอยู่นี้ก็ดูเก่ามากด้วย เลยตอบไปว่า ไปดูอีกหลังกันดีกว่า ค่อยคิดกัน
เราเดินทางมาดูบ้านอีกหลังคับ บ้านหลังนี้อยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรร อยู่ไกล้ตลาด หน้าซอยก็มีเซเว่น ยิางกว่านั้นคือ บ้านดูดีมาก ถึงจะเก่า แต่ก็ดูดีมากในการออกแบบ และพื้นที่ไช้สอย จอดรถยนได้สองคัน ก็ยังมีพื้นที่ เหลือไห้จอดรถเล็กๆได้ด้วย เป็นบ้านสองชั้น ที่พูดกันตรงๆ มันไหญ่กว่าทุกหลังในโครงการหมู่บ้านตรงนั้น แถมแปลนบ้านก็ต่างจากบ้านหลังอื่นๆ ภายในตกแต่งสวยงาม พื้นหินอ่อนทั้งชั้นบนและล่าง ถึงจะมีบางจุดที่เก่า และชำรุด เราก็คิดว่ามันดีกว่าหลังแรกมากๆ สรุปเลยมาจบที่หลังนี้
ต้องบอกไห้รู้ก่อนนะคับว่าผมไม่มีความรู้เรื่องบ้านเท่าไหร่ ความแปลกใจของผมคือ เข้ารั้วบ้านไป ตรงพื้นมุมรั้วบ้าน มีเรือไม้ขนาดพอๆกับหมวกกันน๊อคตั้งอยู่ ซึ่งข้างใน มีตุ๊กตาคนแก่ กับตุ๊กตานางรำอยู่ในเรือ พ่อผม เค้าจุดทูป1ดอก แล้วก็ยกเรือนั้นออกไปทิ้ง ตอนนั้นผมก็คิดว่า แบบนี้จะไม่เป็นอะไรแน่นะ มันคือศาลรึปล่าว หรืออะไรก็ไม่รู้สิ แต่คิดว่าพ่อคงรู้ว่าต้องทำอะไร หลังจากนั้น เราก็เริ่มทำความสะอาดตัวบ้านทั้งภายนอกและภายใน ซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย มีบางจุดที่ฝ้าพัง คงเพราะร้างมานาน บวกกับน้ำรั่ว ฝ้าเลยพังลงมาบางจุด หลังจากที่จัดการกันมาสักพัก ก็เริ่มขนของเข้าบ้าน และย้ายมาอยู่กัน
ทุกอย่างปกติดีคับในช่วงแรกๆ ผ่านไปหลายเดือน ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม พ่อผม มีธุระที่ต้องไปต่างจังหวัด ซึ่ง พ่อพาน้องสาวกับแม่ไปด้วย และไห้ผมอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว เพราะห่วงของในบ้าน ด้วยความที่บ้านมันเป็นประตูกระจกทั้งหลัง แกก็กลัวว่าจะโดนขโมยเข้า วันนั้นพ่อแม่ผมออกเดินทางไปราวๆบ่ายสอง พอพ่อแม่ไม่อยู่ ผมก็เลยเล่นเกมได้อย่างสบายใจ ผมนั่งเล่นเกมตั้งแต่บ่ายสามคับ ยิงยาวจนเกือบๆเที่ยงคืน ตอนนั้น 5 ทุ่มกว่า ผมพักเบรก กะจะหาอะไรกิน แล้วค่อยมาเล่นต่อ ก็เลยลงไปชั้นล่างคับ ( ห้องผมอยู่ชั้นสอง หน้าสุด ติดระเบียง ) พอลงบันไดถึงชั้นล่าง จะเจอห้องครัวเลย ผมก็ต้มมาม่าคับ เสียบกาน้ำร้อน เอามาม่ามาเตรียม แต่ด้วยความที่การต้มน้ำร้อนมันเก่ามากมันร้อนช้า ผมเลยจะไปดูทีวีในห้องนั่งเล่นรอ ซึ่ง ณ ตอนนั้น ผมเปิดไฟในห้องครัวไว้ แต่ไม่เปิดไฟห้องนั่งเล่น เพราะ ตรงกำแพงที่กั้นระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น จะมีช่องกระจกฟ่า กว้างราวๆ 30 เซน สูงเมตรครึ่ง สองบาน และทีวี จะตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างกระจกฟ่าสองบานนั้นพอดี แสงไฟจากห้องครัวทะลุผ่านกระจกฟ่ามาที่ห้องนั่งเล่น สว่างเพียงพอไห้ผมมองเห็นสิ่งต่างๆได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ ผมเดินไปข้างทีวีและก้มลงเสียบปลักไฟทีวี ระหว่างที่ก้มลง แสงสว่างมันหายไปชั่วครู่นึง เหมือนมีอะไรบางอย่างมาบังแสงที่ลอดมาจากห้องครัว ผมรีบเงยหน้ามองผ่านกระจกฟ่าเข้าไปที่ห้องครัว เห็นเงาแว็บๆ เลยเดินไปมองผ่านกระจกฟ่าบานที่สอง ก็เห็นเงาความสูงพอๆกับผม เดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ในสุดห้องครัวไป แล้วก็มีเสียงประตูห้องน้ำปิด ผมคิดว่าแม่ลงมาเข้าห้องน้ำ เลยเดินเข้าห้องครัวไปดู ผมสังเกตเห็นสวิตไฟของห้องน้ำ ไม่มีการเปิด เลยเดินไปหน้าประตูห้องน้ำ มองลอดผ่านช่องเล็กๆด้านล่างของประตูทำไห้เห็นว่าห้องน้ำมืดสนิด ผมเลยเรียกแม่ และถาม “ แม่…แม่…… ไม่เปิดไฟมองเห็นหรอ….” ความคิดผมตอนนั้นคือ กลัวว่าแม่เข้าไป ถ้าลื่นล้ม มันอันตราย แถมไม่เปิดไฟอีก จะประหยัดไฟอะไรขนาดนั้น ผมเลยพูดต่อ “ แม่……. งั้นลูกเปิดนะ ” ด้วยความเป็นห่วง ผมกลัวแม่จะลื่นล้มหรือเป็นอะไรรึปล่าว เลยบิดลูกบิดและเปิดประตูช้าๆ ข้างในห้องน้ำ ที่พื้นแห้งสนิด และไม่มีวี่แววของใครในนั้นเลย ผมที่ขนลุกทันทีที่นึกออกว่า พ่อกับแม่ เดินทางไปตั้งแต่บ่ายกว่าๆ ตกใจกับสิ่งที่เห็นมาก ทำไมประตูถึงปิด เงาที่เห็นคือใคร ในเสี้ยววิ ผมวิ่งข้านบนบ้าน และสงบสติอารมณ์ หลังจากนั้นก็คุยอยู่กับเพื่อนเรื่องที่พึ่งเจอ จนเช้า
เหตุการนั้นผ่านมาสองเดือนกว่า พ่อผม ต้องไปจัดการเอกสารที่ต่างจังหวัดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตกหล่นอะไร เลยต้องไปอีกครั้ง เหมือนเดิมคับ ผมเฝ้าบ้านคนเดียว
ผมที่จำเหตุการครั้งก่อนได้ว่าเจออะไร ก็คิดว่าวันนี้ กะจะไม่ลงมาชั้นล่างเลย พ่อแม่ออกเดินทางไปช่วงบ่ายๆเหมือนครั้งแรกเลยคับ ผมก็ขึ้นห้องนั่งเล่นเกมกับเพื่อนลากยาว เกินเที่ยงคืนไป แต่ไม่ชัวเรื่องเวลานะคับ ผมแพ้ไห้กับความหิว ผมเลยต้องจำใจลงชั้นล่างไปที่ห้องครัวเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ ผมเตรียมของกิน และตั้งไว้ที่เค้าเตอร์บาติดกับบันได หลังจากนั้นก็เข้าห้องน้ำ ทำธุระไห้เสร็จ เตรียมขึ้นบนบ้าน ผมมีนิสัยติดตัวอย่างนึงคับ คือหลังจากที่ออกจากห้องน้ำ ผมจะเช็ดเท้าจนแห้งสนิท เพราะผมไม่ชอบเดินในบ้านขณะที่เท้าเบียก ผมกลัวลื่นคับ และมันก็เนอะหน่ะด้วย ตอนนั้นผมยืนถูดยืนเช็ดเท้ากับผ้าเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำจนแห้งสนิท แล้วเดินไปหยิบขนมกับน้ำ เตรียมขึ้นบันได ผมปิดไฟในห้องครัว ขณะที่ก้าวขาขึ้นบันไดก้าวแรก มันมีเสียงคับ เป็นเสียงที่เหมือนกับฝ่าเท้ากระแทกลงบนพื้น เหมือนคนเดินอ่ะคับ แต่ แค่ครั้งเดียว เหมือนเดินก้าวเดียว และอีกอย่าง เสียงนั้น มันเป็นเสียงแบบ เสียงเท้าที่เปียกๆอ่ะคับ ดังมาจากหน้าห้องน้ำ เพียงก้าวเดียว ด้วยความที่เป็นต่างจังหวัดและบ้านผมมันเก็บเสียงอ่ะคับ เสียงที่เกิดขึ้นทุกเสียงในบ้านมันจะดังมาก ตอนนั้นผมได้ยินเสียงเลยหยุดเดินแล้วคิดว่า เมื่อกี้มันคือเสียงอะไรกันแน่ แล้วพอผมก้าวขาขึ้นบันได้อีกขั้น เสียงนั้นมันดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนผมเดินหนึ่งก้าว มันก็ก้าวขาตาม 1 ก้าว ตอนนั้นผมขนลุกและกลัวมากคับ ในชั่วอึดใจที่ผมยืนนิ่งอยู่ เสียงเท้าที่เปียกน้ำ มันก้าวต่อ แปะ .. แปะ.. แปะๆๆๆๆ แล้วมาหยุดอยู่ข้างหลังผม ในระยะที่ น่าจะยื่นแขนมาจับไล่ผมได้ ผมไม่กล้าหันไปมองคับ เลยเดินขึ้นชั้นบนแบบเร็วกว่าการเดินปกติ แต่ไม่ถึงกับวิ่งนะคับ ซึ่ง เสียงเท้า มันซ้อนมาคับ คือทุกๆก้าวของมัน มันมีเสียงซ้อนตามมาทุกก้าว จนผมเดินมาถึงหน้าห้องตัวเอง ประตูห้องผม มันเป็นประตูกระจกคับ ซึ่งผมเปิดแค่ไฟในห้องไว้ นอกนั้นผมไม่ได้เปิด แสงไฟในห้อง ส่องออกมาจากประตูทอดยาวไปด้านหลังของผม ผมทึ่ยืนอยู่หน้าประตู ก็คิดว่า ควรทำอะไรสักอย่าง ถ้าเสียงเท้านั้นตามมายันห้องนอน ก็คงไม่มีที่ไห้อยู่แล้วในคืนนี้ ผมเลยพูดออกไปคับ
“ ผมไม่รู้นะว่าคุณเป็นใคร ถ้าอยากอยู่ด้วย อยู่ได้ ไม่ว่าเลย แต่ช่วยอยู่เป็นผีบ้านผีเรือนคอยดูแลคนในบ้านได้มั้ย ไม่ต้องออกมาหลอกกันได้มั้ย ”
หลังจากพูดจบ ผมแข็งใจ หันกับไปมองคับ ไม่มีใครเลย ข้างหลังผม ผมเลยขยับตัวออกข้างๆนิดนึง ไห้แสงจากห้องผมสองออกไปได้เต็มๆ เลยได้เห็นคับ ว่าบนพื้น มีรอยเปียก เป็นรูปฝ่าเท้าคับ ซึ่งขนาดของรอยเท้านั้น เล็กกว่าเท้าผมประมาณนึงเลย เป็นรอยยาวไปถึงบันได ในขณะที่เท้าผม แห้งสนิท ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้ว
หลังจากเหตุการนั้น ผมก็ไม่เคยเจออะไรผิดปกติในบ้านอีกเลย จน วันที่แฟนผมมาที่บ้านคับ
เรื่องประมาณนี้คับ