มีเรื่องที่ชวนให้คิดค่ะ คือ ณ ปัจจุบัน บอกเลย เราหาคนมาทำงานยากมาก อาจด้วยสายงานด้วยส่วนหนึ่งที่คนเรียนน้อย แถมอยู่ต่างจังหวัดไม่ค่อยจะมีใครอยากออกมาทำงานด้วย เราก็จะอาศัยเด็กๆในจังหวัดที่สำนักงานตั้งอยู่ ไม่ได้จบโดยตรง ก็ใกล้เคียงที่สามารถจะทำงานช่วยเราได้ ก็จะติดต่อกับรุ่นพี่ ซึ่งมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดที่ตั้งของสำนักงานของเรา จะบอกว่า ไม่ได้ตั้งสเปกไว้สูง เราก็จะใช้วิธีคุยกับรุ่นพี่ที่เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยให้ลองดูลองคัดเลือกเด็กให้ว่ามีใครที่น่าจะมาช่วยเราทำงานได้ เมื่อสองปีก่อน เราก็รับน้องมาทำงานคนหนึ่ง มีคนมาให้เลือกสองคนค่ะ แค่สอบสัมภาษณ์ก็รับเข้าทำงานแล้ว เงินเดือนตามวุฒิปริญญาตรี ซึ่งบอกเลยอยู่ต่างจังหวัดได้อย่างสบายๆ ถือว่าได้เงินเดือนสูงที่สุดของบรรดาลูกจ้างในสำนักงาน เร่ิ่มวันแรก เราเตรียมโต๊ะ เตรียมคอมไว้ให้ และบอกให้น้องต่อคอมและลองใช้งานดู ผลคือ น้องเดินมาหาเราและบอกเราว่า หนูต่อคอมไม่เป็นค่ะพี่ ตอนแรกที่ได้ยินแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แต่ก็นะเราก็จัดการต่อคอมให้ ระหว่างการทำงาน จะบอกว่าเหนื่อยมาก เพราะเราก็ไม่รู้ว่าตื่นเช้ามาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง น้องใช้ Office แบบลุ่มๆดอนๆ เราไม่เพียงสั่งงาน แต่ต้องมานั่งสอนด้วยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ปัญหามีทุกวัน แต่ก็ยอมรับว่าน้องเป็นคนมีความอดทนสูง แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด
พอคนเก่าผ่านไป อาจารย์ก็ส่งคนใหม่มา เหมือนเดิมคือแค่สัมภาษณ์ ก็รับมาทำงาน เพราะด้วยความที่ไม่มีคนทำงาน ผลคือเหมือนเดิม ใช้ Office ไม่คล่อง แต่คนนี้ดีขึ้นคือ มีความรู้เฉพาะด้านของงานเราดีกว่าคนก่อน และเราก็มีประสบการณ์แล้ว เราก็จะพยายามไม่คาดหวังและใจเย็นขึ้นกว่าเดิม แต่สุดท้าย ผู้บังคับบัญชาเราก็บอกปัดช่วงท้ายปีงบประมาณว่า ไปหาคนใหม่มา
เราก็กลับไปคุยกับอาจารย์ที่เป็นรุ่นพี่เราค่ะ ว่า เด็กที่จบมามีลักษณะเหมือนกันเลย คือ ใช้งานคอมพิวเตอร์พื้นฐานไม่ได้เลย วัตถุประสงค์ที่เราเล่าคือ อยากจะให้ทางมหาวิทยาลัยเห็นว่าหลักสูตรของตนเองนั้นมีข้อบกพร่องตรงไหน และควรจะเพิ่มเติมให้กับเด็กของตนเอง แต่ผลที่เราได้รับ คือ อาจารย์บอกมาว่า ก็เด็กแถวนี้ก็ได้แค่นี้แหละ เราจะบอกว่า เราก็เป็นเด็กแถวๆนี้ แต่ที่เราสามารถทำอะไรได้เยอะแยะ เพราะทางมหาวิทยาลัยมีทางเลือกให้เรียนเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม Office หรือแม้กระทั่ง โปรแกรมเกี่ยวกับ GIS ทางมหาวิทยาลัยก็หาอาจารย์ภายนอกมาสอนให้ เพราะคิดว่าจำเป็นต้องใช้งาน ทั้งๆที่งานก็ไม่ได้จำเป็นมากมายขนาดนั้น
เราก็กลับมาคิดนะ การที่เด็กจบออกมาแล้วเป็นแบบนี้ คงโทษเด็กอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องมองลงไปถึงสถาบันด้วยเลย ไม่ได้จะเหมารวม แต่คือ แค่การยอมรับและปรับปรุงยังทำไม่ได้ แล้วเด็กของคุณจะมีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับของสังคมภายนอกได้อย่างไร
เราคิดว่าเด็กทั้งสองคน ที่จบเกียรตินิยมมาด้วย เขามีความรู้เฉพาะด้านพอสมควร เราสามารถพัฒนาเขาได้ในด้านนี้ แต่จะให้เรามานั่งสอนในสิ่งที่มหาวิทยาลัยควรจะเตรียมความพร้อมเขามาแล้วก่อนส่งออกมาทำงาน เราก็ไม่ไหว เพราะบางคนบอกเราว่า เหมือนเอาคนมาเพิ่มภาระให้กับตัวเองเลย
ไม่อะไรมากค่ะ การรับฟังและปรับปรุงมันไม่ได้มีผลดีกับคุณเท่าไหร่ แต่มันจะเป็นผลดีกับเด็กๆที่กำลังจะจบออกมา อยากให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยช่วยตระหนักว่า คนที่พูดแนะนำ ไม่ได้อยากจะติติง เพียงแต่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ถีงจะเป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด แต่เราก็ว่าสามารถสร้างคน สร้างมาตรฐานในการเรียนที่ดีได้ ถึงแม้จะมีคนบอกว่า ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ตัวเด็กเองที่ไม่ขวนขวายหาความรู้ใส่ตัวก็ตามที
อะไรคือสิ่งที่เราคาดหวังจากมหาวิทยาลัยในการสร้างคนทำงาน
พอคนเก่าผ่านไป อาจารย์ก็ส่งคนใหม่มา เหมือนเดิมคือแค่สัมภาษณ์ ก็รับมาทำงาน เพราะด้วยความที่ไม่มีคนทำงาน ผลคือเหมือนเดิม ใช้ Office ไม่คล่อง แต่คนนี้ดีขึ้นคือ มีความรู้เฉพาะด้านของงานเราดีกว่าคนก่อน และเราก็มีประสบการณ์แล้ว เราก็จะพยายามไม่คาดหวังและใจเย็นขึ้นกว่าเดิม แต่สุดท้าย ผู้บังคับบัญชาเราก็บอกปัดช่วงท้ายปีงบประมาณว่า ไปหาคนใหม่มา
เราก็กลับไปคุยกับอาจารย์ที่เป็นรุ่นพี่เราค่ะ ว่า เด็กที่จบมามีลักษณะเหมือนกันเลย คือ ใช้งานคอมพิวเตอร์พื้นฐานไม่ได้เลย วัตถุประสงค์ที่เราเล่าคือ อยากจะให้ทางมหาวิทยาลัยเห็นว่าหลักสูตรของตนเองนั้นมีข้อบกพร่องตรงไหน และควรจะเพิ่มเติมให้กับเด็กของตนเอง แต่ผลที่เราได้รับ คือ อาจารย์บอกมาว่า ก็เด็กแถวนี้ก็ได้แค่นี้แหละ เราจะบอกว่า เราก็เป็นเด็กแถวๆนี้ แต่ที่เราสามารถทำอะไรได้เยอะแยะ เพราะทางมหาวิทยาลัยมีทางเลือกให้เรียนเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม Office หรือแม้กระทั่ง โปรแกรมเกี่ยวกับ GIS ทางมหาวิทยาลัยก็หาอาจารย์ภายนอกมาสอนให้ เพราะคิดว่าจำเป็นต้องใช้งาน ทั้งๆที่งานก็ไม่ได้จำเป็นมากมายขนาดนั้น
เราก็กลับมาคิดนะ การที่เด็กจบออกมาแล้วเป็นแบบนี้ คงโทษเด็กอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องมองลงไปถึงสถาบันด้วยเลย ไม่ได้จะเหมารวม แต่คือ แค่การยอมรับและปรับปรุงยังทำไม่ได้ แล้วเด็กของคุณจะมีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับของสังคมภายนอกได้อย่างไร
เราคิดว่าเด็กทั้งสองคน ที่จบเกียรตินิยมมาด้วย เขามีความรู้เฉพาะด้านพอสมควร เราสามารถพัฒนาเขาได้ในด้านนี้ แต่จะให้เรามานั่งสอนในสิ่งที่มหาวิทยาลัยควรจะเตรียมความพร้อมเขามาแล้วก่อนส่งออกมาทำงาน เราก็ไม่ไหว เพราะบางคนบอกเราว่า เหมือนเอาคนมาเพิ่มภาระให้กับตัวเองเลย
ไม่อะไรมากค่ะ การรับฟังและปรับปรุงมันไม่ได้มีผลดีกับคุณเท่าไหร่ แต่มันจะเป็นผลดีกับเด็กๆที่กำลังจะจบออกมา อยากให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยช่วยตระหนักว่า คนที่พูดแนะนำ ไม่ได้อยากจะติติง เพียงแต่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ถีงจะเป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด แต่เราก็ว่าสามารถสร้างคน สร้างมาตรฐานในการเรียนที่ดีได้ ถึงแม้จะมีคนบอกว่า ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ตัวเด็กเองที่ไม่ขวนขวายหาความรู้ใส่ตัวก็ตามที