โรคซึมเศร้าคือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง มันใช่หรือครับ ?

โรคซึมเศร้าคือโรคทางจิตเวชที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมองชื่อ เซโรโทนิน (Serotonin) มีปริมาณลดลง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้งร่างกาย จิตใจ และความคิด รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบื่อหน่าย ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทำงานลดลง

https://health.kapook.com/view3241.html




          ผมเข้าใจว่ามันมีสาเหตุจากกิเลสตัณหา  จนเกิดความทุกข์ ความโศก ความคร่ำครวญ คับแค้น พลัดพราก ผิดหวัง  ซึ่งสามารถดับไปได้ด้วยเจริญ   อริยมรรคมีองค์ ๘
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 31
ขอก็อปคำตอบจากนายแพทย์เจษฎานะคะ

[ โรคซึมเศร้าคือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง มันใช่หรือครับ ? ]
>>อีกหนึ่งกระทู้น่าสนใจในพันทิป หมออ่านแล้วก็ทำให้เข้าใจและตอกย้ำว่า "ยังมีคนอีกมากที่ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรู้ทางสุขภาพจิต" หมอขอแยกเป็นประเด็นที่น่าสนใจ 2 ข้อดังนี้ครับ...
.
ประเด็นที่1 >> "โรคซึมเศร้า" (Major Depressive disorder) เป็นโรคทางจิตเวชที่เจอได้บ่อยมากๆ และเป็นโรคที่ีมีงานวิจัยทางการแพทย์ที่มีการศึกษาอ้างอิงอย่างชัดเจนอย่างยาวนาน (มากกว่า30ปี)  ความเชื่อที่ว่า "โรคไม่ใช่โรค แต่เป็นเพียงอาการที่ใครๆก็เป็น" "โรคนั้นไม่มีอยู่จริง" หรือเลยเถิดไปจนถึงเชือว่า "มันเป็นเรื่องของคนที่ยังละกิเลสตัณหะยังไม่ได้"   นับได้ว่าเป็นความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อยๆอย่างหนึ่งครับ บางทีเราก็ต้องแยกให้ได้ครับ ระหว่าง "ความเศร้าหมองหรืออาสวะในจิตใจ" กับ "โรคซึมเศร้าที่แท้จริง"
.
แท้จริงแล้วโรคซึมเศร้ามีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายๆอย่างรวมกัน ได้แก่...
1. ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง โดยเฉพาะ สารซีโรโทนิน (Serotonin) นอร์อดรีนาลีน (Noradrenaline) และ โดปามีน (Dopamine)  
2. ปัจจัยกระตุ้นทางด้านจิตสังคม เช่น การสูญเสีย การจากพรากสิ่งอันเป็นที่รัก ความกดดัน ปัญหาชีวิต (สอบตก อกหัก คนรักทอดทิ้ง ตกงาน ฯลฯ)
3. ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ พบว่าคนที่มีญาติพี่น้องสายตรงป่วยด้วยโรคซึมเศร้าจะมีโอกาสป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามากกว่าคนทั่วๆไป

สรุป ** โรคซึมเศร้าเป็น "โรค"ที่เกิดขึ้นจริงๆ เป็นโรคที่ "ต้องรักษา" และเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้  จริงอยู่ที่ใครๆต่างก็สามารถเศร้าซึมได้ แต่จุดที่ใช้ตัดสินว่า "ไม่สบายจริงๆแล้วนะ" และ "ควรพบแพทย์ได้แล้วนะ" หลักๆก็คือ "การที่อาการต่างๆนั้นส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการดำเนินชีวิตหรือการอยู่ในสังคม"
.
.
.
ประเด็นที่2 >> การรักษาโรคซึมเศร้าโดยไม่ต้องใช้ยานั้น ไม่ว่าจะใช้กระบวนการจัดการความเครียด การนั่งสมาธิ การฝึกจิตใจให้มีความเข้มแข็ง ก็ต้องบอกว่า "สามารถที่จะทำได้" หากเป็นโรคซึมเศร้าในระดับเล็กน้อย (Mild MDD) แต่หากว่าเป็นโรคซึมเศร้าในระดับปานกลาง-รุนแรง (Moderate-Severe MDD) อาการของตัวโรคจะมีความรุนแรงที่มากขึ้นและจะส่งผลกระทบต่อทังความคิด ความรู้สึก การตัดสินใจ และภาพรวมแทบทุกส่วนของจิตใจ ดังนั้น นอกจากวิธีการข้างต้นแล้ว การรักษาหลักจะต้องมีส่วนของยาด้วย เนื่องจากการทานยานอกจากจะเข้าไปรักษาตัวโรคโดยตรงในสมองแล้ว ยายังช่วยให้บรรเทาอาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับเราให้ดีขึ้นได้ด้วย  ซึ่งตรงกับข้อคิดจากท่านโกเอนก้า ปรมาจารย์ทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน ที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า...

"ธรรมะไม่ใช่สิ่งที่มีไว้รักษาโรค ถ้าเธอไม่สบายก็ควรไปโรงพยาบาล แต่ธรรมะมีไว้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ เพื่อที่เราจะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลาย"  ยิ้ม
.
.
.
By...คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา
٩(^‿^)۶ [ ]--["""""|"""""|"""""|]>------
www.facebook.com/D2JED

https://pantip.com/topic/37147748
.
ปล. มีงานวิจัยล่าสุดยืนยันแล้วว่า การนั่งสมาธิ สามารถช่วยป้องกันการกำเริบซ้ำของโรคซึมเศร้าได้จริง แต่ต้องเป็นการนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทุกวัน ในงานวิจัยนั้นผู้ที่นั่งสมาธิต้องใช้เวลานั่งสมาธิอย่างน้อย 6 ชม.ต่อวัน >>>คำถามก็คือ แล้วเราๆท่านๆจะทำได้มั้ยละ (เทียบกับเวลาในการทานยาไม่กี่วินาทีอันไหนง่ายกว่ากัน) ยิ้ม

ปล.ความเห็นส่วนตัวของเรา บางอย่างธรรมมะก็ไม่สามารถรักษาโรคได้นะคะ
ให้คุณหมอรักษาดีกว่า
การที่แต่ละคนมีความเชื่อไม่เหมือนกันไม่ใช่ปัญหา
แต่ต้องยอมรับก่อนว่าในสังคมมีคนป่วยจริง ป่วยกายภาพ ป่วยทางจิตใจ
คนแต่ละคนมีภูมิคุ้มกันไม่เหมือนกัน สุขภาพก็คนละแบบ
ต้องรักษาไปตามอาการค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่