[TRIP REVIEW] นั่งรถไฟ ขับมอไซต์ เที่ยวกรุงเก่าอยุธยา 2 วัน 1 คืน

สวัสดีค่ะ ชาวพันทิพทุกท่าน วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดีมารีวิวทริปท่องเที่ยว อยุธยา ซึ่งจริงๆ แล้ว จขกท ไปเที่ยวตั้งแต่กรกฎาคม'60 แล้ว แต่เพิ่งได้มีโอกาสมาเขียน ฮ่าๆๆๆ ค้างข้ามปีกันทีเดียว ทริปนี้เกิดจากความตั้งใจของตัวเองที่อยากไปอยุธยามาก เลยชวนเพื่อนสาวไปด้วยกัน แต่นางมีข้อแม้ว่า "นั่งรถไฟไปนะแก" ได้ เจ๊จัดให้!!! เลยเป็นที่มาของทริปนี้ค่ะ สำหรับทริปนี้ต้องขอขอบคุณ กระทู้พันทิพ เว็บไซต์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เว็บไซต์วัดโบราณในพระนครศรีอยุธยา และเว็บอื่นๆ สำหรับข้อมูลประวัติของวัดต่างๆ หากผิดพลาดประกาศใด ก็ขอให้แนะนำมือใหม่หัดรีวิวด้วยนะจ๊ะ

วันที่ 1 ลำพูน ไปอยุธยา
ตั้งต้นกันที่บ้าน จขกท เลย คือ ลำพูน เราขึ้นรถไฟขบวนอุตรวิถี เวลา 18.20 รถไฟออกตรงเวลาเป๊ะ สถานีค่อนข้างบางตา เพราะเป็นวันธรรมดา

การเดินทางครั้งนี้ เราเลือกตู้เฉพาะผู้หญิง บรรยากาศภายในเงียบ สงบ เหมาะสำหรับนอนหลับมาก 555 แนะนำเลยว่า สุภาพสตรีท่านใดเดินทางคนเดียวหรือเป็นหมู่คณะ สามารถเลือกตู้นี้ได้เลย เพราะถ้าเป็นตู้อื่นๆ จะค่อนข้างเสียงดัง อันนี้รูปนี้บรรยากาศในตู้

ขึ้นรถไฟมาแล้ว จะได้รับน้ำดื่มฟรีคนละ 1 ขวด หน้าตาแบบนี้

ในตู้นี้จะมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิง 2 ท่าน คอยปูเตียงและเดินตรวจ หากใครกลัวว่าจะนอนหลับเพลิน จนเลยสถานี สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้ได้ค่ะ ใกล้ๆถึงจุดหมายแล้วเจ้าหน้าที่จะเดินแจ้งอีกที นนี้สภาพเตียงบนที่ปูเรียบร้อยแล้ว

พอขึ้นรถไฟมา เราเลือกเดินสำรวจที่ตู้เสบียงก่อนค่ะ ตู้นี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติมาใช้บริการ พอคนไทย 2 คนไปอยู่ในนั้น เสมือนนั่งรถไฟในยุโรปเลย ฮ่าๆๆๆ ส่วนอาหารที่มีให้บริการ ก็จะเป็นอาหารแช่แข็ง รสชาดกลางๆ ราคาก็จะแพงกว่าร้านทั่วไป อย่าง จขกทสั่งข้าวผัดปูพร้อมไข่ดาว ก็จะอยู่ที่ 65 บาท ค่ะ นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่มประเภท กาแฟ โกโก้ให้บริการ

พออิ่มกันแล้ว ก็เดินกลับมาที่โบกี้ เตรียมตัวนอน เก็บแรงไว้เที่ยวค่ะ

วันที่ 2
เราถึงอยุธยาประมาณ 6โมงเช้าค่ะ พอลงจากรถไฟปุ๊บ จะเจอพี่วินมอเตอร์ไซต์เสนอโปรมากมาย แต่เพราะเรามีแพลนแล้ว จึงปฏิเสธไป จากนั้นแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำของสถานี มีค่าบริการคนละ 5 บาท และเนื่องจากร้านเช่ามอไซต์เปิด 7 โมง เราเลยจะนั่งเรือข้ามฟากมาเที่ยวตลาดเจ้าพรหม พร้อมหาอะไรรองท้องกันก่อน การเดินทาง ให้เดินข้ามฝั่งมาฝั่งตรงข้ามกับสถานี จะเจอบริเวณที่มีแม่ค้ามาขายอาหารเช้ากัน ให้เดินเข้าซอยไปจนสุดทาง จะเจอศาลเจ้าอยู่ฝั่งซ้ายมือ และท่าเรืออยู่ฝั่งขวามือ ค่าบริการคนละ 5 บาท จ่ายที่ศาลเจ้าเลยจ้า

เรือมาแล้ว ขึ้นเรือกันเถอะ เรือจะไปจอดตรงท่าเรือใกล้ๆกับธนาคารกรุงศรี

เรือจะมาจอดที่ท่าเรือตลาดเจ้าพรหม เดินขึ้นมาจากท่า แล้วให้ตรงมาถนนใหญ่ จะเห็นตลาดอยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องไปทางขวา

ราเดินลัดเลาะตลาดมาเรื่อยๆ จนมาเจอร้านขายข้าวราดแกง เห็นคนมารอซื้อเยอะ น่าจะอร่อย เลยเลือกฝากท้องกับร้านนี้ จขกท สั่งข้าวราดปลาดุกผัดใบยอ เพื่อนสั่งเป็นกะเพราไก่ราดข้าว และสั่งต้มข่าไก่กับยำปลาทูแยกต่างหาก รสชาดอาหารใช้ได้เลยค่ะ แถมราคาไม่แพง ทั้งหมดนี้ 100 บาท พิกัดร้านอยู่ใกล้ๆศาลพระพรหมค่ะ

หลังจากอิ่มกันแล้ว เราก็เดินกลับมายังท่าเรือ นั่งข้ามฟากกลับมาฝั่งเดิม สำหรับค่าโดยสาร ก็ราคา 5 บาทเช่นเคย แต่ให้มาจ่ายตอนขึ้นฝั่งแล้ว ตรงศาลเจ้าที่เดิม ตอนที่เรากลับมา มีร้านเช่ามอเตอร์ไซต์เปิดแค่ร้านเดียว เลยตัดสินใจกันเช่าที่ร้านนี้ สำหรับค่าเช่า ถ้าเช่าเช้าคืนเย็น คิด 150บาท ถ้าคืนวันพรุ่งนี้เช้าคิด 250 บาท เนื่องจากเราจะคืนพรุ่งนี้เย็น เลยเสียค่าเช่าไป 300 บาท รถจะมีน้ำมันเต็มถังให้แล้ว แต่ตอนมาคืนเราจะต้องเติมเต็มถังคืนร้านเหมือนกัน (จขกท เติมคืนไป 50 บาท ) ทั้งนี้ เราต้องวางบัตรประชาชนไว้ พอจัดการเรียบร้อย ก็พร้อมเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป นั่นคือ ที่พักของเรานั่นเอง

พักของเราในทริปนี้คือ ยิ้มหวาน โฮสเทล แอนด์ คาเฟ่ค่ะ พิกัดตั้งอยู่ติดถนนเส้นทางไป บิ๊กซีอยุธยา ไม่ไกลจากแยกวัดใหญ่ชัยมงคลค่ะ ที่พักแห่งนี้จะเป็นตึก ส่วนล่างเป็นคาเฟ่ และบริเวณรับประทานอาหารเช้าของแขกที่มาพัก ส่วนชั้นบนจะเป็นที่พักค่ะ จขกท เลือกเป็นห้องเตียงเดี่ยว มีห้องน้ำในตัว ราคา 890 บาท ค่ะ หลังจากฝากของไว้แล้ว และเติมพลังด้วยกาแฟและโกโก้คนละแก้ว ก็พร้อมเดินทางกันต่อ จุดหมายแรกของวันนี้ คือ วัดใหญ่ชัยมงคลค่ะ

ต่อด้านล่างนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่