เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2025 Toyota เปิดตัวรุ่นปรับปรุง GR Corolla Hot Hatch ขับเคลื่อน 4 ล้อ ในตลาดญีปุ่นบ้านเกิด เพียงไม่กี่วันหลังจากมีข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มทางเลือกรุ่น GRMN ที่มีความดิบของสมรรถนะขั้นกว่า Toyota ก็ได้ใช้แรงดึงดูดของกระแสข่าวนี้เพื่อชิงเปิดตัว GR Corolla รุ่นปรับปรุง ซึ่งได้รับการอัปเดตหลายด้านในตลาดญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งขึ้น การปรับปรุงระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ รวมถึงชุดเครื่องเสียงที่ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ Toyota ยืนยันว่าจะเพิ่มจำนวนการผลิตโดยไม่ปรับขึ้นราคา

GR Corolla รุ่นปี 2026 นี้พัฒนาต่อยอดโดยตรงจากงานวิศวกรรมในสนามแข่ง Super Taikyu Series สะท้อนถึงความเชื่อของ Akio Toyoda ที่ว่า “มอเตอร์สปอร์ตคือบททดสอบที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างรถถนนที่ยอดเยี่ยม” วิศวกรได้เพิ่มกาวเชื่อมโครงสร้างอีก 13.9 เมตร รวมเป็น 32.7 เมตร โดยเน้นบริเวณด้านหน้า พื้นตัวรถ และซุ้มล้อหลัง เพื่อเสริมความแข็งแรงของแชสซีโดยแทบไม่เพิ่มน้ำหนักโดยรวม

Toyota อธิบายว่าความแข็งแรงของโครงสร้างมีความสำคัญต่อเสถียรภาพในการขับขี่ โดยเฉพาะในสนามแข่งต่างประเทศที่มีแรง G แนวตั้งและแนวข้างรุนแรงกว่าสนามในประเทศญีปุ่น ซึ่งคาดว่าหมายถึง Nürburgring นั่นเอง ระบบระบายความร้อนปรับปรุงด้วยการติดตั้งช่องดักอากาศใหม่ที่ระบบท่อไอดีเสริม เพื่อคงอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้เสถียรแม้ในสภาวะใช้งานหนักยาวนาน ทำให้ผู้ขับสามารถรีดสมรรถนะสูงสุดของรถได้อย่างต่อเนื่องในสนามแข่ง

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมระบบเครื่องเสียง JBL Premium ได้รับการปรับจูนใหม่เพิ่มซับวูฟเฟอร์ในห้องเก็บสัมภาระ ทำให้มีลำโพงรวมทั้งหมด 9 ตัว พร้อมกับ Active Sound Control (ASC) เวอร์ชันล่าสุดที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานในรถที่เลือกชุด JBL โดยระบบระบบ ASC ใหม่นี้สามารถกรองเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่พึงประสงค์ และมีโหมดเสียง 3 รูปแบบพร้อมระดับความดังที่สัมพันธ์กับโหมดการขับขี่ นอกจากนี้ยังเพิ่มอารมณ์เร้าใจระหว่างเร่งและเปลี่ยนเกียร์ พร้อมเสียงโอเวอร์รันเมื่อถอนคันเร่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ต้องการก็สามารถปิดระบบนี้ได้ตลอดเวลา

ใต้ฝากระโปรงยังคงใช้เครื่องยนต์รหัส G16E-GTS เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร 1,618 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 x 89.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.5 : 1 ฉีดจ่ายน้ำมันแบบ Direct Injection + Port Injection (D-4ST) พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged แรงดันบูสท์สูงสุดอยู่ที่ 25.2 PSI กำลังสูงสุด 304 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000-5,550 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ iMT พร้อม Rev Matching ขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-FOUR ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร

Toyota ยังเตรียมการอัปเกรดสำหรับเจ้าของ GR Corolla รุ่นก่อนปี 2024 ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่จะเพิ่มแรงบิดอีก 30 นิวตัน-เมตร จาก 370 นิวตัน-เมตร ให้เทียบเท่ารุ่นใหม่ พร้อมปรับเซตระบบ GR-Four ให้กระจายกำลังไปยังเพลาหน้า-หลังได้แตกต่างกันตามโหมดขับขี่ โดยจะเริ่มเปิดให้อัปเกรดช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยราคาค่าอัปเกรดจะประกาศในภายหลัง

การสั่งซื้อ GR Corolla รุ่นอัปเดตในญี่ปุ่นเริ่มแล้ว และจะส่งมอบคันแรกในเดือนพฤศจิกายน ราคายังคงเดิม รุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 5,680,000 เยน (ประมาณ 1,230,606 บาท) ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติอยู่ที่ 5,980,000 เยน (ประมาณ 1,295,603 บาท)

Toyota จะผลิต GR Corolla รุ่นใหม่นี้เพิ่มมากขึ้น โดยมีกำลังการผลิตจากสายการผลิตเพิ่มเติมในสหราชอาณาจักรเพื่อรองรับตลาดส่งออก ขณะที่ในอเมริกาเหนือ Toyota คาดว่าจะเผยโฉม GR Corolla รุ่นปรับปรุงปี 2026 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะมาพร้อมแอโรไดนามิกใหม่ แรงบิดที่เพิ่มขึ้น และการปรับปรุงแชสซีเพิ่มเติม
ที่มา:
Carscoops
Toyota ปรับปรุง GR Corolla รุ่นปี 2026 ปรับโครงสร้างตัวถัง ระบบระบายความร้อน เพิ่มเครื่องเสียง JBL
GR Corolla รุ่นปี 2026 นี้พัฒนาต่อยอดโดยตรงจากงานวิศวกรรมในสนามแข่ง Super Taikyu Series สะท้อนถึงความเชื่อของ Akio Toyoda ที่ว่า “มอเตอร์สปอร์ตคือบททดสอบที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างรถถนนที่ยอดเยี่ยม” วิศวกรได้เพิ่มกาวเชื่อมโครงสร้างอีก 13.9 เมตร รวมเป็น 32.7 เมตร โดยเน้นบริเวณด้านหน้า พื้นตัวรถ และซุ้มล้อหลัง เพื่อเสริมความแข็งแรงของแชสซีโดยแทบไม่เพิ่มน้ำหนักโดยรวม
Toyota อธิบายว่าความแข็งแรงของโครงสร้างมีความสำคัญต่อเสถียรภาพในการขับขี่ โดยเฉพาะในสนามแข่งต่างประเทศที่มีแรง G แนวตั้งและแนวข้างรุนแรงกว่าสนามในประเทศญีปุ่น ซึ่งคาดว่าหมายถึง Nürburgring นั่นเอง ระบบระบายความร้อนปรับปรุงด้วยการติดตั้งช่องดักอากาศใหม่ที่ระบบท่อไอดีเสริม เพื่อคงอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้เสถียรแม้ในสภาวะใช้งานหนักยาวนาน ทำให้ผู้ขับสามารถรีดสมรรถนะสูงสุดของรถได้อย่างต่อเนื่องในสนามแข่ง
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมระบบเครื่องเสียง JBL Premium ได้รับการปรับจูนใหม่เพิ่มซับวูฟเฟอร์ในห้องเก็บสัมภาระ ทำให้มีลำโพงรวมทั้งหมด 9 ตัว พร้อมกับ Active Sound Control (ASC) เวอร์ชันล่าสุดที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานในรถที่เลือกชุด JBL โดยระบบระบบ ASC ใหม่นี้สามารถกรองเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่พึงประสงค์ และมีโหมดเสียง 3 รูปแบบพร้อมระดับความดังที่สัมพันธ์กับโหมดการขับขี่ นอกจากนี้ยังเพิ่มอารมณ์เร้าใจระหว่างเร่งและเปลี่ยนเกียร์ พร้อมเสียงโอเวอร์รันเมื่อถอนคันเร่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่ต้องการก็สามารถปิดระบบนี้ได้ตลอดเวลา
ใต้ฝากระโปรงยังคงใช้เครื่องยนต์รหัส G16E-GTS เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร 1,618 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 x 89.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.5 : 1 ฉีดจ่ายน้ำมันแบบ Direct Injection + Port Injection (D-4ST) พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged แรงดันบูสท์สูงสุดอยู่ที่ 25.2 PSI กำลังสูงสุด 304 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000-5,550 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ iMT พร้อม Rev Matching ขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-FOUR ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร
Toyota ยังเตรียมการอัปเกรดสำหรับเจ้าของ GR Corolla รุ่นก่อนปี 2024 ด้วยการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่จะเพิ่มแรงบิดอีก 30 นิวตัน-เมตร จาก 370 นิวตัน-เมตร ให้เทียบเท่ารุ่นใหม่ พร้อมปรับเซตระบบ GR-Four ให้กระจายกำลังไปยังเพลาหน้า-หลังได้แตกต่างกันตามโหมดขับขี่ โดยจะเริ่มเปิดให้อัปเกรดช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2026 โดยราคาค่าอัปเกรดจะประกาศในภายหลัง
การสั่งซื้อ GR Corolla รุ่นอัปเดตในญี่ปุ่นเริ่มแล้ว และจะส่งมอบคันแรกในเดือนพฤศจิกายน ราคายังคงเดิม รุ่นเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 5,680,000 เยน (ประมาณ 1,230,606 บาท) ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติอยู่ที่ 5,980,000 เยน (ประมาณ 1,295,603 บาท)
Toyota จะผลิต GR Corolla รุ่นใหม่นี้เพิ่มมากขึ้น โดยมีกำลังการผลิตจากสายการผลิตเพิ่มเติมในสหราชอาณาจักรเพื่อรองรับตลาดส่งออก ขณะที่ในอเมริกาเหนือ Toyota คาดว่าจะเผยโฉม GR Corolla รุ่นปรับปรุงปี 2026 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะมาพร้อมแอโรไดนามิกใหม่ แรงบิดที่เพิ่มขึ้น และการปรับปรุงแชสซีเพิ่มเติม
ที่มา: Carscoops