จริงๆ แล้วทริปนี้เกิดขึ้นได้สักพักแล้ว แต่เพิ่งได้มีโอการสมาเขียนรีวิวให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ซึ่งก่อนอื่นบอกเลยว่าไม่เคยเที่ยว จ. พระนครศรีอยุธยา มาก่อน และไม่มีประสบการณ์การใช้เส้นทางแถวนั้นเลย
เริ่มต้นการเดินทางจาก : สถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือที่เรียกติดปากกันว่าหัวลำโพง(จริงๆมันคือชื่อรถไฟใต้ดินหรือ MRT ค่ะ)นั่นหละจ้า
ทริปนี้ไปกัน 2 คน เรานัดเจอกันที่หัวลำโพง นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่นั่งรถไฟไปเที่ยวของพวกเราเลยไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ มั๊ย?? ออกเดินทางเช้าขนาดนี้อาจไม่ได้ตื่นเต้นแต่กลัวไปไม่ทันมากกว่า แต่ไม่ต้องห่วงนะคะเราไปทันค่ะ สำหรับค่าตั๋วรถไฟไม่แพงด้วยนะคะ ราคาคนละ 20 บาทเท่านั้นเอง ออกเดินทางด้วยรถไฟจากหัวลำโพงเวลา 07.00 น. ถึงประมาณ 08.37 น.(เวลาตามตั๋วโดยสาร) เมื่อเดินทางถึงสถานีอยุธยาก็ราวๆ 9 โมง พอไปถึงก็หลงทิศเลยจ้าาา อะไรเป็นอะไรก็ต้องทำความเข้าใจสักพักหนึ่ง พอจับทิศทางได้นั้นก็หายานพาหนะกันเลย แต่จะหาได้จากที่ไหนนั้น นี่เลยจ้าไปอ่านรีวิวมา เคยอ่านรีวิวเค้าบอกว่ามีร้านเช่ารถจักรยาน-มอไซต์อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ เราก็เดินตรงดิ่งเข้าไปเลย สักพักก็ออกมาพร้อมจักรยานคนละคันๆ ละ 50 บาท พร้อมแผนที่ (ที่เลือกจักรยานเพราะทำตามในรีวิว โดยที่ไม่คิดถึงความยากลำบากที่จะตามมาเลยอันนี้ต้องบอกเลยว่าขำตัวเองมากๆที่เลือกยานพาหนะเป็นจักรยาน) จากนั้นก็ไปตามสถานที่ต่างๆ
และนี่คือแลนด์มาร์คของเรา55 คำถามแรกคือตอนนี้เราอยู่ตรงไหนอ่ะ สกิลอ่อนด้อยจริงๆ เอาวะ! ยังไงก็ต้องได้(หลง)น่ะ ..
สถานที่ - 1 :: วัดพนัญเชิงวรวิหาร
สถานที่แรกก็ไม่ค่อยจะสวยเท่าไร เนื่องจากสกิลในการดูแผนที่นั้นมีน้อยเหลือเกินเลยพากันหลงทางไปสักระยะนึงกว่าจะรู้ว่าหลงทางก็ปั่นจักกระยานไปหลายกิโลแล้ว ใช้เครื่องมือที่เราควรเชื่อมากกว่าแผนที่ที่ร้านเช่ารถให้มานั่นคือ GPS จากนั้นวนรถกลับเข้าเส้นทางที่จะไปยัง "วัดพนัญเชิงวรวิหาร" เวลา ณ ตอนนั้นก็ 11 โมง โดยประมาณ ผ่านร้านส้มตำพอดี๊พอดี เลยแวะทานข้าวเติมพลังก่อนตั้งใจจะกินให้อิ่มๆ ทดแทนความเหนื่อยที่หลงทางไปหลายกิโลเลยยย
ทำการสั่งอาหารและเครื่องดื่มตามนี้เลยจ้า
อาหาร : ส้มตำกุ้งสด, ต้มแซ่บกระดูกอ่อน, ไข่เจียว, ข้าวเปล่า 2 จาน
เครื่องดื่ม : โค้ก, น้ำเปล่า
สำหรับการแวะร้านอาหารร้านนี้คิดซะว่ากินกันตายค่ะ 55++ รสชาติพอใช้ได้แต่ก็มีแอร์เย็นๆ ให้ร่างกายชุ่มฉ่ำถือว่าโอเคค่ะทดแทนกันได้ อิอิ
ตำไทยกุ้งฉด เย้ย!! กุ้งสด
และนี่ต้มแซ่บตะดูกอ่อน แฮร่! กระดูกอ่อนค่ะ
นี่คือซากไง55 Before คืออะไร แต่นี่ไง After
กินข้าวเสร็จก็ประมาณเกือบบ่ายโมงเห็นจะได้ เลยเดินทางต่อด้วยจักรยาน เน้น! ปั่นจักรยานไปยัง "วัดพนัญเชิงวรวิหาร" ถึงแล้วววว ถึงจริงๆแล้ว
ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ค่ะ น่าจะใช้เวลาปั่นมาประมาณครึ่งชั่วโมง บ่ายๆ แบบนี้อากาศร้อนๆ แบบนี้เหงื่อก็จะโชกหน่อยๆ ในสถานที่นี้มีกิจกรรมให้เราทำด้วยนะคะ โดยกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมทางศาสนาที่ภายในวัดจัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เข้ามาทำบุญได้ทำร่วมกันค่ะ เราก็ใช้เวลาอยู่ในสถานที่นี้ประมาณ 40 นาทีได้ จึงเดินทางต่อไปยัง "วัดใหญ่ชัยมงคล"
คนเยอะมากๆค่ะ แนะนำคนที่จะมาที่นี่ต้องมาแต่เช้าหน่อยนะค๊าา
สถานที่ - 2 :: วัดใหญ่ชัยมงคล
ตอนนี้เราเริ่มอยู่เป็นแล้วเราไม่หลงละค่ะ แต่ปั่นจักรยานเลยไปนิดนึงและเราก็วนเข้า "วัดใหญ่ชัยมงคล" ได้สำเร็จ ค่าเข้าชมที่นี่สำหรับคนไทยเข้าฟรี! แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ 20 บาทค่ะ เราก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปค่ะถีงแม้ว่าอากาศจะร้อนหน่อยแต่ก็สนุกสนานจนลืมอากาศร้อนไปเลยละค่ะ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชม. ก็เห็นจะได้ก่อนจะไปยังสถานที่ต่อไป
สถานที่ - 3 :: วัดมหาธาตุ
สถานที่สุดท้ายสำหรับ จ. พระนครศรีอยุธยา ในวันนี้ เส้นทางที่ปั่นจักรยานมายัง "วัดมหาธาตุ" ก็ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะเป็นเส้นทางที่หลงมาในตอนแรกนั่นเองค่ะ แต่ก็แอบงงๆ ในแผนที่เหมือนกันค่ะจนต้องใช้ GPS บนโทรศัพท์มือถือ ในที่สุด! เราก็มาถึงกันค่ะ สำหรับค่าเข้าชมคนไทย 10 บาทแต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ 30 บาทค่ะ สำหรับสถานที่นี้ใช้เวลาอยู่ประมาณ 40 นาที
จริงๆอยากไปอีกหลายที่ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดจึงจบทริปที่ตรงนี้และเตรียมพร้อมเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ โดยเราต้องปั่นจักรยานไปคืนก่อน แล้วก็ซื้อตั๋วรถไฟราคาคนละ 20 บาท เมื่อเดินทางไปถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง จึงส่งท้ายทริปนี้ที่ร้านริมน้ำหมูกระทะ อย่างเอร็ดอร่อย(อันนี้ไม่เกี่ยวกับทริป อิอิ)
อันนี้ไม่เกี่ยวกับทริปเลยจริงๆค่ะ
บทสรุปของทริป "นั่งรถไฟไปปั่นจักรยานเที่ยวพระนครศรีอยุธยา"
สำหรับทริปนี้ถือว่าผ่านถึงแม้อากาศจะร้อนบ้างหลงทางบ้างแต่ก็สนุกไม่แพ้กันอย่างน้อยๆไปครั้งหน้าไม่ปั่นจักรยานแล้ว จะเช่ารถมอเตอร์ไซต์หรือนั่งรถรับจ้างเท่านั้นนะค๊าาา
---- ค่าใช้จ่ายในทริป ----
ค่ารถไฟ ไป-กลับ (20 x 2 ) x 2 คน = 80 บาท
เช่ารถจักรยาน 50 บาท x 2 คัน = 100 บาท
ค่าเข้าชมวัดมหาธาตุ 10 บาท x 2 คน = 20 บาท
ค่าข้าวกลางวัน ประมาณ 200 บาท = 200 บาท
ค่าใช้จ่ายรวม 400 บาท / 2 คน = 200 บาท/คน
ปล. ขอบคุณสำหรับการรับชมค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมติดตามทริปต่อไปนะค๊าา อิอิ
นั่งรถไฟไปปั่นจักรยานเที่ยวพระนครศรีอยุธยา
เริ่มต้นการเดินทางจาก : สถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือที่เรียกติดปากกันว่าหัวลำโพง(จริงๆมันคือชื่อรถไฟใต้ดินหรือ MRT ค่ะ)นั่นหละจ้า
ทริปนี้ไปกัน 2 คน เรานัดเจอกันที่หัวลำโพง นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่นั่งรถไฟไปเที่ยวของพวกเราเลยไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ มั๊ย?? ออกเดินทางเช้าขนาดนี้อาจไม่ได้ตื่นเต้นแต่กลัวไปไม่ทันมากกว่า แต่ไม่ต้องห่วงนะคะเราไปทันค่ะ สำหรับค่าตั๋วรถไฟไม่แพงด้วยนะคะ ราคาคนละ 20 บาทเท่านั้นเอง ออกเดินทางด้วยรถไฟจากหัวลำโพงเวลา 07.00 น. ถึงประมาณ 08.37 น.(เวลาตามตั๋วโดยสาร) เมื่อเดินทางถึงสถานีอยุธยาก็ราวๆ 9 โมง พอไปถึงก็หลงทิศเลยจ้าาา อะไรเป็นอะไรก็ต้องทำความเข้าใจสักพักหนึ่ง พอจับทิศทางได้นั้นก็หายานพาหนะกันเลย แต่จะหาได้จากที่ไหนนั้น นี่เลยจ้าไปอ่านรีวิวมา เคยอ่านรีวิวเค้าบอกว่ามีร้านเช่ารถจักรยาน-มอไซต์อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟ เราก็เดินตรงดิ่งเข้าไปเลย สักพักก็ออกมาพร้อมจักรยานคนละคันๆ ละ 50 บาท พร้อมแผนที่ (ที่เลือกจักรยานเพราะทำตามในรีวิว โดยที่ไม่คิดถึงความยากลำบากที่จะตามมาเลยอันนี้ต้องบอกเลยว่าขำตัวเองมากๆที่เลือกยานพาหนะเป็นจักรยาน) จากนั้นก็ไปตามสถานที่ต่างๆ
และนี่คือแลนด์มาร์คของเรา55 คำถามแรกคือตอนนี้เราอยู่ตรงไหนอ่ะ สกิลอ่อนด้อยจริงๆ เอาวะ! ยังไงก็ต้องได้(หลง)น่ะ ..
สถานที่ - 1 :: วัดพนัญเชิงวรวิหาร
สถานที่แรกก็ไม่ค่อยจะสวยเท่าไร เนื่องจากสกิลในการดูแผนที่นั้นมีน้อยเหลือเกินเลยพากันหลงทางไปสักระยะนึงกว่าจะรู้ว่าหลงทางก็ปั่นจักกระยานไปหลายกิโลแล้ว ใช้เครื่องมือที่เราควรเชื่อมากกว่าแผนที่ที่ร้านเช่ารถให้มานั่นคือ GPS จากนั้นวนรถกลับเข้าเส้นทางที่จะไปยัง "วัดพนัญเชิงวรวิหาร" เวลา ณ ตอนนั้นก็ 11 โมง โดยประมาณ ผ่านร้านส้มตำพอดี๊พอดี เลยแวะทานข้าวเติมพลังก่อนตั้งใจจะกินให้อิ่มๆ ทดแทนความเหนื่อยที่หลงทางไปหลายกิโลเลยยย
ทำการสั่งอาหารและเครื่องดื่มตามนี้เลยจ้า
อาหาร : ส้มตำกุ้งสด, ต้มแซ่บกระดูกอ่อน, ไข่เจียว, ข้าวเปล่า 2 จาน
เครื่องดื่ม : โค้ก, น้ำเปล่า
สำหรับการแวะร้านอาหารร้านนี้คิดซะว่ากินกันตายค่ะ 55++ รสชาติพอใช้ได้แต่ก็มีแอร์เย็นๆ ให้ร่างกายชุ่มฉ่ำถือว่าโอเคค่ะทดแทนกันได้ อิอิ
ตำไทยกุ้งฉด เย้ย!! กุ้งสด
และนี่ต้มแซ่บตะดูกอ่อน แฮร่! กระดูกอ่อนค่ะ
นี่คือซากไง55 Before คืออะไร แต่นี่ไง After
กินข้าวเสร็จก็ประมาณเกือบบ่ายโมงเห็นจะได้ เลยเดินทางต่อด้วยจักรยาน เน้น! ปั่นจักรยานไปยัง "วัดพนัญเชิงวรวิหาร" ถึงแล้วววว ถึงจริงๆแล้ว
ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ค่ะ น่าจะใช้เวลาปั่นมาประมาณครึ่งชั่วโมง บ่ายๆ แบบนี้อากาศร้อนๆ แบบนี้เหงื่อก็จะโชกหน่อยๆ ในสถานที่นี้มีกิจกรรมให้เราทำด้วยนะคะ โดยกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมทางศาสนาที่ภายในวัดจัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เข้ามาทำบุญได้ทำร่วมกันค่ะ เราก็ใช้เวลาอยู่ในสถานที่นี้ประมาณ 40 นาทีได้ จึงเดินทางต่อไปยัง "วัดใหญ่ชัยมงคล"
คนเยอะมากๆค่ะ แนะนำคนที่จะมาที่นี่ต้องมาแต่เช้าหน่อยนะค๊าา
สถานที่ - 2 :: วัดใหญ่ชัยมงคล
ตอนนี้เราเริ่มอยู่เป็นแล้วเราไม่หลงละค่ะ แต่ปั่นจักรยานเลยไปนิดนึงและเราก็วนเข้า "วัดใหญ่ชัยมงคล" ได้สำเร็จ ค่าเข้าชมที่นี่สำหรับคนไทยเข้าฟรี! แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ 20 บาทค่ะ เราก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปค่ะถีงแม้ว่าอากาศจะร้อนหน่อยแต่ก็สนุกสนานจนลืมอากาศร้อนไปเลยละค่ะ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชม. ก็เห็นจะได้ก่อนจะไปยังสถานที่ต่อไป
สถานที่ - 3 :: วัดมหาธาตุ
สถานที่สุดท้ายสำหรับ จ. พระนครศรีอยุธยา ในวันนี้ เส้นทางที่ปั่นจักรยานมายัง "วัดมหาธาตุ" ก็ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะเป็นเส้นทางที่หลงมาในตอนแรกนั่นเองค่ะ แต่ก็แอบงงๆ ในแผนที่เหมือนกันค่ะจนต้องใช้ GPS บนโทรศัพท์มือถือ ในที่สุด! เราก็มาถึงกันค่ะ สำหรับค่าเข้าชมคนไทย 10 บาทแต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ 30 บาทค่ะ สำหรับสถานที่นี้ใช้เวลาอยู่ประมาณ 40 นาที
จริงๆอยากไปอีกหลายที่ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดจึงจบทริปที่ตรงนี้และเตรียมพร้อมเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ โดยเราต้องปั่นจักรยานไปคืนก่อน แล้วก็ซื้อตั๋วรถไฟราคาคนละ 20 บาท เมื่อเดินทางไปถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง จึงส่งท้ายทริปนี้ที่ร้านริมน้ำหมูกระทะ อย่างเอร็ดอร่อย(อันนี้ไม่เกี่ยวกับทริป อิอิ)
อันนี้ไม่เกี่ยวกับทริปเลยจริงๆค่ะ
บทสรุปของทริป "นั่งรถไฟไปปั่นจักรยานเที่ยวพระนครศรีอยุธยา"
สำหรับทริปนี้ถือว่าผ่านถึงแม้อากาศจะร้อนบ้างหลงทางบ้างแต่ก็สนุกไม่แพ้กันอย่างน้อยๆไปครั้งหน้าไม่ปั่นจักรยานแล้ว จะเช่ารถมอเตอร์ไซต์หรือนั่งรถรับจ้างเท่านั้นนะค๊าาา
---- ค่าใช้จ่ายในทริป ----
ค่ารถไฟ ไป-กลับ (20 x 2 ) x 2 คน = 80 บาท
เช่ารถจักรยาน 50 บาท x 2 คัน = 100 บาท
ค่าเข้าชมวัดมหาธาตุ 10 บาท x 2 คน = 20 บาท
ค่าข้าวกลางวัน ประมาณ 200 บาท = 200 บาท
ค่าใช้จ่ายรวม 400 บาท / 2 คน = 200 บาท/คน
ปล. ขอบคุณสำหรับการรับชมค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมติดตามทริปต่อไปนะค๊าา อิอิ