คิดอยู่นานค่ะ ว่าจะไปพบจิตแพทย์ดีมั้ย รู้สึกว่าตัวเองกำลังติดยาคลายเครียดรึเปล่าก็ไม่รู้ เราทำงานด้านสินเชื่อค่ะ เป็นบริษัทเล็กๆ แต่ปัญหาที่ต้องเจอแต่ละทีไม่เล็กเลย ไม่รู้ว่าบางทีมันอาจจะใหญ่สำหรับเรา แต่เล็กสำหรับคนอื่นรึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ ย้อนกลับไปเมื่อสามสี่เดือนที่แล้ว เครียดเรื่องงานมากๆค่ะ เครียดจนกินไม่ลง นอนไม่หลับ จนต้องไปซื้อยาคลายเครียดจากร้านขายยาที่มีเภสัชกรขาย ก็บอกอาการเค้าไป เค้าก็ให้ยามา เขียนหน้าซองว่ายาคลายเครียด กินก่อนนอน นี่ก็กินบ้าง ไม่กินบ้าง วันเว้นวันบ้าง เกือบทุกวันบ้าง พอกินก็จะหลับยาว แบบไม่ต้องตื่นมากลางดึกอย่างที่เคยเป็น กินได้เดือนกว่าก็หยุด เพราะกลัวติดยา พอกลางๆเดือนที่แล้ว ปัญหาเข้ามาอีก ก็เลยไปซื้อยามากินอีก ก่อนจะกลับไปกินยาคือมีอาการนอนแล้วตื่นขึ้นมาตอนห้าทุ่ม คิดนั่นคิดนี่วนเวียนอยู่ในหัวกว่าจะหลับก็ปาไปตีสามตีสี่ กลางคืนตื่น กลางวันง่วง บางทีต้องขับรถออกไปดูที่ลูกค้าก็เกือบวูบกลางทาง ก็เลยตัดสินใจกินยาคลายเครียดอีก คราวนี้กินเกือบทุกวัน วันไหนไม่ได้กินคือนอนไม่หลับ คิดเรื่องนนั้นเรื่องนี้วนเวียนจนถึงตีสี่ตีห้า สมองเริ่มรวน อ่านหนังสือ หรือข้อความที่เป็นประโยคสลับหน้าบ้าง สลับหลังบ้าง รู้สึกว่าอารมณ์ฉุนเฉียว รุนแรงกว่าที่เคยเป็น พยายามจะใช้วิธีมองตัวเอง รู้ตัวเองว่ากำลังโกรธ แต่ก็ระงับไม่ได้ ยิ่งมาต้นเดือน สามีลาออกจากงาน ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ ยิ่งมาเจอคำพูดของแม่ตัวเองที่บอกว่าจะให้มันออกจากงานทำไม ทำไมไม่ห้าม ถ้าเงินไม่พอส่งงวดรถ รถโดนยึดอายคนอื่นเค้าตายเลย หลายๆคำพูดของแม่ที่ดูเหมือนเป็นห่วง แต่บั่นทอนจิตใจเรามากเลยค่ะ แม่จะชอบเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับลูกตัวเอง พอแม่พูดเรื่องสามีของเราที่ออกจากงาน เรารู้สึกปรี๊ดขึ้นมมาทันที อยากจะกรี๊ด อยากจะร้องไห้ อยากจะหนีไปไกลๆจากบ้าน อยากจะหลับแบบไม่ต้องรับรู้อะไรอีกเลย เราคิดอยู่ตลอดเวลาเรื่องที่สามีออกจากงาน บางทีก็เห็นใจเค้า เค้าบอกว่าที่ออกเพราะเหนื่อย บางทีก็โกรธ คิดอยู่ในหัวว่าทำไมไม่อดทน ทำไมไม่ทนเพื่อครอบครัว ตอนทำงานสองคนเงินก็ไม่พอจะใช้อยู่แล้ว แล้วนี่ต้องมาทำงานคนเดียวอีก เค้าออกมาก็มาช่วยแม่เค้าเกี่ยวข้าว นีเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวจะช่วยพ่อแม่เค้าตัดอ้อยอีก เรื่องเงินอย่าได้หวังว่าจะได้มาจุนเจือให้ลูก ยังไม่รวมเรื่องปัญหาเรื่องถูกกดดันให้ลูกเลิกกินนมแม่ คนที่นี่เค้าว่านมแม่หมดประโยชน์แล้ว พอเห็นลูกเราไม่กินข้าวก็ป้อนยาซาง ซึ่งเราจะเลี้ยงลูกแบบสมัยใหม่ อิงไปทางการแพทย์ หลักวิทยาศาสตร์ที่เค้าพิสูจน์ที่เค้าวิจัยกันมา แต่ทางบ้านสามีจะเลี้ยงแบบอิงคนนั้นว่ามา คนนี้ว่ามา แล้วเรื่องที่ทำให้เสียใจ ให้น้อยใจ ให้คิดอยู่ทุกวันนี้คือ เมื่อต้นเดือนเราต้องขับรถไปประชุม ที่โคราช เราขอให้สามีเราไปเป็นเพื่อน เพราะต้องกลับดึก แต่เค้าไม่ไปเป็นเพื่อนเราเลย ปล่อยให้เราขับรถไปกลับคนเดียวดึกๆ เค้าอ้างว่าต้องเกี่ยวข้าว เราก็เถียงกันว่าวันเดียวช่วยไม่ได้เลยใช่มั้ย ไม่ห่วงเลยใช่มั้ย ทุกวันนี้อยู่บ้านเดียวกันเหมือนเป็นแค่คนรู้จักกัน ถามคำตอบคำ
หลายๆปัญหายิ่งคิดยิ่งปวดใจ ยิ่งคิดยิ่งนอนไม่หลับ บางทีทะเลาะกันเสียงดัง ลูกอยู่ด้วย เรารู้ว่ามันไม่ดี ส่งผลต่อลูกแต่เราระงับไม่ได้ เรารู้สึกวว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่มากๆ เราเลยตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ วันนี้เลยเขียนใบลา ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปร.พ. แต่ทำไมเรารู้สึกเรา เราควรจะไปหรอ จะมีคนมองว่าเราบ้ามั้ย จะคุยกับคุณหมอยังไง จะร้องไห้ ให้อายเค้ามั้ย อาการที่เราเป็นเราคิดไปเองรึเปล่า เราจะเดินไปบอกเค้าว่ายังไง
เมื่อตัดสินใจกำลังจะไปพบจิตแพทย์ แต่กลัว......
หลายๆปัญหายิ่งคิดยิ่งปวดใจ ยิ่งคิดยิ่งนอนไม่หลับ บางทีทะเลาะกันเสียงดัง ลูกอยู่ด้วย เรารู้ว่ามันไม่ดี ส่งผลต่อลูกแต่เราระงับไม่ได้ เรารู้สึกวว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่มากๆ เราเลยตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ วันนี้เลยเขียนใบลา ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปร.พ. แต่ทำไมเรารู้สึกเรา เราควรจะไปหรอ จะมีคนมองว่าเราบ้ามั้ย จะคุยกับคุณหมอยังไง จะร้องไห้ ให้อายเค้ามั้ย อาการที่เราเป็นเราคิดไปเองรึเปล่า เราจะเดินไปบอกเค้าว่ายังไง