ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช เผยงานวิจัยฮาร์วาร์ดพบความเชื่อมโยงน่าตกใจ: ผู้สูงอายุที่มีคราบโปรตีนอะไมลอยด์ (ต้นเหตุอัลไซเมอร์) สูง เสี่ยงเหงามากกว่าคนทั่วไปถึง 7.5 เท่า แนะอย่ามองข้ามความเหงาเรื้อรัง เพราะอาจเป็นเสียงเตือนจากสมองว่าโรคกำลังเริ่มต้น
เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท ได้ออกมาให้ความรู้ที่น่าสนใจผ่านทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก “สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์” โดยชี้ให้เห็นว่า “ความเหงา” ซึ่งเป็นอารมณ์ที่เรามักมองว่าเป็นเรื่องของ “ใจ” อาจเป็นอาการแรกเริ่มของภาวะสมองเสื่อมได้
งานวิจัยจาก Harvard Medical School นำโดย Dr. Nancy Donovan ได้ทำการศึกษาในผู้สูงอายุสุขภาพดี 79 คน โดยมีอายุเฉลี่ย 76 ปี ซึ่งยังไม่มีอาการหลงลืมหรือภาวะสมองเสื่อมใด ๆ เพื่อตรวจดูความเกี่ยวข้องระหว่างอารมณ์เหงา กับการสะสมของ คราบโปรตีนอะไมลอยด์ (Amyloid Plaque) ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่พบสะสมและเป็นต้นเหตุของโรคอัลไซเมอร์
ผลวิจัยสุดทึ่ง! เหงาสูงเสี่ยงอะไมลอยด์พุ่ง 7.5 เท่า
นักวิจัยได้ใช้เครื่องสแกนสมองแบบพิเศษ (PiB-PET scan) เพื่อตรวจวัดปริมาณคราบอะไมลอยด์ในสมอง พร้อมทั้งให้ผู้เข้าร่วมตอบแบบประเมินความเหงา (UCLA Loneliness Scale) และนำมาวิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น อายุ เพศ ภาวะซึมเศร้า และยีนเสี่ยงอัลไซเมอร์ (APOE 4)
ผลการศึกษาที่ได้น่าตกใจอย่างยิ่ง: ผู้สูงอายุที่มีคราบอะไมลอยด์ในสมองสูง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การเริ่มต้นของสมองเสื่อม มีโอกาสที่จะรู้สึก “เหงา” มากกว่าคนทั่วไปถึง 7.5 เท่า และความเชื่อมโยงนี้ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกในกลุ่มที่มี ยีนเสี่ยงอัลไซเมอร์ APOE 4
ผศ.นพ.สุรัตน์ สรุปว่า ความเหงาที่เกิดขึ้นในผู้สูงวัยที่ดูเหมือนปกติ อาจเป็น “สัญญาณแรก” ของการเริ่มสะสมพยาธิสภาพในสมองที่กำลังนำไปสู่โรคอัลไซเมอร์อย่างเงียบ ๆ
ข้อแนะนำเร่งด่วน: อย่ามองข้ามความเหงาในผู้สูงอายุ
เพื่อเป็นการป้องกันและรับมือกับความเสี่ยงนี้ คุณหมอได้ให้ข้อแนะนำที่สำคัญแก่คนในครอบครัวและสังคม ดังนี้:
อย่ามองข้ามความเหงา: หากคนในบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ บ่นเหงาเป็นประจำ ควรใส่ใจให้มาก เพราะอาจเป็นเสียงสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในสมอง
เสริมกิจกรรมทางสังคม: การพูดคุย การเข้าร่วมกลุ่ม หรือแม้แต่กิจกรรมออนไลน์ ก็สามารถช่วยลดความเหงาและกระตุ้นการทำงานของสมองได้ดี
ปรึกษาแพทย์: หากพบอาการเหงาเรื้อรังร่วมกับภาวะซึมเศร้า หรือเริ่มมีอาการหลงลืม ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจประเมินอย่างละเอียดทันที
คุณหมอทิ้งท้ายไว้ว่า แม้แต่ในคนอายุน้อย หลักฐานก็บ่งชี้ว่า ความโดดเดี่ยวและภาวะซึมเศร้าก็เป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้น “ความเหงา” จึงอาจไม่ใช่แค่เรื่องของสภาพจิตใจ แต่มันอาจเป็น “เสียงเตือน” จากสมองว่า โรคอัลไซเมอร์กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้วนั่นเอง
ขอบคุณเพจ สาระสมอง กับอจ.สุรัตน์
สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/5180434/
“ความเหงา” อาจไม่ใช่แค่ใจ! แพทย์ชี้เป็น “สัญญาณแรก” อัลไซเมอร์
เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท ได้ออกมาให้ความรู้ที่น่าสนใจผ่านทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก “สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์” โดยชี้ให้เห็นว่า “ความเหงา” ซึ่งเป็นอารมณ์ที่เรามักมองว่าเป็นเรื่องของ “ใจ” อาจเป็นอาการแรกเริ่มของภาวะสมองเสื่อมได้
งานวิจัยจาก Harvard Medical School นำโดย Dr. Nancy Donovan ได้ทำการศึกษาในผู้สูงอายุสุขภาพดี 79 คน โดยมีอายุเฉลี่ย 76 ปี ซึ่งยังไม่มีอาการหลงลืมหรือภาวะสมองเสื่อมใด ๆ เพื่อตรวจดูความเกี่ยวข้องระหว่างอารมณ์เหงา กับการสะสมของ คราบโปรตีนอะไมลอยด์ (Amyloid Plaque) ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่พบสะสมและเป็นต้นเหตุของโรคอัลไซเมอร์
ผลวิจัยสุดทึ่ง! เหงาสูงเสี่ยงอะไมลอยด์พุ่ง 7.5 เท่า
นักวิจัยได้ใช้เครื่องสแกนสมองแบบพิเศษ (PiB-PET scan) เพื่อตรวจวัดปริมาณคราบอะไมลอยด์ในสมอง พร้อมทั้งให้ผู้เข้าร่วมตอบแบบประเมินความเหงา (UCLA Loneliness Scale) และนำมาวิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น อายุ เพศ ภาวะซึมเศร้า และยีนเสี่ยงอัลไซเมอร์ (APOE 4)
ผลการศึกษาที่ได้น่าตกใจอย่างยิ่ง: ผู้สูงอายุที่มีคราบอะไมลอยด์ในสมองสูง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การเริ่มต้นของสมองเสื่อม มีโอกาสที่จะรู้สึก “เหงา” มากกว่าคนทั่วไปถึง 7.5 เท่า และความเชื่อมโยงนี้ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกในกลุ่มที่มี ยีนเสี่ยงอัลไซเมอร์ APOE 4
ผศ.นพ.สุรัตน์ สรุปว่า ความเหงาที่เกิดขึ้นในผู้สูงวัยที่ดูเหมือนปกติ อาจเป็น “สัญญาณแรก” ของการเริ่มสะสมพยาธิสภาพในสมองที่กำลังนำไปสู่โรคอัลไซเมอร์อย่างเงียบ ๆ
ข้อแนะนำเร่งด่วน: อย่ามองข้ามความเหงาในผู้สูงอายุ
เพื่อเป็นการป้องกันและรับมือกับความเสี่ยงนี้ คุณหมอได้ให้ข้อแนะนำที่สำคัญแก่คนในครอบครัวและสังคม ดังนี้:
อย่ามองข้ามความเหงา: หากคนในบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ บ่นเหงาเป็นประจำ ควรใส่ใจให้มาก เพราะอาจเป็นเสียงสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในสมอง
เสริมกิจกรรมทางสังคม: การพูดคุย การเข้าร่วมกลุ่ม หรือแม้แต่กิจกรรมออนไลน์ ก็สามารถช่วยลดความเหงาและกระตุ้นการทำงานของสมองได้ดี
ปรึกษาแพทย์: หากพบอาการเหงาเรื้อรังร่วมกับภาวะซึมเศร้า หรือเริ่มมีอาการหลงลืม ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจประเมินอย่างละเอียดทันที
คุณหมอทิ้งท้ายไว้ว่า แม้แต่ในคนอายุน้อย หลักฐานก็บ่งชี้ว่า ความโดดเดี่ยวและภาวะซึมเศร้าก็เป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้น “ความเหงา” จึงอาจไม่ใช่แค่เรื่องของสภาพจิตใจ แต่มันอาจเป็น “เสียงเตือน” จากสมองว่า โรคอัลไซเมอร์กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้วนั่นเอง
ขอบคุณเพจ สาระสมอง กับอจ.สุรัตน์
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/5180434/