🎁☀️~มาลาริน~ในที่สุดรัฐบาลลุงตู่ ก็ต้องช่วยเก็บกู้ซากปรักหักพังจากทักษิณ อีลิทการ์ด–บทเรียนนโยบายฟุ้งฝันของนักการเมือง

กระทู้คำถาม
คสช.’ช่วยแต่งหน้า...ให้‘ทักษิณ’ อีลิทการ์ด–บทเรียนนโยบายฟุ้งฝันของนักการเมือง

ยอดตัวเลขท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทยในยุคเผด็จการทหาร คสช. ยังเติบโตต่อเนื่อง

ไม่ยักกลัวเกรงอำนาจเผด็จการเท่าใดนัก

เดือนพฤศจิกายน 2560 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 3,020,863 คน

เฉพาะเดือนนี้ ขยายตัวร้อยละ 23.18 (เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว)

ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2560 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาไทยทั้งสิ้น 31,845,616 คน

ขยายตัวร้อยละ 8.07 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ชาติที่นิยมมาเที่ยวไทย 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น ลาว อินเดีย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน แม้แต่โครงการที่มุ่งจับตลาดพรีเมียม ระดับบน อย่าง “อีลิทการ์ด” ซึ่งเป็นโครงการที่ล้มเหลวสุดๆ ในยุคของทักษิณ ชินวัตร เกิดภาระล้นพ้น จะล้มเลิกมาหลายรัฐบาล พอมาถึงยุครัฐบาล คสช. ก็ยังอุตส่าห์เติบโต ขยายตัว กระเตื้องขึ้นมาได้ด้วย!

1. นายพฤทธิ์ บุปผาคำ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารบัตรอีลิทการ์ด เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำปี 2560 (1 ตุลาคม 2559-30 กันยายน 2560) ระบุว่า

บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินการอยู่ที่ 662.95 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 400 ล้านบาท

คิดเป็นอัตราการเติบโต 64.32% จากปี 2559 ที่มีรายได้รวม 403.44 ล้านบาท

มีผลกำไร 389.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 93.60% จากปี 2559 ที่มีกำไร 201.40 ล้านบาท

โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นมากจากยอดรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายสมาชิกใหม่จำนวน 1,021 ราย ประกอบกับการบริหารต้นทุนในการดำเนินงานมีประสิทธิภาพขึ้น ต้นทุนจึงไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก

ยอดสมาชิกของอีลิทการ์ด ตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2546 (ยุคทักษิณ) จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2560 (30 กันยายน 2560) มียอดสมาชิกรวมทั้งสิ้น 4,877 คน

แบ่งเป็นสมาชิกรุ่นแรก 2,508 คน และสมาชิกรุ่นใหม่ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาเพิ่มขึ้น 1,021 คน

ถึงเดือน พ.ย. 2560 ยอดสมาชิกรวมสุทธิ 5,040 คน

“จากไปทำงานโรดโชว์พบว่าประเทศไทยและโครงการบัตร ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก จากการที่มีคนติดต่อเข้ามาสมัครเป็นทั้งสมาชิกบัตรและตัวแทนขาย โดยเฉพาะจีนที่ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก ทำให้สมาชิกในปี 2560 จีนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือ อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น จากปี 2559 ที่จีนอยู่อันดับ 2” นายพฤทธิ์กล่าว

น่าคิดว่า ในยุคประชาธิปไตยน้องสาวทักษิณ เที่ยวไปต่างประเทศเกือบจะรอบโลก ทำไมไม่ขายบัตรสมาชิกอีลิทการ์ดแบบนี้บ้าง? ยุครัฐบาลประชาธิปไตยจะต้องขายดีกว่าเผด็จการมิใช่หรือ?

2.กลายเป็นว่า รัฐบาลเผด็จการทหาร กำลังมาเก็บกู้ซากปรักหักพังจากรัฐบาลทักษิณ

โครงการอีลิทการ์ดนี้ ทักษิณคุยโวไว้ใหญ่โต ขายฝันสวยหรู แล้วยังทิ้งภาระยุ่งเหยิงไว้ให้ประเทศชาติ

เริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน 2546 ทักษิณประกาศคุยโว ตั้งเป้าหมายว่าจะหาสมาชิกให้ได้ 1 ล้านคน

ค่าสมาชิกคนละ 1 ล้านบาท

โม้ว่า จะทำให้มีเงินค่าสมาชิกถึง 1 ล้านล้านบาท!!!

แต่เอาเข้าจริง โครงการนี้ ไม่ได้ตามราคาคุย

นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการในยุคทักษิณ และตลอดยุครัฐบาลทักษิณ สามารถขายบัตรได้จริงๆ ไม่ถึง 1,000 ใบ!

ตัวแทนขายที่เข้ามาร่วมหากินกับโครงการช่วงแรก ก็เต็มไปด้วยเครือข่ายพวกพ้องที่มีสายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจในรัฐบาลทักษิณ

หลังจากนั้น มีการปรับลดเป้าหมาย จากยอด 1 ล้านใบ ปรับรูดลงมาแบบไม่เขินเหลือ 1 แสนใบ แต่จนแล้วจนรอด ยอด 1 แสนใบ ก็ยังทำไม่สำเร็จ

จากนั้น ค่อยปรับลดยอดเป้าหมายลงมาอีก เหลือแค่ 1 หมื่นใบ

อุตส่าห์ทุ่มเงินโฆษณา ปรากฏเป็นข่าวติดหนี้ค่าโฆษณาซีเอ็นเอ็น ฉาวโฉ่ไปทั่วโลก กว่า 140 ล้านบาท สร้างภาระติดพันข้อกฎหมาย ยุ่งเหยิงพัลวัน แบกภาระค่าใช้จ่าย เกิดภาระขาดทุนสะสมต่อเนื่อง

ยุคต่อๆ มา คิดเลิกโครงการ ก็สุ่มเสี่ยงจะถูกฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหาย เสียชื่อประเทศชาติ มากขึ้นอีก

ผ่านไป 10 ปี มาถึงปี 2556 ยอดสมาชิกก็ยังต่ำกว่า 3,000 ราย

ห่างไกลเป้าหมายที่ทักษิณเคยคุยโวไว้ว่าจะขายบัตรได้ 1 ล้านใบ ได้เงิน 1 ล้านล้านบาท

ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ สถานะมีแต่ทรงกับทรุดเจ๊งแหล่ ขาดทุนสะสมกว่า 1,170 ล้านบาท

โดยที่ไอ้คนโม้ หนีคดี หนีคุก ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

มาถึงสมัยรัฐบาล คสช.นี่เอง ยอดสมาชิกกลับเพิ่มขึ้น รายได้โตขึ้น สถานการณ์ดีขึ้น

ส่วนไอ้คนโม้ที่ทิ้งภาระปัญหาพอกพูนไว้ ก็กลับชี้นิ้วดิสเครดิตรัฐบาล คสช. ว่าทำลายความเชื่อมั่น ทำให้ต่างชาติไม่เชื่อถือประเทศไทย

เหลือเชื่อจริงๆ

3.โครงการนี้ เป็นเสมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวของทักษิณ!

เป็นตัวอย่างรูปธรรมของโครงการที่เกิดจากไอเดียทักษิณ คิดไวทำไว สร้างภาพการเป็นนักคิดนักบริหาร แต่ปรากฏว่าลงมือทำจริงแล้วเจ๊งไม่เป็นท่า!

การที่โครงการอีลิทการ์ดกระเตื้องขึ้นมาในยุคนี้ อุปมา จึงคล้ายๆ คสช.กำลังช่วยแต่งหน้าศพให้กับโครงการที่เคยตายคามือทักษิณ!

หากเลิกไม่ได้ เพราะจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี การดำเนินโครงการยุคนี้ ก็ควรจะระมัดระวัง ดังที่หน่วยงานรัฐต่างๆ เคยมีคำแนะนำไว้ก่อนนี้

เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) บอกว่า การคัดเลือกสมาชิกใหม่ควรเน้นคุณภาพ เพราะปัจจุบันมีธุรกิจแอบแฝง อาชญากร และขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ ขบวนการฟอกเงิน ซึ่งอาจใช้ช่องทางนี้ในการเข้าประเทศไทยเป็นฐานดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นต้น

สารส้ม

http://www.naewna.com/politic/columnist/33359

โอ้...พระเจ้า !

ดิฉันเพิ่งทราบจากบทความนี้เอง

ทักษิณทำนโยบายล้มเหลวที่สาวกไม่เคยคุยอวดสักครั้งเดียว

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  รัฐบาล การเมือง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่