[CR] No.90 The Zone of Interest : สวรรค์อยู่กลางบก นรกอยู่บนดิน


- เคยชอบและประทับใจ Under The Skin (2013) มากยังไงก็ยังรู้สึกแบบเดียวกับเรื่องนี้ไม่เคยเปลี่ยน อีกทั้งการกลับมากำกับอีกครั้งในรอบ 10 ปีของผู้กำกับ Jonathan Grazer รอบนี้จะลดการเล่นท่ายากด้วยภาพแปลก ๆ แบบ Music Videos ที่ยากจะเข้าถึงเหมือนเรื่องที่แล้วแต่ในแง่ของแก่นสารถือว่าจัดมาเต็มเปี่ยมและดูย่อยง่ายกว่า เพราะ มีนิยายเป็นโครงหลัก มีฉากหลังเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นฐานรองรับแล้วรวมถึงตัวละครในเรื่องมีตัวตนจริงมันเลยทำให้ข้อมูลทุกอย่างที่เราเสพมีความน่าเชื่อถือเข้าไปอีก ถึงแม้จะมีการหยิบยกเรื่องราวพวกนี้มาสร้างกันหลายร้อยพันเรื่องจนแผ่นเป็นรอย มีการแต่งเติมใส่ไข่ลงไปตามมุมมองของผู้กำกับแต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าแต่ละเรื่องที่ทำออกมาสนุกทุกครั้งแถมยังขายได้ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะ ยังมีอีกหลายแง่มุมที่ไม่เคยถึงพูดถึงอีกมากทั้งในมุมของเชลยหรือฝั่งนาซีก็นำมาเล่าถึงเป็นหนังให้นักดูหนังอย่างเราได้ดูกันต่อไปไม่รู้จบ
 
- ซึ่งเรื่องนี้ก็เช่นกันแต่จะต่างจากเรื่องอื่นตรงที่ไม่เลือกแสดงภาพความโหดร้ายจากการ Action ใด ๆ ให้เราเห็น จะมีให้เห็นแค่รอยเลือดเล็ก ๆ ที่หยดลงพื้น กลุ่มควันลอยขึ้นฟ้า หรือ เสียงรอบข้างที่เกิดจากการใช้อำนาจเผด็จการกระทำต่อเชลยแค่นั้นแต่ก็พอช่วยนึกภาพตามได้ไม่ยาก ในส่วนของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ก็ยังทำงานตาม Timeline ของมันไปอย่างต่อเนื่อง นอกนั้นก็จะไปโฟกัสที่ภาพครอบครัวสุขสันต์ นำโดย รูดอล์ฟ รับบทโดย Christian Fieldel ผู้บัญชาการทหารในค่ายกักกันเอาชวิทซ์ กับ เฮดวิก ภรรเมีย ที่รับบทโดย Sandra Huller และลูก ๆ กำลังเล่นน้ำกันอย่างสบายใจในลำธารที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเขาและค่ายกักกันแห่งนี้ พอเล่นน้ำเสร็จจึงขับรถกลับเข้าไปในบ้านอันแสนสงบที่ถูกออกแบบอย่างเป็นระเบียบ หลังจากนั้นหนังจะพาเราดูการใช้ชีวิตของคนในบ้านว่าใครเป็นใคร ? มีหน้าที่อะไร ? อยู่กี่คน ? อารมณ์กึ่งแนะนำตัวกึ่งสำรวจเหมือนกันรายการตีท้ายครัว บางช่วงจะมีเพื่อนบ้านหรือญาติพี่น้องมาเยี่ยมเยียน มีบรรดาลูกเบ๊เข้ามาแสดงความเคารพ ในขณะที่อีกฝั่งกำลังส่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมกัน ซึ่งช่วงแรก ๆ จนถึงกลาง ๆ หนังจะเล่าสลับ 2 ที่ที่ว่าเป็นระยะเป็นเชิงเปรียบเทียบแสดงสัญญะผ่านตัวบ้านสวนศิริเป็นหลัก

- ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที สำหรับผมไม่ได้รู้สึกว่าหนังจะเดินเชื่องช้าแต่อย่างใดกลับรู้สึกดื่มด่ำกับเรื่องได้เรื่อย ๆ มากกว่า ด้วยความที่หนังใช้ความนิ่งผ่านการจ้องดูชีวิตประจำวันของครอบครัวนี้อย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมงราวกับบ้าน AF จึงค่อย ๆ ทำให้เราซึมซับไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งบรรยากาศรอบข้างหรือภายในบ้านเหมือนถูกสะกดจิตให้ท่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยที่กล้องไม่ได้จงใจโฟกัสไปที่หน้าของตัวละครโดยตรงเพื่อต้องการให้เรารับรู้อิริยาบถในส่วนอื่นนอกเหนือไปจากนั้น ยิ่งทำให้ตัวหนังมีความสมจริงขึ้น แม้จะพยายามนำเสนอภาพสวย ๆ ในพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ล่อใจมากเท่าไหร่ก็ยิ่งชำแหล่ะไปถึงเนื้อในจนอดที่จะบอกไม่ได้ว่าไอ้พื้นที่ที่เสพสมอยู่น่ะไม่ต่างอะไรกับอยู่ท่ามกลางเมรุเผาศพดี ๆ นั่นแหล่ะ ต่อให้มีต้นไม้ ทุ่งหญ้า หรือ ลำธารล้อมเพื่อโชว์ความสวยงามก็ไม่อาจกลบเกลื่อนความผิดปกติในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ 

- ถึงเราจะตัดสินไปแล้วว่าสิ่งที่ครอบครัวนี้ทำขัดต่อศีลธรรมแต่หนังก็ให้พื้นที่ตัวละครแต่ละคนแสดงให้เราดูเพื่อนำไปเป็นกรณีศึกษาและตั้งเป็นคำถามปลายเปิดกันตามอัธยาศัย มี Scene หนึ่งที่ลูกชายคนเล็กกำลังนั่งเล่นของเล่นในห้อง จู่ ๆ ได้ยินเสียงกรีดร้องขึ้นจึงเดินไปดูที่หน้าต่างแล้วยืนนิ่งอยู่สักแปปจึงปิดม่านแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิมพร้อมพูดว่า ทีหลังจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ซึ่งเห็น Scene นี้เข้าไปทำเอาผมจุกในลำคอเลยว่าการเพิกเฉยทำเป็นมองไม่เห็นหรือห้ามตั้งคำถามไม่ต่างอะไรกับการส่งเสริมหรือเข้าร่วมเพื่อสถาปนาให้อำนาจในระบบ Run ต่อไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

- ถ้าถอดหัวโขนออกไป รูดอล์ฟ คือพ่อบ้านที่ทำหน้าที่ Family Man ทำงานหาเงินให้ลูกกินดีให้เมียปรนเปรอกันอิ่มหนำสำราญ ถึงแม้ตำแหน่งที่ได้ครองมาจะต้องสังเวยชีวิตคนบริสุทธิ์มากแค่ไหนแต่การอยู่ในระบบที่ทำให้เขามีอำนาจสามารถต่อรองชี้นิ้วสั่งใครก็ได้ ขณะเดียวกันเราก็เห็นอีกมุมหนึ่งที่ใกล้เคียงกับความเป็นมนุษย์ อย่างเช่น scene ที่ รูดอล์ฟ ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปประจำการที่อื่น ทำให้ภรรเมีย เฮดวิก ได้ยินเข้าจึงรีบขอร้องให้เขาพูดกับผู้บัญชาการของเขาอย่าง ฮิตเลอร์ เผื่อว่าจะใจอ่อนและเมตตาให้ ตรงนี้ถือว่าหนังถ่ายทอดสภาวะความลังเลและสับสนภายในจิตใจของตัวละครได้สมเพชเวทนาและการที่ภรรเมียแสดงอำนาจความเป็นผู้นำออกมายิ่งทำให้เราสะพรึงกลัวในพลังอำนาจของมนุษย์เมียเข้าไปใหญ่ ซึ่งได้ฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมของเจ๊ Sandra ช่วยทำให้ตัวละครนี้มีบทบาทสำคัญมากกว่าแค่เป็นช้างเท้าหลังแต่ช่วย Support ผัวทุกอย่างเพื่อให้ตนเองและลูกคงอยู่สถานะนี้ต่อไป โลกจะเป็นยังไงก็ช่างขอแค่ให้พวกกูมีความสุขบนพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ก็พอ

- สรุป เป็นหนังสงครามที่ปราศจากความบันเทิงด้วยฉากต่อสู้แต่ทำหน้าที่บันทึกรอยต่อช่วงเสี้ยวเวลาของเหตุการณ์หน้าประวัติศาสตร์ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยเห็นได้น่าสนใจเหมาะเป็นกรณีศึกษาต่อการเรียบเรียงข้อมูลจากการอ่านหนังสือหรือดูหนังที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายเรื่องรวมกันจะช่วยเห็นภาพอย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น แม้สไตล์การเล่าที่ไหลไปเรื่อย ๆ ตามใจฉันกับการตัดต่อแบบไม่มีขลุ่ยมันทำให้ Details บางอย่างตกหล่นข้างทางไปแต่ไม่มีปัญหาต่อการดูเท่าไหร่จนมาถึงช่วงที่ รูดอล์ฟ กำลังลงบันไดนี่แหล่ะที่ผู้กำกับจงใจใส่เทคนิคที่ถนัด ทั้งภาพถ่ายนิ่ง ๆ ผสมกับ Score ช่วยบิ๊วท์บรรยากาศ เท่านั้นแหล่ะผมนี้รีบหรี่ตาลงไม่กล้ามองเต็ม ๆ แค่เห็นวิเดียวก็ติดอยู่ในหัวไปเรียบร้อย ไม่แปลกใจที่หนังสามารถคว้ารางวัลออสการ์มาถึง 2 ตัวอย่าง สาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม และ บันทึกเสียงประกอบยอดเยี่ยมไปครอง ซึ่งอันนี้แหล่ะคือไม้ตายเด็ดที่ทำให้เรื่องนี้ทรงพลังจนขนลุกซู่ได้โดยไม่ต้องมีผี 

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like & Share บทความของผม และ  Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่