JJNY : รสนาเอาจริง! ยื่นอธิบดีกรมศุลฯ-สรรพากร สอบการนำเข้า-ภาษี นาฬิการองนายกฯทั้ง 25 เรือน

กระทู้คำถาม
วันนี้ (22 ม.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือให้อธิบดีกรมศุลกากรและกรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนาฬิกาทั้ง 25 เรือนของรองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า

“ขอให้อธิบดีกรมศุลกากรและกรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนาฬิกาทั้ง 25 เรือนตามดำริของนายกฯให้เป็นไปตามกลไกของกฎหมาย”

วันนี้ (22 ม.ค 2561) ดิฉันส่งหนังสือลงทะเบียนและเอกสารใบตอบรับไปยังอธิบดีกรมศุลกากร และอธิบดีกรมสรรพากร ขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีของนาฬิกาที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สวมใส่ทั้ง 25 เรือน

การที่พลเอกประวิตรให้สัมภาษณ์ว่านาฬิกาทั้งหมดยืมเพื่อนมาและคืนไปหมดแล้วนั้นไม่เป็นเหตุทำให้กรมศุลกากรและกรมสรรพากรยุติการตรวจสอบ เพราะเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าหลายสิบล้านบาท

ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 157(4) ให้อำนาจพนักงานศุลกากรมีหนังสือเรียกผู้นำของเข้ามาตรวจสอบหากมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายศุลกากร

การที่นาฬิกาหรูเป็นนาฬิกาที่ผลิตในต่างประเทศและพลเอกประวิตรสวมใส่นั้น ในเบื้องต้นต้องถือว่าพลเอกประวิตรเป็นผู้นำเข้า อธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจออกหนังสือแจ้งให้พลเอกประวิตรมาตรวจสอบว่ามีการเสียอากรขาเข้าถูกต้องหรือไม่ หากพลเอกประวิตรให้การว่ายืมนาย ก. นาย ข.มาสวมใส่ ตนไม่ใช่ผู้นำเข้า พลเอกประวิตรต้องพิสูจน์ให้สิ้นสงสัย โดยการนำนาย ก. นาย ข.นั้นมายืนยันพร้อมหลักฐานที่นาย ก. นาย ข.ซื้อมาจากร้านในต่างประเทศ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีและใบรับประกัน หากไม่มีหลักฐานดังกล่าวนี้ มีแต่ข้ออ้างลอยๆ ว่าเป็นของนาย ก.นาย ข.ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นนาฬิกาของนาย ก. นาย ข.และต้องถือว่าเป็นนาฬิกาของพลเอกประวิตร

พลเอกประวิตรก็ต้องถูกประเมินเรียกเก็บภาษีและต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานนำของเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรและเสียภาษีให้ถูกต้อง แต่ถ้านาย ก. นาย ข.มีหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าเป็นเจ้าของนาฬิกาจริงเพราะซื้อมาจริง มีใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีและใบรับประกันมาเป็นหลักฐาน ก็ต้องพิสูจน์ต่อไปว่าได้เสียอากรขาเข้าแล้วหรือไม่ หากพิสูจน์ไม่ได้ก็มีความผิดตามมาตรา 242 และพลเอกประวิตรผู้สวมใส่นาฬิกาก็มีความผิดตามมาตรา 246 ที่รับของหนีภาษีไว้สวมใส่

สำหรับอธิบดีกรมสรรพากร ดิฉันขอให้ใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 19 ออกหมายเรียกพลเอกประวิตรมาไต่สวนว่าเป็นนาฬิกาของพลเอกประวิตรหรือของเพื่อนให้ยืมสวมใส่ หากเป็นนาฬิกาของพลเอกประวิตร ก็ให้ตรวจสอบต่อไปว่าเงินที่พลเอกประวิตรนำมาซื้อนาฬิกานั้นได้เสียภาษีหรือยัง หากยังไม่ได้เสียภาษี ก็ต้องประเมินให้เสียภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ทั้งดำเนินคดีอาญาพลเอกประวิตรฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ด้วย แต่ถ้าพลเอกประวิตรให้การว่าเป็นนาฬิกาของนาย ก. นาย ข. อธิบดีกรมสรรพากรต้องเรียกนาย ก. นายข.มาชี้แจงเรื่องภาษี หากนาย ก. นาย ข.ยังไม่ได้เสียภาษีเงินได้ กรมสรรพากรก็ต้องประเมินให้เสียภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม และดำเนินคดีอาญากับผู้ให้ยืมฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรมาตรา 37 เช่นเดียวกัน

จึงขอให้อธิบดีกรมศุลกากรและกรมสรรพากรปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเป็นไปตามดำริที่ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ให้กลไกการตรวจสอบที่มาของนาฬิกาหรูเหล่านั้นดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมาย”

การดำเนินการหรือไม่ดำเนินการของอธิบดีทั้ง 2 กรมฯจะเป็นข้อพิสูจน์ว่ากลไกตรวจสอบตามกฎหมายที่ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวอ้างถึงนั้น จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ เมื่อผู้ที่ต้องถูกตรวจสอบอยู่ในตำแหน่งระดับสูงรองมาจากตำแหน่งของท่านนายกรัฐมนตรี !!??
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่