คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
การกดไลค์ กดถูกใจ หลงรัก ต่างๆ แม้ว่าข้อความนั้นจะเป็นการหมิ่นประมาท (ไม่เกี่ยวกับคดีความมั่นคงและ ม.112)
ก็ไม่ถือว่าผู้กดนั้นผิด
เนื่องจากถ้าเป็นการหมิ่น การหมิ่นนั้นได้สำเร็จไปแล้วด้วยตัวผู้โพสต์เอง
การกดถูกใจไม่ใช่การสนับสนุน ไม่ใช่ตัวการร่วม เพราะความผิดสำเร็จไปแล้ว
ยิ่งการเรียกไปเป็นพยานยิ่งไม่ใช่ ไม่จำเป็น เพราะหลักฐานได้ปรากฎอยู่แล้ว
กฏหมายนั้นตีเจตนาเป็นสำคัญ การรู้กฏหมายเป็นสิ่งที่ดี การแบ่งปันให้ความรู้ผู้อื่นยิ่งดีกว่า
แต่ถ้าเป็นการให้ความรู้ที่ทำให้เกิดการสับสน ถกเถียง ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ดีนัก
ก่อให้เกิดการหวาดระแวงโดยใช่เหตุ
ก็ไม่ถือว่าผู้กดนั้นผิด
เนื่องจากถ้าเป็นการหมิ่น การหมิ่นนั้นได้สำเร็จไปแล้วด้วยตัวผู้โพสต์เอง
การกดถูกใจไม่ใช่การสนับสนุน ไม่ใช่ตัวการร่วม เพราะความผิดสำเร็จไปแล้ว
ยิ่งการเรียกไปเป็นพยานยิ่งไม่ใช่ ไม่จำเป็น เพราะหลักฐานได้ปรากฎอยู่แล้ว
กฏหมายนั้นตีเจตนาเป็นสำคัญ การรู้กฏหมายเป็นสิ่งที่ดี การแบ่งปันให้ความรู้ผู้อื่นยิ่งดีกว่า
แต่ถ้าเป็นการให้ความรู้ที่ทำให้เกิดการสับสน ถกเถียง ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ดีนัก
ก่อให้เกิดการหวาดระแวงโดยใช่เหตุ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
ในเมื่อผู้รู้ทุกอย่างในจักรวาลอย่างน้องพรมาแล้ว ผมคงไม่ตอบอะไรแล้วล่ะครับ
ขี้เกียจพิมพ์อะไรบ่อยๆ ไม่ได้ว่างขนาดนั้น
ประเด็นที่ผมถามพี่สาวก็แค่ว่าต้องเป็นพยานเพราะอะไร เพื่ออยากทราบความคิดเห็นจากเจ้าตัว
ไม่ใช่ได้แต่ลากข้อความที่อื่นมา แบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการก๊อปแปะ
ที่ผมถามก็ตรงๆไงครับ ว่าเป็นพยานเนื่องด้วยเหตุผลอะไร
ก็ข้อความก็พิมพ์อยู่ชัดเจน คนแจ้งความก็ต้องปริ๊นหรือเซฟไว้แล้ว
หรือจะให้เป็นพยานว่าคนๆนี้เป็นคนพิมพ์ ก็ไม่ใช่ เราไม่ได้ไปนั่งอยู่หน้าจอกับเค้า
หรือจะไปบอกว่ารู้จักกัน ก็รู้จักผ่านเวบบอร์ด ต่อให้รู้จักตัวตน ก็ไม่รู้ว่าเค้าพิมพ์จริงมั้ย
สรุปคือ ผมยังไม่ทราบว่าคนกดไลค์ต้องไปเป็นพยานเรื่องอะไร
ส่วนที่เว้นในเนื้อหา ม.112 ตรงนี้เป็นคอมม่อนเซ้นท์ที่เราต้องรู้กันอยู่แล้ว คุณจะไปกดไลค์กันได้ยังไง
ไม่ต้องคิดว่าผิดพรบ.อะไร เพราะขนาดที่ว่าตอบแค่ "จ้า" ก็ยังถือว่าผิดด้วย
เป็นอะไรที่เราควรเลี่ยงอยู่แล้ว เจอที่ไหนก็แจ้งลบ ถ้าเป็นเพื่อนในเฟซนี่ unfriend เลย
ขี้เกียจพิมพ์อะไรบ่อยๆ ไม่ได้ว่างขนาดนั้น
ประเด็นที่ผมถามพี่สาวก็แค่ว่าต้องเป็นพยานเพราะอะไร เพื่ออยากทราบความคิดเห็นจากเจ้าตัว
ไม่ใช่ได้แต่ลากข้อความที่อื่นมา แบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการก๊อปแปะ
ที่ผมถามก็ตรงๆไงครับ ว่าเป็นพยานเนื่องด้วยเหตุผลอะไร
ก็ข้อความก็พิมพ์อยู่ชัดเจน คนแจ้งความก็ต้องปริ๊นหรือเซฟไว้แล้ว
หรือจะให้เป็นพยานว่าคนๆนี้เป็นคนพิมพ์ ก็ไม่ใช่ เราไม่ได้ไปนั่งอยู่หน้าจอกับเค้า
หรือจะไปบอกว่ารู้จักกัน ก็รู้จักผ่านเวบบอร์ด ต่อให้รู้จักตัวตน ก็ไม่รู้ว่าเค้าพิมพ์จริงมั้ย
สรุปคือ ผมยังไม่ทราบว่าคนกดไลค์ต้องไปเป็นพยานเรื่องอะไร
ส่วนที่เว้นในเนื้อหา ม.112 ตรงนี้เป็นคอมม่อนเซ้นท์ที่เราต้องรู้กันอยู่แล้ว คุณจะไปกดไลค์กันได้ยังไง
ไม่ต้องคิดว่าผิดพรบ.อะไร เพราะขนาดที่ว่าตอบแค่ "จ้า" ก็ยังถือว่าผิดด้วย
เป็นอะไรที่เราควรเลี่ยงอยู่แล้ว เจอที่ไหนก็แจ้งลบ ถ้าเป็นเพื่อนในเฟซนี่ unfriend เลย
ความคิดเห็นที่ 29
ความคิดเห็นที่ 25
14 พฤติกรรมทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพ์ (ฉบับ 2) พ.ศ.2560
จากข้อมูลที่มีการนำเสนอบนเวที Thailand Zocial Awards พบว่าพื้นที่บน Instagram ของดาราระดับแม่เหล็ก เช่น อั้ม-พัชราภา, ชมพู่ – อารยา, ใหม่-ดาวิกา ฯลฯ ซึ่งมียอดผู้ติดตามหลักล้านคนนั้น ล้วนเคยเป็นช่องทางการฝากร้านของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ จุดนี้เองที่หลายคนมองว่าเป็นการใช้พื้นที่ดังกล่าวหาประโยชน์ และสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่เจ้าของ IG พอสมควร
นั่นจึงนำมาซึ่งความน่าสนใจของ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับ 2) พ.ศ.2560 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่นั้น กำหนดว่า ลักษณะการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ – อีเมลโฆษณา ที่มีลักษณะก่อความรำคาญเดือดร้อนแก่ผู้รับ และไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์ได้ เข้าข่ายถือเป็นสแปม และมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งการฝากร้านบน Facebook หรือ IG ก็เข้าข่ายการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายข้างต้นด้วย (มาตรา 11)
แต่เมื่อหันมาดูมูลค่าของตลาด E-Commerce แยกตามช่องทางการขายและอุตสาหกรรม (อ้างอิงจากงาน Thailand Zocial Awards 2017) นั้น พบว่า ในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง มูลค่าการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Social Media นั้นมีสูงเกือบ 270,000 ล้านบาท โดยสินค้าที่มักมีการฝากร้านตาม IG ดารา เป็นสินค้าหมวดแฟชั่น 71% หมวดสุขภาพและความงาม 22% หมวดสินค้าแม่และเด็ก 4% และหมวดอุปกรณ์ไอที 3% นั่นจึงเป็นที่มาของคำถามว่า แล้วหลังจากนี้ รูปแบบการค้าขายบนแพลตฟอร์ม Social Media อย่าง Instagram จะประสบปัญหาหรือไม่อย่างไร
อย่างไรก็ดี กฎหมายฉบับนี้ก็ได้เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีสามารถออกประกาศกำหนดลักษณะและวิธีการส่ง รวมทั้งลักษณะและปริมาณของข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่เป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้รับ และลักษณะอันเป็นการบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้โดยง่ายเอาไว้ด้วย
นั่นจึงหมายถึงว่า การออกประกาศกำหนดในลักษณะดังกล่าวเป็นประเด็นที่น่าติดตาม เพราะประกาศฉบับนี้จะเป็นตัวชี้ว่า สิ่งใดทำได้ หรือทำไม่ได้ และทำได้แค่ไหนอย่างไร นั่นเอง
นอกจากเรื่องของการฝากร้านใน IG หรือส่งอีเมลขายของที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คอมพ์ฉบับใหม่ที่เราขอนำมาฝากกันดังนี้
การทำลาย แก้ไข ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนของข้อมูลคอมพิวเตอร์ผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท (มาตรา 9)
การระงับ ชะลอ ขัดขวาง รบกวนระบบของผู้อื่นจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท (มาตรา 10)
การโพสต์ข้อมูลที่บิดเบือน หรือปลอม จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
การโพสต์ข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ หรือทำให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
การโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร – การก่อการร้าย จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
การกด Like ทำได้ไม่ผิด พ.ร.บ. คอมพ์ยกเว้นการกด Like ข้อมูลที่มีฐานความผิดดังที่กล่าวมาข้างต้น
การกด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3
ผู้ดูแลระบบ หรือแอดมินเพจที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น เมื่อพบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ถ้าได้รับการแจ้งเตือนแล้วลบออกไม่ต้องรับโทษ แต่ถ้าไม่ยอมลบออก โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ให้บริการเว็บไซต์ต้องขยายเวลาการเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) เอาไว้ไม่น้อยกว่า 90 วัน และกรณีที่จำเป็น อาจสั่งให้ขยายเป็น 2 ปี สาเหตุที่ขยายเวลาเนื่องจากเทคโนโลยีมีความเปลี่ยนแปลง รูปแบบการกระทำความผิดจึงอาจซับซ้อนมากขึ้น
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทำให้ระบบทำงานไม่ปกติ ทำให้บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
การโพสต์ภาพลามกและสามารถแชร์สู่ประชาชนคนอื่นได้ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
โดยในจุดที่เรานำมาฝากกันอาจเป็นพฤติกรรมการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับ Social Media เป็นสำคัญ แต่ใน พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวยังมีโทษเกี่ยวกับการโจมตีระบบโดยใช้มัลแวร์ หรือการเจาะระบบผู้อื่นโดยมิชอบอยู่ด้วย ซึ่งท่านที่สนใจสามารถศึกษาได้จาก พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับ 2) พ.ศ.2560 เพิ่มเติมค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
ICT Law Center ETDA
จากข้อมูลที่มีการนำเสนอบนเวที Thailand Zocial Awards พบว่าพื้นที่บน Instagram ของดาราระดับแม่เหล็ก เช่น อั้ม-พัชราภา, ชมพู่ – อารยา, ใหม่-ดาวิกา ฯลฯ ซึ่งมียอดผู้ติดตามหลักล้านคนนั้น ล้วนเคยเป็นช่องทางการฝากร้านของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ จุดนี้เองที่หลายคนมองว่าเป็นการใช้พื้นที่ดังกล่าวหาประโยชน์ และสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่เจ้าของ IG พอสมควร
นั่นจึงนำมาซึ่งความน่าสนใจของ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับ 2) พ.ศ.2560 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่นั้น กำหนดว่า ลักษณะการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ – อีเมลโฆษณา ที่มีลักษณะก่อความรำคาญเดือดร้อนแก่ผู้รับ และไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์ได้ เข้าข่ายถือเป็นสแปม และมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งการฝากร้านบน Facebook หรือ IG ก็เข้าข่ายการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายข้างต้นด้วย (มาตรา 11)
แต่เมื่อหันมาดูมูลค่าของตลาด E-Commerce แยกตามช่องทางการขายและอุตสาหกรรม (อ้างอิงจากงาน Thailand Zocial Awards 2017) นั้น พบว่า ในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง มูลค่าการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Social Media นั้นมีสูงเกือบ 270,000 ล้านบาท โดยสินค้าที่มักมีการฝากร้านตาม IG ดารา เป็นสินค้าหมวดแฟชั่น 71% หมวดสุขภาพและความงาม 22% หมวดสินค้าแม่และเด็ก 4% และหมวดอุปกรณ์ไอที 3% นั่นจึงเป็นที่มาของคำถามว่า แล้วหลังจากนี้ รูปแบบการค้าขายบนแพลตฟอร์ม Social Media อย่าง Instagram จะประสบปัญหาหรือไม่อย่างไร
อย่างไรก็ดี กฎหมายฉบับนี้ก็ได้เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีสามารถออกประกาศกำหนดลักษณะและวิธีการส่ง รวมทั้งลักษณะและปริมาณของข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่เป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้รับ และลักษณะอันเป็นการบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้โดยง่ายเอาไว้ด้วย
นั่นจึงหมายถึงว่า การออกประกาศกำหนดในลักษณะดังกล่าวเป็นประเด็นที่น่าติดตาม เพราะประกาศฉบับนี้จะเป็นตัวชี้ว่า สิ่งใดทำได้ หรือทำไม่ได้ และทำได้แค่ไหนอย่างไร นั่นเอง
นอกจากเรื่องของการฝากร้านใน IG หรือส่งอีเมลขายของที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คอมพ์ฉบับใหม่ที่เราขอนำมาฝากกันดังนี้
การทำลาย แก้ไข ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนของข้อมูลคอมพิวเตอร์ผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท (มาตรา 9)
การระงับ ชะลอ ขัดขวาง รบกวนระบบของผู้อื่นจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท (มาตรา 10)
การโพสต์ข้อมูลที่บิดเบือน หรือปลอม จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
การโพสต์ข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ หรือทำให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
การโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร – การก่อการร้าย จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
การกด Like ทำได้ไม่ผิด พ.ร.บ. คอมพ์ยกเว้นการกด Like ข้อมูลที่มีฐานความผิดดังที่กล่าวมาข้างต้น
การกด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3
ผู้ดูแลระบบ หรือแอดมินเพจที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น เมื่อพบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ถ้าได้รับการแจ้งเตือนแล้วลบออกไม่ต้องรับโทษ แต่ถ้าไม่ยอมลบออก โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ให้บริการเว็บไซต์ต้องขยายเวลาการเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) เอาไว้ไม่น้อยกว่า 90 วัน และกรณีที่จำเป็น อาจสั่งให้ขยายเป็น 2 ปี สาเหตุที่ขยายเวลาเนื่องจากเทคโนโลยีมีความเปลี่ยนแปลง รูปแบบการกระทำความผิดจึงอาจซับซ้อนมากขึ้น
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทำให้ระบบทำงานไม่ปกติ ทำให้บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
การโพสต์ภาพลามกและสามารถแชร์สู่ประชาชนคนอื่นได้ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
โดยในจุดที่เรานำมาฝากกันอาจเป็นพฤติกรรมการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับ Social Media เป็นสำคัญ แต่ใน พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวยังมีโทษเกี่ยวกับการโจมตีระบบโดยใช้มัลแวร์ หรือการเจาะระบบผู้อื่นโดยมิชอบอยู่ด้วย ซึ่งท่านที่สนใจสามารถศึกษาได้จาก พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับ 2) พ.ศ.2560 เพิ่มเติมค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
ICT Law Center ETDA
แสดงความคิดเห็น
การกดไลค์ไม่ผิดกฎหมาย เป็นการแสดงความคิดเห็นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เว้นแต่เรื่องสถาบัน ที่มีความผิดตามมาตรา 112 เป็นเรื่องเดียวที่กดไลค์แล้วอาจจะผิดกฎหมาย
จากกรณีโลกโซเชียลมีการเเชร์หมายเรียกพยาน
เป็นการดำเนินคดีอาญาระหว่าง พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ กับ ร.ต.อ.วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ โดยหมายเรียก ส.ต.อ.จักรพงษ์ วงษ์วิจิตร ให้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ชลบุรี ฐานะพยานคดีดังกล่าว
ทางไทยรัฐออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง[url] นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคอมพิวเตอร์
เป็น[url]อดีตกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550 และที่ปรึกษากรรมาธิการแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2560
ถึงเรื่องการกดไลค์เพื่อแสดงความเห็น ซึ่งนายไพบูลย์ กล่าวว่า การกดไลค์ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ยืนยันหลายครั้งแล้วกับปัญหานี้
เพราะว่ากดไลค์เป็นการแสดงสิทธิหรือแสดงความคิดเห็นตามหลักรัฐธรรมนูญ ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย
[url]ยกเว้นความผิดเรื่องสถาบัน เป็นความผิดเรื่องมาตรา 112 เรื่องสถาบันเป็นเรื่องเดียวที่กดไลค์อาจจะผิดกฎหมาย
แต่ถ้าเป็น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ล้วนไม่ผิดกฎหมาย
นายไพบูลย์ กล่าวว่า อย่างกรณีถ้าถูกดำเนินคดี เราอาจจะต้องตั้งทนายและหาพยานผู้เชี่ยวชาญ หรือกรรมาธิการที่ร่าง ให้มาช่วยเปิดความในเรื่องที่มาของตัวกฎหมาย หรือไปขอคัดรายงานของกรรมาธิการที่สภา
ตอนที่ร่างกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550 กับ 2560 ว่าเจตนารมณ์ในการร่างเป็นยังไง เพราะการกดไลค์ปกติเป็นการแสดงความคิดเห็น
ให้เพื่อนได้รู้ว่าความรู้สึกเราที่เกี่ยวข้องเป็นยังไง กรณีกดไลค์ก็เหมือนเรายกมือ เพื่อนก็เห็นว่ายกมือ
ถ้าการไปตีความว่าการกดไลค์เป็นการทำให้แพร่หลาย การกดร้องไห้หรือว่าหัวเราะก็ผิดหมด กลายเป็นว่ากฎหมายจะไปตีความว่า
ข้อความในโซเชียลมีเดียห้ามเราแสดงความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
ตรงนี้ไม่ใช่แน่นอน เพราะมันขัดกับเสรีภาพรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นการกดไลค์โดยหลักปกติคือไม่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม จากเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การกดไลค์ไม่ผิดกฎหมาย เป็นการแสดงความคิดเห็นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ผิดกฎหมายตามหลัก พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์.