ปีหมา...กับสงครามการเงิน ที่ดุเดือด


ตลาดซื้อขายน้ำมันที่เซี่ยงไฮ้คาดว่าปี 2561 จะมีความคึกคักมากขึ้น


ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา...คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายต่อหลายรายต้องนั่งลุ้นชนิดเอวบิด เอวคด ว่า “สงครามอาวุธ” ไม่ว่าระหว่าง “คิมน้อย” กับ “ทรัมป์บ้า” ระหว่างพี่ใหญ่ “ซาอุฯ” กับ “อิหร่าน” หรือแม้แต่ “รัสเซีย” กับ “ยูเครน” ตามแนวรบต่างๆ มันจะระเบิดขึ้นมาในตอนไหน เมื่อไหร่ แต่ยังถือว่าโชคดี...ที่ “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” ยังไม่ถูกจุดขึ้นมา มวลมนุษยชาติทั้งหลาย จึงสามารถผ่านปีไก่ ปีระกามาได้อย่างสบายไก่พอสมควร...

แต่สำหรับปีหมา หรือปีจอที่กำลังจะมาถึง...ไม่ว่าจะต้องลุ้นกันในเรื่อง “สงครามอาวุธ” อีกหรือไม่ เพียงใด ที่แน่ๆ ก็คือ “สงครามการเงิน” น่าจะเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนพอสมควร โดยเฉพาะ “สงครามกับเงินดอลลาร์” ที่บรรดาประเทศผู้อยากจะปลดปล่อยตัวเองจาก “เผด็จการดอลลาร์” อย่างคุณพี่จีนและคุณน้ารัสเซีย ท่านได้เตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการหันไปซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสินค้าต่างๆ ด้วยเงินตราสกุลท้องถิ่น (Swap) โดยไม่คิดจะพึ่งพาเงินดอลลาร์ การตระเตรียมกำหนดราคาทองคำขึ้นมาใหม่ภายในกลุ่มประเทศ “BRICS” ไปจนถึงความพยายามที่จะกำหนดการซื้อขายพลังงาน โดยไม่ต้องอ้างอิงเงินดอลลาร์เป็นหน่วยชำระทางบัญชี (Unit of Account) อีกต่อไป...

จากข่าวล่า-มาเรือในช่วงปลายปีที่ผ่านมา (23 ธันวาคม 2017) ธนาคารเพื่อการลงทุนสัญชาติเดนมาร์กอย่าง “Saxo Bank” จึงได้ออกมาวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าว่า ภายในปี ค.ศ. 2018 นี่แหละ ที่ประเทศผู้สั่งเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่างคุณพี่จีน ท่านจะได้ฤกษ์ ได้เวลา กำหนดราคาซื้อ-ขายน้ำมันด้วยเงินหยวน (Petro-Yuan) แทนเงินดอลลาร์อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ อันจะส่งผลให้ตลาดซื้อ-ขายน้ำมันระดับโลก ต้องหันมาเงี่ยหูฟังการขึ้น-ลงของราคาน้ำมันจาก “ตลาดซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนพลังงานเซี่ยงไฮ้” (Shanghai International Energy Exchange) แทนที่จะหันไปฟัง “ตลาดซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนน้ำมันเวสต์เท็กซัส” (US West Texas Intermediate) หรือ “ตลาดเบร็นท์” (European benchmark Brent) ที่เคยเป็นผู้กำหนดการขึ้น-ลงของราคาน้ำมันครอบคลุมเป็นจำนวนปริมาณไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาร์เรลหรือมากกว่าเกือบ 20 เท่าในแต่ละวัน อีกต่อไป...

หรือพูดง่ายๆ ว่า...ด้วยเหตุที่คุณพี่จีนเขาได้กลายเป็นประเทศผู้สั่งเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก จนกลายเป็น “กุญแจ” หรือเป็นผู้เล่นรายสำคัญของตลาดน้ำมัน โอกาสที่เขาจะใช้เงื่อนไขดังกล่าวเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์ระบบการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนย่อมสามารถทำได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ โดยเฉพาะเมื่อประเทศผู้ส่งออกน้ำมันที่กำลังผงาดขึ้นมาเป็นรายใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่เจ้าพ่อน้ำมันอย่างซาอุดีอาระเบียในอีกไม่นาน-ไม่ช้า คือประเทศรัสเซียและอิหร่านพร้อมที่จะโดดมาเล่นด้วย หรือพร้อมจะร่วมด้วยช่วยกันด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยการซื้อ-ขายน้ำมันด้วยเงินหยวน แล้วหันไปถีบทิ้งเงินสกุลดอลลาร์โดยไม่คิดจะปรานีปราศรัยใดๆ อีกต่อไป นักวิเคราะห์ของ “Saxo Bank” เลยหนีไม่พ้นต้องสรุปไว้ว่า...การเปลี่ยนมาใช้เงินหยวนเป็นตัวกำหนดราคาการซื้อ-ขายน้ำมันในปีหน้า จะกลายเป็น “ความเคลื่อนไหวที่น่าเกรงขาม อันจะนำมาซึ่งผลกระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมือง และระบบการเงินของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย”...

และไม่เพียงแต่การหันมา “ถีบทิ้งเงินดอลลาร์” ในตลาดน้ำมันเท่านั้น...การปรากฏตัวขึ้นมาของเงินตราดิจิตอล หรือที่เรียกๆ กันว่า “Cryptocurrencies” ในรูปแบบต่างๆ ในช่วงหลังๆ ที่แม้จะถูกนำเอาไปเก็งกำไร ให้กลายเป็นแชร์แม่ชะม้อยยุคดิจิตอล หรือนำไปใช้ในการฟอกเงินขององค์กรอาชญากรรมใดๆ ก็แล้วแต่ แต่ด้วยเหตุที่โครงสร้างของระบบ “เงินเทียม” ชนิดนี้ มันมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจมิใช่น้อย คือเป็นระบบเงินที่ไม่มีศูนย์กลาง หรือธนาคารกลางใดๆ เป็นตัวควบคุม (Decentralized currency) สามารถซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยน ทำธุรกรรมระหว่างกันและกันโดยตรง ชนิดที่ระบบการเงินใดๆ หรือสกุลเงินใดๆ ก็ไม่อาจอาศัยอำนาจ อิทธิพล เข้าไปกด เข้าไปบีบได้ง่ายๆ มันเลยส่งผลให้ประเทศที่ถูก “แซงชั่น” โดยคุณพ่ออเมริกา หรือถูกกด ถูกบีบ ด้วยอิทธิพลเงินดอลลาร์ อย่างเช่น รัสเซีย อิหร่าน ไปจนถึงเวเนซุเอลา เริ่มหันมาเหล่ๆ หันมาให้ความสนใจที่จะอาศัยระบบโครงสร้างของบรรดาเงินดิจิตอลเหล่านี้นี่แหละ ปลดปล่อยตัวเองออกจากอิทธิพลของอเมริกาไปพร้อมๆ กับอิทธิพลของเงินดอลลาร์ ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

ดังที่ “Stephen Brennock” นักวิเคราะห์ด้านพลังงานแห่ง “PVM Oil Associates” ได้ให้ความเห็นไว้กับสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อไม่นานมานี้ว่า... “การมาถึงของ Cryptocurrencies ได้กลายเป็นตัวช่วยให้บรรดาประเทศผู้ผลิตสินค้าที่ปรารถนาจะเลิกพึ่งพาเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่ต้องการตกอยู่ใต้การครอบงำของเงินดอลลาร์ในตลาดน้ำมันอีกต่อไป สามารถนำเอาสิ่งเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องมือ” อีกทั้งไม่เพียงแต่นำมาใช้ในการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนเฉพาะวงการน้ำมันเท่านั้น “Cryptocurrencies” ยังกลายเป็น “ทางออก” สำหรับการรับมือกับการแซงชั่นทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโครงสร้างของระบบที่ถูกออกแบบให้ “ผู้ที่ไม่ปรากฏนาม” สามารถทำธุรกรรมระหว่างกันและกันได้โดยอาศัยสิ่งที่เรียกว่า “Block chain Technology” นั่นเอง...

ภายใต้โลกที่มันกำลังเปลี่ยนไปอย่างชนิดพลิก “หลังตีน” เป็น “หน้ามือ” เช่นนี้...จึงไม่ถึงกับน่าแปลกใจที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน อย่างศาสตราจารย์ “Barry Eichengreen” แห่งมหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ ที่ร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์แห่งธนาคารกลางยุโรป อย่าง “Arnaud Mehl” และ “Livia Chitu” ได้ตัดสินใจตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานการศึกษาค้นคว้าออกมาเป็นหนังสือเล่มใหม่ล่าสุดชื่อว่า “How Global Currencies Work; Past, Present, and Future” ในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้นี่เอง ซึ่งโดยเนื้อหาหลักๆ ได้สรุปแบบ “ฟันธง” ลงไปชนิดเต็มผืน เต็มด้ามว่า “วันของเงินดอลลาร์ในฐานะเงินตราสกุลหลักของโลก...กำลังจะหมดลงแล้ว” หรือการครอบงำของเงินดอลลาร์ในตลาดการเงินโลกนับตั้งแต่ครึ่งหลังศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา กำลังจะจบลงไปในอีกไม่ช้าก็เร็ว ทั้งนี้...ก็ขึ้นอยู่กับบทบาทของประธานาธิบดีอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่จะเป็นตัวเร่งให้เร็วหรือช้ามาก-น้อยขนาดไหน??? นี่...คงต้องฟังๆ เอาไว้มั่ง สำหรับใครก็ตามที่ไม่อยากจะเป็นหมาหัวเน่า หรือหมาหางด้วน ภายในปีหมาที่กำลังจะมาถึง...

ขอบคุณที่มา หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ


http://www.baanlumpini.com บ้านน่าอยู่ ทาวน์โฮม บ้านพร้อมอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่