
เค้าบอกว่าหากไม่ไปเยี่ยมรูปปั้น mermaid ก็ไปไม่ถึง Copenhagen
ถ้างั้นจะถือว่าเรามาถึง Copenhagen มั๊ยเนี่ย และเค้าที่ว่านี่คือใครกันนะ..
เอาเป็นว่าอย่างน้อยเราจะพาไปรู้จักกับ
J-Dag, Hygge,Tivoli ในธีม Halloween
ผ่านกระทู้บันทึกการเดินทางกึ่งรีวิวนี้ผ่านกล้องฟิล์มละกันเนอะ
Rollei 35T อายุเกิน 30 ขวบตัวนี้เป็นของเก่าเก็บของคุณพ่อของคุณพ่อบ้านที่เสียไปแล้วค่ะ
ไม่แน่ใจว่าครั้งล่าสุดที่ท่านใช้คือเมื่อไหร่
แต่ตั้งใจไว้ว่าต่อจากนี้ไป ทุกทริปเราจะพกมันไปท่องโลกกว้างกับเราด้วยค่ะ
ถ้าไม่ใช่เพราะจุดมุ่งหมายของเราทริปนี้คือ Faroe Islands เราคงยังไม่มีแผนจะมาที่นี่ในเร็วๆนี้
“เราไปที่นี่กันมั๊ย”
พ่อบ้านพูดพลางใช้เมาส์ลากพอยเตอร์ไปบนหมู่เกาะที่มองเห็นเป็นแค่จุดเล็กๆกลางมหาสมุทรแอตแลนติก
ไม่ทันได้ข้อมูลอะไรมากมาย พลันราคาตั๋วของการบินไทยก็ล่อตาล่อใจจนเราเผลอกดจองไปในแทบจะทันที

ย้อนอ่านกระทู้รีวิว Faroe Islands ได้ที่นี่ค่ะ
https://pantip.com/topic/37257209

เครื่องบิน Airbus A320 ของสายการบิน SAS พาเรากลับมาที่สนามบินโคเปนเฮเกนอีกครั้งหลังจากจบทริป 8 วันบนหมู่เกาะแฟโร
เรามีเวลาสามคืนที่นี่ และนี่ก็อีกครั้งที่เรายังไม่มีแพลนใดๆในหัว
เราเลยตัดสินใจมองข้ามสถานที่ไฮไลต์ทั้งปวง จำไม่ได้ว่าตอนนั้นปล่อยให้ผีอินดี้หรือผีขี้เกียจสิงร่าง
อุปมาว่าเป็นให้ผีอินดี้นำทาง เราจะไปทำความรู้จักโคเปนเฮเก้นแบบไร้คู่มือกันค่ะ

เราพยายามเลือกที่พักที่ใกล้ตัวเมืองและรถไฟฟ้ามากที่สุด
สนนราคาเกือบ 7000 บาทกับห้องพักในเมืองขนาดเพียงแค่ 13 ตารางเมตร
บวกกับสภาพโรงแรมที่ถูกดัดแปลงมาจากอาคารโบราณ เราตัดสินไปก่อนเลยว่า ..ที่นี่แพงชะมัด
หากเราไม่ควรตัดสินผู้คนจากหน้าตาฉันใด ก็ไม่ควรตัดสินเมืองจากราคาค่าห้องฉันนั้น 5555 คิดเอาเอง

เราเปิดบทสนทนากับพี่คนขับแท็กซี่หน้าตาบ่งบอกถึงเชื้อชาติจากประเทศทางตะวันออกกลาง
พี่เค้าเล่าว่าเค้าอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 30 ปีแล้ว
“คุณรู้มั๊ย ผู้คนที่นี่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากันเท่าไหร่”
“ไม่ทราบสิคะ 40% มั้ง”
“ประมาณ 55% ..แต่นั่นคือขั้นต่ำนะ ทุกคนยินดีจ่ายเพราะว่าเค้ามีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานกันแล้วงัย เค้าเลยยอมจ่ายเพื่อสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆในชีวิตประจำวัน ก็เหมือนกับเป็นการซื้อคุณภาพชีวิตนั่นแหล่ะ”

บรรยากาศระหว่างทางบนถนนใน Copenhagen ช่วงนี้เต็มไปด้วยป้ายโฆษณาหาเสียงของการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่จะมีในไม่ช้านี้
เรากำลังมองป้ายเพลินๆพี่แท็กซี่ก็เหมือนจะเดาความคิดเราออก
“ในประเทศที่ผมจากมา ก็คงคล้ายๆประเทศคุณและประเทศอื่นๆในเอเชียนั่นแหล่ะ การเมืองก็ยังคงเดิมๆ คอรัปชั่นยังคงเป็นปัญหาใหญ่ ที่นี่ถ้าฝ่ายบริหารโดนจับได้ว่าคอรัปชั่น เค้าจะรีบแสดงความรับผิดชอบโดยการรีบลาออกไปเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอายมาก ในแถบบ้านเราคนจนก็ยังคงจนอยู่อย่างนั้น คนรวยก็รวยล้นฟ้า หากแก้ไขที่ระบบการบริหารประเทศไม่ได้ ถึงพัฒนาคนรุ่นใหม่ไปยังงัยก็เจริญลำบาก นี่แหล่ะคือเหตุผลที่ผมตัดสินใจหนีจากปัญหาตรงนั้นมา แล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่”
"คุณรู้มั๊ยว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมที่นี่ต่ำมาก โจรวิ่งราวที่นี่แทบเป็นศูนย์ มีทีก็ปล้นแบงค์ไปเลย 5555"
เราอยากรู้เลยไปเปิดหา reference ..ปลอดภัยจริงๆแฮะ ^^
https://www.numbeo.com/crime/in/Copenhagen
อืมม เป็นบทสนทนาระหว่างทางที่หนักเหมือนกันนะ แต่มันก็ทำให้เราคิดย้อนอะไรตามได้อีกเยอะเลย
และตอนนี้ผลการเลือกตั้งออกมาแล้วค่ะ ผู้ชนะคือ Frank Jensen ผู้ชายที่อยู่บนป้ายสีขาวแดงคนนั้นนั่นเอง
[CR] ทิ้งคู่มือท่องเที่ยว ให้หัวใจพาไปรู้จักกับเมืองที่ผู้คนมีความสุขที่สุดในโลก.. Copenhagen ผ่านเลนส์ 35mm ของ Rollei T35
เค้าบอกว่าหากไม่ไปเยี่ยมรูปปั้น mermaid ก็ไปไม่ถึง Copenhagen
ถ้างั้นจะถือว่าเรามาถึง Copenhagen มั๊ยเนี่ย และเค้าที่ว่านี่คือใครกันนะ..
เอาเป็นว่าอย่างน้อยเราจะพาไปรู้จักกับ
J-Dag, Hygge,Tivoli ในธีม Halloween
ผ่านกระทู้บันทึกการเดินทางกึ่งรีวิวนี้ผ่านกล้องฟิล์มละกันเนอะ
Rollei 35T อายุเกิน 30 ขวบตัวนี้เป็นของเก่าเก็บของคุณพ่อของคุณพ่อบ้านที่เสียไปแล้วค่ะ
ไม่แน่ใจว่าครั้งล่าสุดที่ท่านใช้คือเมื่อไหร่
แต่ตั้งใจไว้ว่าต่อจากนี้ไป ทุกทริปเราจะพกมันไปท่องโลกกว้างกับเราด้วยค่ะ
ถ้าไม่ใช่เพราะจุดมุ่งหมายของเราทริปนี้คือ Faroe Islands เราคงยังไม่มีแผนจะมาที่นี่ในเร็วๆนี้
“เราไปที่นี่กันมั๊ย”
พ่อบ้านพูดพลางใช้เมาส์ลากพอยเตอร์ไปบนหมู่เกาะที่มองเห็นเป็นแค่จุดเล็กๆกลางมหาสมุทรแอตแลนติก
ไม่ทันได้ข้อมูลอะไรมากมาย พลันราคาตั๋วของการบินไทยก็ล่อตาล่อใจจนเราเผลอกดจองไปในแทบจะทันที
ย้อนอ่านกระทู้รีวิว Faroe Islands ได้ที่นี่ค่ะ
https://pantip.com/topic/37257209
เครื่องบิน Airbus A320 ของสายการบิน SAS พาเรากลับมาที่สนามบินโคเปนเฮเกนอีกครั้งหลังจากจบทริป 8 วันบนหมู่เกาะแฟโร
เรามีเวลาสามคืนที่นี่ และนี่ก็อีกครั้งที่เรายังไม่มีแพลนใดๆในหัว
เราเลยตัดสินใจมองข้ามสถานที่ไฮไลต์ทั้งปวง จำไม่ได้ว่าตอนนั้นปล่อยให้ผีอินดี้หรือผีขี้เกียจสิงร่าง
อุปมาว่าเป็นให้ผีอินดี้นำทาง เราจะไปทำความรู้จักโคเปนเฮเก้นแบบไร้คู่มือกันค่ะ
เราพยายามเลือกที่พักที่ใกล้ตัวเมืองและรถไฟฟ้ามากที่สุด
สนนราคาเกือบ 7000 บาทกับห้องพักในเมืองขนาดเพียงแค่ 13 ตารางเมตร
บวกกับสภาพโรงแรมที่ถูกดัดแปลงมาจากอาคารโบราณ เราตัดสินไปก่อนเลยว่า ..ที่นี่แพงชะมัด
หากเราไม่ควรตัดสินผู้คนจากหน้าตาฉันใด ก็ไม่ควรตัดสินเมืองจากราคาค่าห้องฉันนั้น 5555 คิดเอาเอง
เราเปิดบทสนทนากับพี่คนขับแท็กซี่หน้าตาบ่งบอกถึงเชื้อชาติจากประเทศทางตะวันออกกลาง
พี่เค้าเล่าว่าเค้าอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 30 ปีแล้ว
“คุณรู้มั๊ย ผู้คนที่นี่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากันเท่าไหร่”
“ไม่ทราบสิคะ 40% มั้ง”
“ประมาณ 55% ..แต่นั่นคือขั้นต่ำนะ ทุกคนยินดีจ่ายเพราะว่าเค้ามีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานกันแล้วงัย เค้าเลยยอมจ่ายเพื่อสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆในชีวิตประจำวัน ก็เหมือนกับเป็นการซื้อคุณภาพชีวิตนั่นแหล่ะ”
บรรยากาศระหว่างทางบนถนนใน Copenhagen ช่วงนี้เต็มไปด้วยป้ายโฆษณาหาเสียงของการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่จะมีในไม่ช้านี้
เรากำลังมองป้ายเพลินๆพี่แท็กซี่ก็เหมือนจะเดาความคิดเราออก
“ในประเทศที่ผมจากมา ก็คงคล้ายๆประเทศคุณและประเทศอื่นๆในเอเชียนั่นแหล่ะ การเมืองก็ยังคงเดิมๆ คอรัปชั่นยังคงเป็นปัญหาใหญ่ ที่นี่ถ้าฝ่ายบริหารโดนจับได้ว่าคอรัปชั่น เค้าจะรีบแสดงความรับผิดชอบโดยการรีบลาออกไปเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอายมาก ในแถบบ้านเราคนจนก็ยังคงจนอยู่อย่างนั้น คนรวยก็รวยล้นฟ้า หากแก้ไขที่ระบบการบริหารประเทศไม่ได้ ถึงพัฒนาคนรุ่นใหม่ไปยังงัยก็เจริญลำบาก นี่แหล่ะคือเหตุผลที่ผมตัดสินใจหนีจากปัญหาตรงนั้นมา แล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่”
"คุณรู้มั๊ยว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมที่นี่ต่ำมาก โจรวิ่งราวที่นี่แทบเป็นศูนย์ มีทีก็ปล้นแบงค์ไปเลย 5555"
เราอยากรู้เลยไปเปิดหา reference ..ปลอดภัยจริงๆแฮะ ^^
https://www.numbeo.com/crime/in/Copenhagen
อืมม เป็นบทสนทนาระหว่างทางที่หนักเหมือนกันนะ แต่มันก็ทำให้เราคิดย้อนอะไรตามได้อีกเยอะเลย
และตอนนี้ผลการเลือกตั้งออกมาแล้วค่ะ ผู้ชนะคือ Frank Jensen ผู้ชายที่อยู่บนป้ายสีขาวแดงคนนั้นนั่นเอง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น