อยุธยา
- ทริปสั้นๆ ไปสายกลับเย็น นั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปแล้วเช่าจักรยานปั่นไปตามที่อยากไป ส่วนกล้องถ่ายรูปก็ใช้กล้องมือถือแบบบ้านๆนี้แหละ
- มาถึงสถานีหัวลำโพงประมาณ 8:45 ได้รถไฟฟรีรอบ 9:25 (กรุงเทพ-พิษณุโลก) รถไฟจอดรออยู่แล้ว อย่าคิดว่ามีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง รอใกล้ๆ ก่อนรถไฟออกซักห้านาทีแล้วค่อยขึ้นรถไฟ เพราะเวลาใกล้ออกที่นั่งจะเต็ม มาก่อนขึ้นไปหาที่นั่งก่อน
- รถไฟขึ้นเหนือ ทางขวามือของรถไฟคือทิศตะวันออก ใครนั่งฝั่งขวาเจอแดดตั้งแต่หัวลำโพงยันอยุธยา นั่งฝั่งซ้ายสบายใจกว่า ถัดมามีนั่งหันหน้าไปทางด้านหน้า กับนั่งหันหลัง บางคนนั่งหันหลังแล้วจะปวดหัว (แต่ผมไม่เป็นนะครับ) ส่วนคนที่นั่งหันไปทางด้านหน้า ริมหน้าต่างลมจะตีหน้าตลอดทาง ก็เลือกที่นั่งกันตามที่ชอบกันเลย
- น้ำ กาแฟ ผ้าเย็น ข้าว ถั่วต้ม มะม่วง แหนม มีขายบนรถไฟตลอดทาง เสาร์อาทิตย์คนแน่นพอสมควร นักท่องเที่ยวต่างชาติก็มี ส่วนใหญ่ลงอยุธยา...มั้ง (เพราะลงอยุธยาเลยไม่รู้ว่าต่อจากนั้นไปลงกันที่ไหน)
- ลงรถไฟ ในสถานี มีข้อมูลรอบรถไฟขากลับกรุงเทพ แผ่นที่ท่องเที่ยวอยุธยา และนักเรียนนักศึกษาที่มาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว อยากถามทางหรือจะถามอะไรก็ถามตรงนั้นเลย (ตอบได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง)
- ออกจากสถานี เจอตุ๊กๆชวน ราคาสามร้อยบาทมั้ง ไม่ได้สนใจเพราะกะมาเช่าจักรยานปั่น ข้ามถนนไป ทางขวามือมีซอยที่มีร้านเช่าจักรยานมอเตอร์ไซค์เรียงอยู่ทั้งสองฝั่งในซอย เจ้าซอยนี้แหละ เดินเข้าไปสุดซอย (ไม่ไกล) จะเจอท่าเรือข้ามฟาก คนละห้าบาท มีจักรยานด้วยสิบบาท จากตังค์ก่อนขึ้นเรือ

- เรือก็เรือข้ามฟากธรรมดา ข้ามไปเป็นตลาดเจ้าพรหม ขึ้นฝั่งตรงนี้ก่อนออกจากซอย มีร้านให้เช่าจักรยานอีกสองสามร้าน (ออกไปแล้วไม่มีให้เช่าละ) ค่าเช่าจักรยานห้าสิบบาทต่อคัน มอเตอร์ไซค์สองร้อยบาท ใช้บัตรประชาชน ถ้าเป็นต่างชาติก็ใช้ก๊อปปี้พาสปอร์ต (บัตรประชาชนทางร้านจะเก็บไว้ ตอนเอาจักรยานมาคืนค่อยคืนให้)
- เช่าจักรยานฝั่งสถานีดี หรือ ข้ามเรือมาแล้วดีกว่า?
ช่วงที่ข้ามเรือมีฝรั่งเอาจักรยานเช่าลงเรือมาด้วย คือต้องเสียตังค์สิบบาทในการข้ามฟาก หรือฮีไม่รู้ว่าข้ามไปก็มีร้านเช่า ขากลับจะเอาจักรยานลงเรือเพื่อไปร้านเช่าคืนรึเปล่า
เช่าฝั่งตลาดเจ้าพรหม ขากลับเอามาคืนที่เดิม นั่งเรือกลับเพื่อไปสถานี ค่าข้ามฟากอีกห้าบาท
แต่....
ฝั่งสถานี มีวัดใหญ่ที่สมควรจะไปไหว้พระสองแห่งคือ วัดใหญ่ชัยมงคล กับ วัดพนัญเชิง แล้วก็ตลาดน้ำอโยธยา
เลือกเอาละกันว่าแบบไหนสะดวกและคุ้มกว่ากัน ไม่ใช้เรือก็มีสะพานข้ามเป็นตัวช่วย
- เช่าจักรยานฝั่งสถานีไปวัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง ตลาดน้ำ แล้วปั่นข้ามสะพานมาวัดมหาธาตุ.... ครบแล้วปั่นข้ามสะพานนกลับไปคืนที่สถานี แบบนี้ก็ดีแต่ไม่ได้บรรยากาศนั่งเรือข้ามฟาก
- เอาเป็นว่าข้ามเรือแล้วค่อยเช่าจักรยาน ที่ร้านมีแผ่นที่ให้ด้วย แผ่นที่เอาไว้แค่ดูว่าจะไปวัดไหนก็พอ ที่เหลือถามทางจากชาวบ้านเอา...ง่ายดี (ผมใช้แผ่นที่ในมือถือช่วยอีกที) เช่าแล้วออกจากซอย ข้ามถนน ตรงเข้าซอย แล้วตรงอย่างเดียว ตรงจนสุด (ถ้ายังตรงได้ก็ข้ามถนนตรงต่อไป) สุดทางจะเจอวัดมหาธาตุ
- มีหลายวัดเก็บค่าเข้า
คนไทยสิบบาท
foreigner 50 baht
(เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ๑๐ ละ มันโจ่งแจ้งเกินไป)
ทางเข้าตรวจตั๋วไม่ได้เคร่งมาก บางคนไปเข้าทางออก บางคนรอเจ้าหน้าที่เผลอ บางคนปีนกำแพงเข้าไป ยุ่งยากจัง จริงๆก็แค่จ่ายๆไปเถอะ ถือว่าทำบุญวัด ส่วนต่างชาติก็เก็บกันไปเถอะ มาถึงไทยได้ราคาแค่นี้ไม่น่ามีปัญหา
- ที่จอดจักรยานมีแทบทุกสถานที่ที่ไป บางแห่งทำเป็นกิจจะ บางสถานที่ก็มีมุมให้ (เข้าใจว่า) เป็นที่จอดจักรยาน ร้านจักรยานบอกว่า จอดตรงไหนเอาโซ่ล๊อคให้ด้วย ควรทำดีกว่ามีปัญหาหาย ต้องไปเถียงกับร้านจักรยาน เพราะยังไงเช่ามาแล้วถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เช่าที่ต้องดูแลป้องกันทรัพย์สินนั้นๆ
- วัดมหาธาตุ มาดูซากปรักหักพัง มีป้ายบอกอยู่ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และรูปภาพที่เห็นก็น่าจะเข้าใจ ทำตามกันนะครับ (ส่วนใครจะไม่ทำตามก็เรื่องของมึ_)


- ตามเส้นทางที่ร้านเช่าจักรยานแนะนำ จากวัดมหาธาตุ ไปต่อที่ วัดราชบูรณะ ที่อยู่ข้างๆกัน วัดราชบูรณะที่ตัวพระปรางค์ ขึ้นไปได้ ขึ้นไปบนพระปรางค์แล้วก็มีช่องบันไดแคบๆให้ลงไปใต้พระปรางค์ได้อีก บันไดชันทางแคบ แต่ไม่เป็นปัญหา ลงไปได้ ลงไปข้างล่างมีจิตรกรรมฝาพนังเล็กน้อย สมัยก่อนคงเป็นที่เก็บกรุสมบัติเครื่องทอง (คิดเอาเออเอง)


- ต่อจากวัดราชบูรณะ ไม่เอาแล้วแผ่นที่ ดึงเข้าดึงออกเกะกะ เล็งเอาจากมือถือง่ายกว่า ไปวัดพระศรีสรรเพชญ์ (วัดนี้มรดกโลกนะคร้าบ) ก็ยังเป็นซากปรักหักพัก แต่เด่นตรงเจดีย์เรียงกันสามองค์ ถ่ายรูปออกมาสวยงามมาก


- ติดๆกัน วัดมงคลบพิตร ตอนนี้ปรับปรุงตัวโบสถ์อยู่เข้าไม่ได้ แต่ไหว้พระด้านนอกได้ ถัดออกมาวัดพระราม วัดนี้เสียดายที่ต้องข้ามไป เพราะต้องเผื่อเวลาไว้มากหน่อยกับการปั่นข้ามแม่น้ำไปวัดใหญ่ชัยมงคล
- ระหว่างทางมีช้างเดิน ปั่นดีๆห่างๆไว้อย่าไปยุ่งกับมัน
- ปั่นจักรยานข้ามสะพานไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือลงสะพานแล้วจะข้ามถนน ตรงแถววงเวียนที่มีเจดีย์น่ากลัวมาก ไม่มีไฟเขียวไฟแดง แล้วรถลงสะพานมาตลอด รอไม่นาน มอเตอร์ไซค์รับจ้างขับมาตรงหน้าแล้วบอกว่า "go...turn...under...bridge" พูดมาสั้นๆแค่สี่คำแต่โคตรซึ้งในน้ำใจ ต่างชาติถึงได้บอกว่าไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม
- วัดใหญ่ชัยมงคล วันนี้มีครบ มีพระ มีความสงบ มีความสวย มีเจดีย์ด้านหลังให้ขึ้นไป มีซากปรักหักพังให้ดู มีร้านค้า ร้านอาหาร ครบทุกอย่าง


- แวะกินข้าวผัดแถวๆนี้ มีก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกขึ้นชื่อ(มั้ง) เคยมาเจาะลึกวัดใหญ่ชัยมงคล มีอะไรให้ดู ให้ทำเยอะอยู่ แต่วันนี้ทำเวลาครับ
- ถัดจากนั้นไปต่อที่วัดพนัญเชิง ระหว่างทางไปจะมีลูกศร วัดพระนอน อายุหกร้อยปี อยากแวะเข้าไป (เคยไปแล้ว ตอนขับรถมาเอง) ปั่นจักรยานไปครึ่งทางละ อีกนิดเดียวก็ถึง ทางเข้าเป็นซอยเล็กๆ ซอยแคบๆทางยาวๆ มองไปเห็นหมานั่งอยู่กลางถนน ทิ้งระยะห่างๆกัน สามตัว สภาพการแต่งตัว (ตัวดำ เสื้อกล้าม ขาสั้น ใส่หมวก) ดูแล้วคงไม่ถูกชะตากับหมา เข้าไปโดนรุมแน่!!! ถอยกลับไปวัดพนัญเชิงตามเดิม
- การจะเข้าโบสถ์ประตูหน้า วัดพนัญเชิง ที่เข้าไปหาหลวงพ่อโต จะยากมาก ให้เข้าทางด้านประตูข้างแล้ววนไป ทางจะสะดวกกว่า ใครอยากเลี้ยงปลาดูปลาเชิญด้านหลัง ติดแม่น้ำ


- ตลาดน้ำอโยธยา กะจะไป แต่เปลี่ยนใจ ตรงกลับเอาจักรยานไปคืน นั่งเรือ มาสถานีตีตั๋วรอกลับกทม ขากลับรถไฟด่วน (ก็เหมือนกันแหละ ดีเลย์ไปครึ่งชั่วโมง) รอบ 16:25ไม่ฟรีจ่ายตังค์20บาท ถ้ารอบฟรีต้องรอบหกโมงครึ่ง
- กลับถึงกทม ประมาณทุ่มนึง หาอะไรกินแถวเยาวราชก่อนกลับบ้าน...
ค่าใช้จ่าย
รถไฟขาไป ฟรี
เรือข้ามฟาก(ไปกลับ) 10บาท
ค่าเช่าจักรยาน 50บาท
ค่าเข้าวัดมหาธาตุ 10บาท
ค่าเข้าวัดราชบูรณะ 10บาท
ค่าเข้าวัดพระศรีสรรเพชญ์ 10บาท
ค่าข้าวผัด 45บาท
น้ำลำใย 15บาท
รถไฟขากลับ 20บาท
มื้อเย็นเยาวราช 45บาท
รวม 215บาท
[CR] เที่ยวอยุธยาสั้นๆด้วย รถไฟ+จักรยาน
- ทริปสั้นๆ ไปสายกลับเย็น นั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปแล้วเช่าจักรยานปั่นไปตามที่อยากไป ส่วนกล้องถ่ายรูปก็ใช้กล้องมือถือแบบบ้านๆนี้แหละ
- มาถึงสถานีหัวลำโพงประมาณ 8:45 ได้รถไฟฟรีรอบ 9:25 (กรุงเทพ-พิษณุโลก) รถไฟจอดรออยู่แล้ว อย่าคิดว่ามีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง รอใกล้ๆ ก่อนรถไฟออกซักห้านาทีแล้วค่อยขึ้นรถไฟ เพราะเวลาใกล้ออกที่นั่งจะเต็ม มาก่อนขึ้นไปหาที่นั่งก่อน
- รถไฟขึ้นเหนือ ทางขวามือของรถไฟคือทิศตะวันออก ใครนั่งฝั่งขวาเจอแดดตั้งแต่หัวลำโพงยันอยุธยา นั่งฝั่งซ้ายสบายใจกว่า ถัดมามีนั่งหันหน้าไปทางด้านหน้า กับนั่งหันหลัง บางคนนั่งหันหลังแล้วจะปวดหัว (แต่ผมไม่เป็นนะครับ) ส่วนคนที่นั่งหันไปทางด้านหน้า ริมหน้าต่างลมจะตีหน้าตลอดทาง ก็เลือกที่นั่งกันตามที่ชอบกันเลย
- น้ำ กาแฟ ผ้าเย็น ข้าว ถั่วต้ม มะม่วง แหนม มีขายบนรถไฟตลอดทาง เสาร์อาทิตย์คนแน่นพอสมควร นักท่องเที่ยวต่างชาติก็มี ส่วนใหญ่ลงอยุธยา...มั้ง (เพราะลงอยุธยาเลยไม่รู้ว่าต่อจากนั้นไปลงกันที่ไหน)
- ลงรถไฟ ในสถานี มีข้อมูลรอบรถไฟขากลับกรุงเทพ แผ่นที่ท่องเที่ยวอยุธยา และนักเรียนนักศึกษาที่มาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว อยากถามทางหรือจะถามอะไรก็ถามตรงนั้นเลย (ตอบได้ไม่ได้อีกเรื่องนึง)
- ออกจากสถานี เจอตุ๊กๆชวน ราคาสามร้อยบาทมั้ง ไม่ได้สนใจเพราะกะมาเช่าจักรยานปั่น ข้ามถนนไป ทางขวามือมีซอยที่มีร้านเช่าจักรยานมอเตอร์ไซค์เรียงอยู่ทั้งสองฝั่งในซอย เจ้าซอยนี้แหละ เดินเข้าไปสุดซอย (ไม่ไกล) จะเจอท่าเรือข้ามฟาก คนละห้าบาท มีจักรยานด้วยสิบบาท จากตังค์ก่อนขึ้นเรือ
- เรือก็เรือข้ามฟากธรรมดา ข้ามไปเป็นตลาดเจ้าพรหม ขึ้นฝั่งตรงนี้ก่อนออกจากซอย มีร้านให้เช่าจักรยานอีกสองสามร้าน (ออกไปแล้วไม่มีให้เช่าละ) ค่าเช่าจักรยานห้าสิบบาทต่อคัน มอเตอร์ไซค์สองร้อยบาท ใช้บัตรประชาชน ถ้าเป็นต่างชาติก็ใช้ก๊อปปี้พาสปอร์ต (บัตรประชาชนทางร้านจะเก็บไว้ ตอนเอาจักรยานมาคืนค่อยคืนให้)
- เช่าจักรยานฝั่งสถานีดี หรือ ข้ามเรือมาแล้วดีกว่า?
ช่วงที่ข้ามเรือมีฝรั่งเอาจักรยานเช่าลงเรือมาด้วย คือต้องเสียตังค์สิบบาทในการข้ามฟาก หรือฮีไม่รู้ว่าข้ามไปก็มีร้านเช่า ขากลับจะเอาจักรยานลงเรือเพื่อไปร้านเช่าคืนรึเปล่า
เช่าฝั่งตลาดเจ้าพรหม ขากลับเอามาคืนที่เดิม นั่งเรือกลับเพื่อไปสถานี ค่าข้ามฟากอีกห้าบาท
แต่....
ฝั่งสถานี มีวัดใหญ่ที่สมควรจะไปไหว้พระสองแห่งคือ วัดใหญ่ชัยมงคล กับ วัดพนัญเชิง แล้วก็ตลาดน้ำอโยธยา
เลือกเอาละกันว่าแบบไหนสะดวกและคุ้มกว่ากัน ไม่ใช้เรือก็มีสะพานข้ามเป็นตัวช่วย
- เช่าจักรยานฝั่งสถานีไปวัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง ตลาดน้ำ แล้วปั่นข้ามสะพานมาวัดมหาธาตุ.... ครบแล้วปั่นข้ามสะพานนกลับไปคืนที่สถานี แบบนี้ก็ดีแต่ไม่ได้บรรยากาศนั่งเรือข้ามฟาก
- เอาเป็นว่าข้ามเรือแล้วค่อยเช่าจักรยาน ที่ร้านมีแผ่นที่ให้ด้วย แผ่นที่เอาไว้แค่ดูว่าจะไปวัดไหนก็พอ ที่เหลือถามทางจากชาวบ้านเอา...ง่ายดี (ผมใช้แผ่นที่ในมือถือช่วยอีกที) เช่าแล้วออกจากซอย ข้ามถนน ตรงเข้าซอย แล้วตรงอย่างเดียว ตรงจนสุด (ถ้ายังตรงได้ก็ข้ามถนนตรงต่อไป) สุดทางจะเจอวัดมหาธาตุ
- มีหลายวัดเก็บค่าเข้า
คนไทยสิบบาท
foreigner 50 baht
(เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ๑๐ ละ มันโจ่งแจ้งเกินไป)
ทางเข้าตรวจตั๋วไม่ได้เคร่งมาก บางคนไปเข้าทางออก บางคนรอเจ้าหน้าที่เผลอ บางคนปีนกำแพงเข้าไป ยุ่งยากจัง จริงๆก็แค่จ่ายๆไปเถอะ ถือว่าทำบุญวัด ส่วนต่างชาติก็เก็บกันไปเถอะ มาถึงไทยได้ราคาแค่นี้ไม่น่ามีปัญหา
- ที่จอดจักรยานมีแทบทุกสถานที่ที่ไป บางแห่งทำเป็นกิจจะ บางสถานที่ก็มีมุมให้ (เข้าใจว่า) เป็นที่จอดจักรยาน ร้านจักรยานบอกว่า จอดตรงไหนเอาโซ่ล๊อคให้ด้วย ควรทำดีกว่ามีปัญหาหาย ต้องไปเถียงกับร้านจักรยาน เพราะยังไงเช่ามาแล้วถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เช่าที่ต้องดูแลป้องกันทรัพย์สินนั้นๆ
- วัดมหาธาตุ มาดูซากปรักหักพัง มีป้ายบอกอยู่ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และรูปภาพที่เห็นก็น่าจะเข้าใจ ทำตามกันนะครับ (ส่วนใครจะไม่ทำตามก็เรื่องของมึ_)
- ตามเส้นทางที่ร้านเช่าจักรยานแนะนำ จากวัดมหาธาตุ ไปต่อที่ วัดราชบูรณะ ที่อยู่ข้างๆกัน วัดราชบูรณะที่ตัวพระปรางค์ ขึ้นไปได้ ขึ้นไปบนพระปรางค์แล้วก็มีช่องบันไดแคบๆให้ลงไปใต้พระปรางค์ได้อีก บันไดชันทางแคบ แต่ไม่เป็นปัญหา ลงไปได้ ลงไปข้างล่างมีจิตรกรรมฝาพนังเล็กน้อย สมัยก่อนคงเป็นที่เก็บกรุสมบัติเครื่องทอง (คิดเอาเออเอง)
- ต่อจากวัดราชบูรณะ ไม่เอาแล้วแผ่นที่ ดึงเข้าดึงออกเกะกะ เล็งเอาจากมือถือง่ายกว่า ไปวัดพระศรีสรรเพชญ์ (วัดนี้มรดกโลกนะคร้าบ) ก็ยังเป็นซากปรักหักพัก แต่เด่นตรงเจดีย์เรียงกันสามองค์ ถ่ายรูปออกมาสวยงามมาก
- ติดๆกัน วัดมงคลบพิตร ตอนนี้ปรับปรุงตัวโบสถ์อยู่เข้าไม่ได้ แต่ไหว้พระด้านนอกได้ ถัดออกมาวัดพระราม วัดนี้เสียดายที่ต้องข้ามไป เพราะต้องเผื่อเวลาไว้มากหน่อยกับการปั่นข้ามแม่น้ำไปวัดใหญ่ชัยมงคล
- ระหว่างทางมีช้างเดิน ปั่นดีๆห่างๆไว้อย่าไปยุ่งกับมัน
- ปั่นจักรยานข้ามสะพานไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือลงสะพานแล้วจะข้ามถนน ตรงแถววงเวียนที่มีเจดีย์น่ากลัวมาก ไม่มีไฟเขียวไฟแดง แล้วรถลงสะพานมาตลอด รอไม่นาน มอเตอร์ไซค์รับจ้างขับมาตรงหน้าแล้วบอกว่า "go...turn...under...bridge" พูดมาสั้นๆแค่สี่คำแต่โคตรซึ้งในน้ำใจ ต่างชาติถึงได้บอกว่าไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม
- วัดใหญ่ชัยมงคล วันนี้มีครบ มีพระ มีความสงบ มีความสวย มีเจดีย์ด้านหลังให้ขึ้นไป มีซากปรักหักพังให้ดู มีร้านค้า ร้านอาหาร ครบทุกอย่าง
- แวะกินข้าวผัดแถวๆนี้ มีก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกขึ้นชื่อ(มั้ง) เคยมาเจาะลึกวัดใหญ่ชัยมงคล มีอะไรให้ดู ให้ทำเยอะอยู่ แต่วันนี้ทำเวลาครับ
- ถัดจากนั้นไปต่อที่วัดพนัญเชิง ระหว่างทางไปจะมีลูกศร วัดพระนอน อายุหกร้อยปี อยากแวะเข้าไป (เคยไปแล้ว ตอนขับรถมาเอง) ปั่นจักรยานไปครึ่งทางละ อีกนิดเดียวก็ถึง ทางเข้าเป็นซอยเล็กๆ ซอยแคบๆทางยาวๆ มองไปเห็นหมานั่งอยู่กลางถนน ทิ้งระยะห่างๆกัน สามตัว สภาพการแต่งตัว (ตัวดำ เสื้อกล้าม ขาสั้น ใส่หมวก) ดูแล้วคงไม่ถูกชะตากับหมา เข้าไปโดนรุมแน่!!! ถอยกลับไปวัดพนัญเชิงตามเดิม
- การจะเข้าโบสถ์ประตูหน้า วัดพนัญเชิง ที่เข้าไปหาหลวงพ่อโต จะยากมาก ให้เข้าทางด้านประตูข้างแล้ววนไป ทางจะสะดวกกว่า ใครอยากเลี้ยงปลาดูปลาเชิญด้านหลัง ติดแม่น้ำ
- ตลาดน้ำอโยธยา กะจะไป แต่เปลี่ยนใจ ตรงกลับเอาจักรยานไปคืน นั่งเรือ มาสถานีตีตั๋วรอกลับกทม ขากลับรถไฟด่วน (ก็เหมือนกันแหละ ดีเลย์ไปครึ่งชั่วโมง) รอบ 16:25ไม่ฟรีจ่ายตังค์20บาท ถ้ารอบฟรีต้องรอบหกโมงครึ่ง
- กลับถึงกทม ประมาณทุ่มนึง หาอะไรกินแถวเยาวราชก่อนกลับบ้าน...
ค่าใช้จ่าย
รถไฟขาไป ฟรี
เรือข้ามฟาก(ไปกลับ) 10บาท
ค่าเช่าจักรยาน 50บาท
ค่าเข้าวัดมหาธาตุ 10บาท
ค่าเข้าวัดราชบูรณะ 10บาท
ค่าเข้าวัดพระศรีสรรเพชญ์ 10บาท
ค่าข้าวผัด 45บาท
น้ำลำใย 15บาท
รถไฟขากลับ 20บาท
มื้อเย็นเยาวราช 45บาท
รวม 215บาท