ให้ 9/10 หนังดราม่า Feel Good ที่อิงมาจากหนังสือขายดีในชื่อเดียวกันของ R.J. Palacio กำกับโดย Stephen Chbosky จาก The Perks of Being a Wallflower (2012)
เมื่อ Auggie เด็กชายวัย 10 ขวบ (Jacob Tremblay) ผู้เกิดมากับโรค Treacher Collins syndrome (เทรชเชอร์ คอลลินส์) ทำให้มีใบหน้าที่ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป จนทำให้เขาต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ และต้องเรียน Home School เพราะเป็นการยากสำหรับเขาในการใช้ชีวิตในสังคมร่วมกับคนอื่นนอกครอบครัว วันหนึ่งพ่อกับแม่ (Owen Wilson & Julia Roberts ) ของ Auggie ได้ตัดสินใจให้เขาไปโรงเรียน เรื่องราวที่น่าประทับใจของ Auggie จึงได้เริ่มต้นขึ้น
"ยังไงนายก็แปลกแยก เพราะนายเกิดมาเพื่อโดดเด่น"
โรค Treacher Collins syndrome (เทรชเชอร์ คอลลินส์) คือ โรคทางพันธุกรรมที่ทำให้การเจริญเติบโตในส่วนของใบหน้า โดยเฉพาะกระดูกโหนกแก้ม ขากรรไกรล่าง ใบหูและหูชั้นกลางของเด็กที่เกิดมาผิดปกติ โดยอัตราส่วนการเกิดโรคนี้นั้นเท่ากับ 1 ต่อ 50,000 คน ซึ่งอาจทำให้เด็กที่เกิดมามีอาการแทรกซ้อนอย่าง โรคหัวใจ ปากแหว่งเพดานโหว่ หรือ การหายใจและการได้ยินผิดปกติร่วมด้วย วิธีรักษาคือ การผ่าตัดเพื่อให้อวัยวะต่างๆ บนใบหน้าเข้ารูปและใกล้เคียงกับคำว่าปกติมากที่สุด
เมื่อดูจากอาการโรคแล้วคงไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นการยากแค่ไหนสำหรับเด็กตัวเล็กๆ คนนึงที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้มีโอกาสร้องขอ แต่มันก็คงเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่ใส่ดวงใจของพวกเขาทั้งหมดเข้าไป และพบว่าสุดท้ายแล้วลูกของพวกเขานั้นเกิดมาไม่ได้แข็งแรงหรือเหมือนเด็กปกติทั่วไป แน่นอนว่าหัวใจของพวกเขาสลาย ต้องผ่านทั้งการถอดใจ ทำใจ และต่อสู้ฟันฝ่าหลายสิ่งมากมายโดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้บ่งบอกพวกเขาอย่างชัดเจนว่า ต่อไปนี้ชีวิตของพวกเขาจะไม่ง่ายเหมือนที่อยากให้เป็น โดยเฉพาะในสภาวะสังคมที่คนต่างตัดสินกันแค่เปลือกนอก
การที่พ่อกับแม่ส่ง Auggie เข้าเรียนโรงเรียนกับเด็กปกตินั้น ความจริงแล้วก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าโลกภายนอกจะโหดร้ายกับลูกพวกเขาหรือไม่ แต่ชีวิตก็คงต้องดำเนินต่อไป และพวกเขาก็อยากจะมั่นใจว่าลูกของพวกเขาจะสามารถอยู่รอดในสังคมได้เมื่อไม่มีพวกเขาแล้ว แม้เป็นการตัดสินใจที่ลำบากและทำใจยากก็ตาม
ในหนังเปรียบ Auggie เหมือนระบบสุริยะจักรวาล ที่ดาวเคราะห์ต่างๆ ต้องมาโคจรล้อมรอบ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงที่พ่อแม่หรือคนอื่นๆ มักจะสนใจกับเขาเป็นพิเศษเพื่อชดเชยกับสิ่งที่เขาขาดหาย จนอาจทำให้ในบางทีหลงลืมดูแลใครบางคนในชีวิตที่เป็นคนปกติอย่างพี่สาวของ Auggie หรือแม้กระทั่งหมาของพวกเขาไป ซึ่งหนังก็ไม่ได้นำเสนออย่างโลกสวยไปหมด เพราะเขาไม่ลืมที่จะนำเสนอขอเท็จจริงที่ว่า แม้พี่สาวจะรักและเข้าใจน้องชายมากเพียงใด แต่ก็อย่าลืมว่าพี่สาวของ Auggie เองก็ยังเป็นเด็กคนนึง ที่แน่นอนว่าเธอยังคงต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ และในบางครั้งแม้จะเข้าใจและรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นมากมายเพียงไหนก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธและน้อยใจเป็นธรรมดา เพราะเธอคือคนๆ นึง ที่มีชีวิตจิตใจ และทุกคนต่างก็มีเหตุผลและปัญหาเป็นของตัวเอง อย่างที่หนังได้นำเสนอออกมาในมุมมองของแต่ละตัวละคร
ไม่ต่างไปจาก Auggie ที่เมื่อรู้ว่าเขาจะต้องไปเข้าเรียนกับเด็กปกติ อยู่ร่วมกับสังคมภายนอกนั้น เขายิ่งรู้ดีว่าอะไรรอเขาอยู่ และเขาจะต้องเจอกับอะไร แต่ด้วยการที่เขามีครอบครัวที่น่ารัก มีการสั่งสอนที่ดี มีความหวังดีต่อกัน และกำลังใจที่ดีจากพ่อแม่และพี่สาว นั่นก็ได้หล่อหลอมให้เขาเป็นเด็กที่ฉลาด มีความคิดที่ดี ใจสู้และอดทน มองโลกในแง่บวก ถ่อมตน ที่สำคัญคือ เขามีน้ำใจและหัวใจที่เปิดกว้าง ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้สอนและค่อยๆ สลายพฤติกรรมผู้คนไปโดยไม่รู้ตัว ให้เปิดใจ รู้จักความเห็นใจยอมรับความต่างของกันและกัน และมีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้น
เขาได้หลอมรวมใครหลายคนเข้าด้วยกันและทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นเยอะ พร้อมไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติและรอยยิ้มว่าเขานั้นช่างโชคดีที่เจอคนดีๆ ที่พร้อมเข้าใจ แม้จะในบางครั้งต้องผ่านน้ำตาแห่งความเจ็บปวดมากก่อนก็ตาม แต่ก็ถือเป็นสิ่งที่คุ้มที่จะลองเสี่ยงดู จริงไหม... เมื่อดูหนังเรื่องนี้แล้วคุณจะเห็นว่า ครอบครัว หรือพ่อแม่พี่น้องนั้น มีส่วนสำคัญมากในการปลุกปั้นความคิดและพฤติกรรมของเด็ก เหมือนอย่างที่เขาบอกกันว่า “พ่อแม่คือกระจกเงาของลูก” คุณอยากให้เขาเป็นคนแบบไหน ทุกอย่างล้วนเริ่มต้นที่ตัวคุณทั้งสิ้น
Wonder คือหนังที่ Feel Good ที่ก่อนไปชมคิดว่าคงจะเป็นหนังที่ดีธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อได้ชมแล้วพบว่า มันคือหนัง Feel Good ที่ดียิ่งกว่าดีเสียอีก เหนือกว่าคำว่าธรรมดาทั่วไป มันเติมเต็มหัวใจได้ทั้งดวงจนล้นเผื่อแผ่ออกมาให้คนรอบข้างด้วย เพราะมันคือหนังแห่งความมีน้ำใจและความปรารถนาดี Wonder จึงเป็นหนัง Feel Good ที่ดีที่สุดในปีนี้ และเป็นหนึ่งในหนังที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดในปีนี้เลยค่ะ
ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน คะแนนของแต่ละเรื่องมาจากการเปรียบเทียบหนังใน Genre เดียวกัน จึงไม่สามารถไปเปรียบกับคะแนนเรื่องอื่นที่เป็นหนังคนละ Genre ได้ เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ
https://www.facebook.com/MoviesStalker
[CR] รีวิวเรื่อง Wonder หนังที่ Feel Good และเติมเต็มที่สุดของปี 2017
เมื่อ Auggie เด็กชายวัย 10 ขวบ (Jacob Tremblay) ผู้เกิดมากับโรค Treacher Collins syndrome (เทรชเชอร์ คอลลินส์) ทำให้มีใบหน้าที่ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป จนทำให้เขาต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ และต้องเรียน Home School เพราะเป็นการยากสำหรับเขาในการใช้ชีวิตในสังคมร่วมกับคนอื่นนอกครอบครัว วันหนึ่งพ่อกับแม่ (Owen Wilson & Julia Roberts ) ของ Auggie ได้ตัดสินใจให้เขาไปโรงเรียน เรื่องราวที่น่าประทับใจของ Auggie จึงได้เริ่มต้นขึ้น
โรค Treacher Collins syndrome (เทรชเชอร์ คอลลินส์) คือ โรคทางพันธุกรรมที่ทำให้การเจริญเติบโตในส่วนของใบหน้า โดยเฉพาะกระดูกโหนกแก้ม ขากรรไกรล่าง ใบหูและหูชั้นกลางของเด็กที่เกิดมาผิดปกติ โดยอัตราส่วนการเกิดโรคนี้นั้นเท่ากับ 1 ต่อ 50,000 คน ซึ่งอาจทำให้เด็กที่เกิดมามีอาการแทรกซ้อนอย่าง โรคหัวใจ ปากแหว่งเพดานโหว่ หรือ การหายใจและการได้ยินผิดปกติร่วมด้วย วิธีรักษาคือ การผ่าตัดเพื่อให้อวัยวะต่างๆ บนใบหน้าเข้ารูปและใกล้เคียงกับคำว่าปกติมากที่สุด
เมื่อดูจากอาการโรคแล้วคงไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นการยากแค่ไหนสำหรับเด็กตัวเล็กๆ คนนึงที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้มีโอกาสร้องขอ แต่มันก็คงเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่ใส่ดวงใจของพวกเขาทั้งหมดเข้าไป และพบว่าสุดท้ายแล้วลูกของพวกเขานั้นเกิดมาไม่ได้แข็งแรงหรือเหมือนเด็กปกติทั่วไป แน่นอนว่าหัวใจของพวกเขาสลาย ต้องผ่านทั้งการถอดใจ ทำใจ และต่อสู้ฟันฝ่าหลายสิ่งมากมายโดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้บ่งบอกพวกเขาอย่างชัดเจนว่า ต่อไปนี้ชีวิตของพวกเขาจะไม่ง่ายเหมือนที่อยากให้เป็น โดยเฉพาะในสภาวะสังคมที่คนต่างตัดสินกันแค่เปลือกนอก
การที่พ่อกับแม่ส่ง Auggie เข้าเรียนโรงเรียนกับเด็กปกตินั้น ความจริงแล้วก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าโลกภายนอกจะโหดร้ายกับลูกพวกเขาหรือไม่ แต่ชีวิตก็คงต้องดำเนินต่อไป และพวกเขาก็อยากจะมั่นใจว่าลูกของพวกเขาจะสามารถอยู่รอดในสังคมได้เมื่อไม่มีพวกเขาแล้ว แม้เป็นการตัดสินใจที่ลำบากและทำใจยากก็ตาม
ในหนังเปรียบ Auggie เหมือนระบบสุริยะจักรวาล ที่ดาวเคราะห์ต่างๆ ต้องมาโคจรล้อมรอบ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงที่พ่อแม่หรือคนอื่นๆ มักจะสนใจกับเขาเป็นพิเศษเพื่อชดเชยกับสิ่งที่เขาขาดหาย จนอาจทำให้ในบางทีหลงลืมดูแลใครบางคนในชีวิตที่เป็นคนปกติอย่างพี่สาวของ Auggie หรือแม้กระทั่งหมาของพวกเขาไป ซึ่งหนังก็ไม่ได้นำเสนออย่างโลกสวยไปหมด เพราะเขาไม่ลืมที่จะนำเสนอขอเท็จจริงที่ว่า แม้พี่สาวจะรักและเข้าใจน้องชายมากเพียงใด แต่ก็อย่าลืมว่าพี่สาวของ Auggie เองก็ยังเป็นเด็กคนนึง ที่แน่นอนว่าเธอยังคงต้องการความรักและการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ และในบางครั้งแม้จะเข้าใจและรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นมากมายเพียงไหนก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธและน้อยใจเป็นธรรมดา เพราะเธอคือคนๆ นึง ที่มีชีวิตจิตใจ และทุกคนต่างก็มีเหตุผลและปัญหาเป็นของตัวเอง อย่างที่หนังได้นำเสนอออกมาในมุมมองของแต่ละตัวละคร
ไม่ต่างไปจาก Auggie ที่เมื่อรู้ว่าเขาจะต้องไปเข้าเรียนกับเด็กปกติ อยู่ร่วมกับสังคมภายนอกนั้น เขายิ่งรู้ดีว่าอะไรรอเขาอยู่ และเขาจะต้องเจอกับอะไร แต่ด้วยการที่เขามีครอบครัวที่น่ารัก มีการสั่งสอนที่ดี มีความหวังดีต่อกัน และกำลังใจที่ดีจากพ่อแม่และพี่สาว นั่นก็ได้หล่อหลอมให้เขาเป็นเด็กที่ฉลาด มีความคิดที่ดี ใจสู้และอดทน มองโลกในแง่บวก ถ่อมตน ที่สำคัญคือ เขามีน้ำใจและหัวใจที่เปิดกว้าง ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้สอนและค่อยๆ สลายพฤติกรรมผู้คนไปโดยไม่รู้ตัว ให้เปิดใจ รู้จักความเห็นใจยอมรับความต่างของกันและกัน และมีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้น
เขาได้หลอมรวมใครหลายคนเข้าด้วยกันและทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นเยอะ พร้อมไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติและรอยยิ้มว่าเขานั้นช่างโชคดีที่เจอคนดีๆ ที่พร้อมเข้าใจ แม้จะในบางครั้งต้องผ่านน้ำตาแห่งความเจ็บปวดมากก่อนก็ตาม แต่ก็ถือเป็นสิ่งที่คุ้มที่จะลองเสี่ยงดู จริงไหม... เมื่อดูหนังเรื่องนี้แล้วคุณจะเห็นว่า ครอบครัว หรือพ่อแม่พี่น้องนั้น มีส่วนสำคัญมากในการปลุกปั้นความคิดและพฤติกรรมของเด็ก เหมือนอย่างที่เขาบอกกันว่า “พ่อแม่คือกระจกเงาของลูก” คุณอยากให้เขาเป็นคนแบบไหน ทุกอย่างล้วนเริ่มต้นที่ตัวคุณทั้งสิ้น
Wonder คือหนังที่ Feel Good ที่ก่อนไปชมคิดว่าคงจะเป็นหนังที่ดีธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อได้ชมแล้วพบว่า มันคือหนัง Feel Good ที่ดียิ่งกว่าดีเสียอีก เหนือกว่าคำว่าธรรมดาทั่วไป มันเติมเต็มหัวใจได้ทั้งดวงจนล้นเผื่อแผ่ออกมาให้คนรอบข้างด้วย เพราะมันคือหนังแห่งความมีน้ำใจและความปรารถนาดี Wonder จึงเป็นหนัง Feel Good ที่ดีที่สุดในปีนี้ และเป็นหนึ่งในหนังที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดในปีนี้เลยค่ะ
ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน คะแนนของแต่ละเรื่องมาจากการเปรียบเทียบหนังใน Genre เดียวกัน จึงไม่สามารถไปเปรียบกับคะแนนเรื่องอื่นที่เป็นหนังคนละ Genre ได้ เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ https://www.facebook.com/MoviesStalker