จากแพปลาถึงท้ายตลาด

ผมไม่เคยเบื่อเสียงที่คุ้นเคยมานานแบบนี้เลย เสียงรถ เสียงเรือ เสียงเทน้ำแข็งเป็นตัน ๆขวบวัยที่มากขึ้นปลุกผมตื่นเช้าเหมือนตอนหนุ่มๆ ที่ต้องรีบตื่นไปทำงาน แม้ยามนี้ไม่อยากตื่นก็ต้องตื่น เพราะจะนอนต่อก็นอนไม่หลับแล้ว ผมลุกขึ้นนั่งบิดตัวเอี้ยวตัวไปสักสี่ห้ารอบ นาฬิกาเรือนใหญ่ตั้งพื้นบอกเวลาตีสี่ครึ่ง ผมลงจากเตียงเดินไปห้องน้ำที่ไม่มีประตูปิด ปุ้ยเด็กทำงานบ้านก็มาคอยดูว่าจะให้ช่วยอะไรบ้าง อย่างแรกคือดูว่าผมเดินชิดผนังที่มีราวจับหรือเปล่า ลูกสาวคนเล็กกับลูกเขยสั่งไว้ว่า ให้ผมเดินจับราวโลหะสีเงินที่ทำไว้กันล้มไปให้ตลอด เท่าที่ผมจำได้ ผมเคยทำท่าจะล้มให้พวกเขาเห็นครั้งเดียวเท่านั้น พวกเขาก็สั่งช่างเหล็กมาทำให้ แต่ผมไม่เคยใช้เลยจากนั้น ยังเดินได้ตัวตรงอยู่แม้จะไม่คล่องแคล่วมากนัก

ล้างหน้าแปรงฟันที่เหลือฟันแท้ไม่ถึงครึ่ง ผมบอกเด็กทำงานบ้านว่าจะไปตลาด ร่างตุ้ยนุ้ยนั่นก็มาคว้าโทรศัพท์มือถือและหูฟังทำท่าจะตามไปด้วย ผมส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่ต้องตามไป จะไปคนเดียว หล่อนมาเปิดประตูให้ผมออกไปสู่ผืนแผ่นดิน เมื่อนาฬิกาขานเวลาตีห้า สะพานไม้ที่เคยเชื่อมฝั่งกับบ้าน บัดนี้มันกลายเป็นสะพานคอนกรีตแข็งแรงไม่โยกเยก รถยนต์วิ่งเข้าบ้านได้โดยไม่มีเสียงสั่นของไม้และน๊อตยึดคานสะพานอีก นกทะเลบินโฉบเฉี่ยวอยู่เหนือหัว บางตัวบินโฉบมาต่ำราวจะหยอกเอินกับผมสีดอกเลาหัวนี้ ผมมองพวกมันแล้วคิดว่าพวกมันคงตื่นก่อนผมเป็นสองชั่วโมงอย่างน้อย ขยันทำมาหากินเหมือนผมตอนรุ่นๆ ผมชูแขนขึ้นช้าๆ ทีละข้างขณะมองปีกอันทรงพลังของนก ไม่เห็นขยับเลยสักนิด ยามโผไปมาอยู่บนอากาศหน้าแพปลาชายทะเล
เสียงจอแจห่างออกไปเพื่อไปสู่เสียงจอแจอีกอย่าง น่าแปลกที่หูผมยังได้ยินเสียงอย่างอื่นชัดเจนแม้จะแยกไม่ออกว่ามันเป็นเสียงในหัวสมอง จากความทรงจำอันยาวนาน หรือ เสียงที่เกิดจากภาพจริงๆ ตรงหน้า ระหว่างผมเดินไปผมแกว่งแขนไปด้วย มองหาลูกสาวลูกสาวคนโตที่เป็นเจ้าของตลาดคนที่บอกผมไว้ว่า
“เตี่ยอยู่บ้านทำวันสองร้อย อยู่ได้ร้อยปีสบาย ๆ”
ผมทำตามที่ลูกบอกอยากมาโชว์ให้ลูกดูแต่ไม่เห็น หมวยใหญ่คงยังไม่ตื่นมาตลาด ผมแกว่งแขนช้าๆ ดูสิผมเหมือนทำท่าจะบินถลาได้เหมือนนกเสียอย่างนั้น


ถึงร้านกาแฟ เด็กหนุ่มๆที่นั่งอยู่ก่อน ก็ลุกขึ้นให้ผมนั่งครองโต๊ะเพียงลำพัง พวกเขาพากันไปเบียดกันอยู่อีกโต๊ะ ถ้าไม่ติดที่หมวยใหญ่อีสั่งไว้ ผมอยากคุยกับพวกเขา อยากรู้เรื่องบ้านที่เขาอยู่ ไร่นาที่เขาทำ โรงเรียนที่เขาเรียน อาหารที่กินกันทุกวัน ว่าอร่อยไหม พวกเขาช่างไม่รู้เลย ผมอยากจะคุย อยากให้พวกเขาคุยด้วย ผมก็ใช่ว่าจะพูดไทยชัดแจ๋วเสียเมื่อไร ความชัดเจนในการออกเสียงภาษาไทยที่มีมาน้อยแต่แรกบวกกับเสียงที่พร่าแหบนี่ก็คงฟังยากพอ ๆ กับภาษาไทยปนภาษาบ้านเกิดที่พวกเขาพูดนั่นแหละ แต่ก็ได้แต่มองไป หนุ่มพวกนั้นก็หลบตาหนีกันไปทุกครั้ง

ชาร้อนในกาอลูมิเนียมตั้งรอท่าไว้แล้ว อาตงที่ผมเห็นมาตั้งแต่เป็นเด็กเล็ก ผมมองเขาเปลี่ยนถ้วยกาแฟให้ผมใหม่จากแก้วใสที่ขายคนอื่นมาเป็นถ้วยกระเบื้องเนื้อละเอียด
“อา เข่ม เข่ม”
ผมบอกอาตง เขายิ้มพร้อมตาก็ยิ้มไปด้วยแต่ส่ายหน้า จากนั้นกาแฟบางๆ ก็มาพร้อมปาท่องโก๋ในจานสังกะสีใหม่เอี่ยม

“แปะ เตี่ยอั๊วตายไปยี่สิบปีแล้ว”
เขาพูดแล้วยิ้ม ผมยังไม่ทันถามเขาก็ชิงตอบเสียก่อน เขาฉลาดเหมือนเตี่ยเขาที่เป็นเพื่อนรุ่นน้องของผม ว่าจะถามถึงอาหลิน แม่ของเขาว่าเป็นอย่างไรบ้างและจะชวนคุยต่อ อาตงก็ง่วนกับการขายของไม่หันมาอีก ผมดูช่างแตกต่างจากคนอื่นผมบอกตัวเอง ยกกาแฟจิบทีเงยหน้าขึ้นทีก็มีคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่พนมมือสวัสดีทักทายอยู่ตลอด

ผมมีลูกสาวเพียงสองคนเท่านั้นไม่เหมือนเตี่ยอาตงที่มีลูกมากมาย แต่สองคนของผมก็วุ่นวายเพราะต่างแม่กัน คนเล็กที่ผมอยู่ด้วยทำสะพานปลาและห้องเย็นที่เป็นธุรกิจเก่าแก่ ส่วนลูกสาวคนโตสืบต่อทำตลาดสดที่ผมทำให้แม่ของเขาดูแลตั้งแต่ที่นี่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้

แดดยังไม่แรง ผมลุกจากร้านอาตงเดินไปเรื่อย ผ่านแผงขายของที่ตั้งริมทางเท้ากลางตลาด เห็นป้ายตลาดอักษรจีน เป็นแผ่นไม้ติดอยู่มาเนิ่นนาน ปัจจุบันด้านหน้าตลาดเปลี่ยนทิศไปเพราะทางการตัดถนนและวางท่อระบายน้ำใหม่ ป้ายชื่อตลาดดั้งเดิมจึงซ่อนตัวอยู่ตรงนี้ ผมยังจำราคาที่ซื้อมาได้เลยในสมัยนั้น สามสิบบาทเป็นราคาที่แพงมากแม้จะรวมค่าช่างขุดป้ายแล้วก็ตาม

วันนี้เหมือนกาแฟของอาตงจะเข้มหรือชาจะเข้มก็ไม่แน่ใจ มันทำให้ผมมีแรงเดินไกลออกไปจากที่เคยเดิน มีคนถามว่าผมจะไปไหน ผมบอกว่าจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ ตั้งใจจะไปศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากงม่า ก่อนนั้นผมชอบชวนโส่ยแม่หมวยใหญ่และวันเพ็ญแม่ของหมวยเล็กไปไหว้เจ้าบ่อย ๆ ก่อนที่เธอทั้งคู่จะตายจากผมไปหลายสิบปีมาแล้ว
หญิงสองคน ไทยคน จีนคน เหมือนเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ช่วยกันก่อร่างสร้างฐานะมาด้วยกันจนมั่งมี วันเพ็ญช่วยทำให้ท่าเรือเติบโต โส่ยนั้นถนัดค้าขายขยับจากแม่ค้ามาเป็นยี่ปั๊วจนเป็นเจ้าของตลาด วันนี้เมื่อวันนั้นเป็นวันที่ผมพาทั้งคู่มาขอให้ความรักของเราทั้งสามคนอยู่ราบรื่นและเจริญรุ่งเรือง ผมฝันถึงทั้งสองคนอยู่เมื่อคืน ผมอยากมาหาพวกเธอสักที ผมไม่ได้มาหลายสิบปีแล้วเพราะลูกๆ ต่างก็ไม่ชอบให้ผมมาที่นี่

ควันธูปลอยอ้อยอิ่ง ผมบอกอาแปะว่าอยากเจอเมียทั้งสองคน เคยเห็นในฝันแต่ไม่เห็นพวกเธอพูดอะไร อยากรู้ว่าสบายดีไหม อยากบอกว่าลูกๆ ต่างสบายเป็นปึกแผ่นกันหมดแล้ว ปีนี้พี่น้องสองคนจะญาติดีกัน ตกลงมาจัดงานฉลองแปดรอบให้ผม ผมอยากบอกให้เธอรู้เท่านั้น

ผมย่อตัวลงปักกำธูปได้ไม่ถึงครึ่งก้าน เข่าก็หมดแรงมือก็ป่ายเอากระถางธูปกลิ้งตกลงมาด้วย หูอื้ออึงได้ยินแต่เสียงคนจุดประทัด มีร่างผู้หญิงสองคนยืนอยู่ตรงหน้าที่คว่ำจูบพื้น พวกเธอยื่นมือมือมา พอผมเงยหน้าและพยายามจะยื่นมือไปแตะ พวกเธอก็ขยับตัวลอยสูงขึ้นไปบนอากาศ ผมรวบรวมกำลังยันตัวลุกขึ้น เหยียดสุดแขนให้ถึงพวกเธอ ร่างผมก็ขยับทีละน้อย เมื่อแกว่งแขนช้า ๆ ผมก็เหมือนบินถลาได้เหมือนนกทะเลเมื่อเช้านี้

ปล.ไม่ได้มาลงงานนานมาก แวะมาพูดคุย ติชม กันได้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่