แชร์ประสบการณ์จากโรคซึมเศร้ากลายเป็นไบโพล่าร์สาเหตุและอาการ

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นอยากบอกว่า ที่มาพิมพ์ในนี้ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง สำหรับใคร ๆ ที่ไม่ได้เป็น ไม่สนใจ ก็ผ่านไปนะคะ อย่าเข้ามาซ้ำเติมหรืออะไรเลยตอนนี้เราอยู่ในช่วงดีเพรส คุยกับคนรอบข้าง ไม่มีใครเข้าใจหรอกค่ะ พูดมากไประบายมากไป เค้าก็รำคาญ แต่พิมพ์ลงในนี้ ก็หวังเพียงว่า คนที่ไม่เข้าใจไม่ชอบ ก็คงจะผ่านไป คนที่อ่านก็คงเป็นเหมือนกันหรือไม่ก็กำลังเผชิญสถานการณ์คล้าย ๆ กันอยู่ มืดแปดด้าน รอคอยวันที่ยาได้ผล รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ ระหวางรอ ก็หาที่ระบายมันออกมา ดีกว่าคิดแต่ว่าอยากตาย เราคิดว่ามันไม่ช่วยอะไรเลยสำหรับเรา ระบายออกเล่าให้ระบบคอมพิวเตอร์ได้รับข้อมูลไว้ ก็คงดีกว่าเก็บไว้ในใจคนเดียว....

สาเหตุหลักที่ทำให้เราเป็น......................เริ่มจากโรคซึมเศร้า-แล้วสุดท้ายหมอวินิจฉัยว่าจริง ๆ เราเป็น ไบโพล่าร์


          กลางปี 2558 ปกติเราจะเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ขี้น้อยใจ แต่ก็ยังใช้ชีวิตปกติได้ ทำงานได้ เจอผู้คนพูดคุยได้ มีแรงบันดาลใจตามปกติ อยากทำอะไรก็ทำเป็นคนเฮฮาตลกตัวโจ๊กในหมู่เพื่อน ๆ ด้วยซ้ำ มีความสุขดีตามอัตภาพ มีเรื่องมากระทบบ้างแต่ก็ผ่านไปได้ นี่คงเป็นสาเหตุที่ เอ๊ะ ทำไมคนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จบางคน ปกติ เค้าเป็นคนร่าเริงนิสัยดีด้วยซ้ำ แต่คำถามของสังคมและคนรอบข้าง แล้วทำไม เค้าถึงกลายเป็นซึมเศร้าได้ล่ะ

          คำตอบคือ.....สมองสั่งให้คิดลบทบไปเรื่อย ๆ โทษตัวเองไปทุกวัน ฉันมันแย่ฉันมันไร้ค่า มองคนอื่นเค้าใช้ชีวิตกันได้ เข้าวัดฟังธรรมก็ยิ่งปลงหนัก แล้วสังคมไม่รู้จักโรค รอบตัวไม่มีใครรู้ว่าเค้าเป็นซึมเศร้าหรือกำลังดีเพรส ดังนั้น การฆ่าตัวตายจึงสำเร็จค่ะ สำเร็จแบบคนรอบตัว งง ว่า คนร่าเริงอารมณ์ดีนิสัยดีตัวโจ๊กของเพื่อน ๆ เนี่ยนะ จะฆ่าตัวตาย....มันเกิดขึ้นแล้วหลายเคส และในยุคนั้น สังคมยังไม่มีใครรู้จักตัวโรค คิดว่าผู้ป่วยเรียกร้องความสนใจไปงั้นเดี๋ยวก็หาย เอาใจไปเดี๋ยวเคยตัว แต่การเรียกร้องความสนใจ หากคุณยังเห็นว่าอยากให้เค้าอยู่มากกว่าตาย นั่นคือสัญญาณที่บอกว่า เค้าต้องการความช่วยเหลือ แล้วนะคะ ไม่ได้อยากให้ซ้ำเติมเลยแม้แต่น้อย

กลับมาที่เรา

          เราเคยทำงานออฟฟิต แต่ตอนนี้มีอาชีพค้าขาย ปกติ ขายดิบขายดี คุยกับลูกค้าสนุกสนาน วันไหนขายไม่ได้ ก็ชิลไป แต่มันมีปมเก่ากลับมาให้คิดย้อนไปเรื่องเก่า ๆ ปมที่เราหนีออกมา แต่ปมนั้นก็มาใกล้เราอีก นั่นคือ แม่ เราเอง เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่เราเป็นจิตเภท จนกระทั่งเราเข้า รพ.แล้วพบว่าตัวเองเป็นซึมเศร้า มีสาเหตุมาจากอดีตจากการกระทำของแม่ โดยไม่มีใครได้รับการรักษาที่ถูกต้องทำให้ปัญหาปมในใจมันไม่เคยหายไปไหน นอกจากเราหนีมา แต่เมื่อ แม่ มาอยู่กับเราอีกครั้ง มันก็เหมือนสิ่งที่เราหนี หาเราเจออีกครั้ง.....

          แม่เป็นเหมือนเดิม ด่าเราให้คนอื่นฟังเวลาไม่ได้ดังใจ เราหาเงินให้ไม่ได้อย่างที่ต้องการ เราไม่ทำให้แม่สบายเหมือนลูกคนอื่น ทวงบุญคุญที่ส่งเสียเราเรียนแต่กลับทำให้แม่สบายไม่ได้ เอาอ่ะยอมรับมาตลอดว่าเรามันลูกไม่ดีสำหรับแม่ แต่เราก็พยายามแล้ว ส่งให้เท่าที่ส่งได้ ค้าขายมันแน่นอนที่ไหน แต่แม่ก็ไม่เข้าใจ แม่เราอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้ ไปด่าเค้าไปทั่ว จนย้ายบ้านหนีนับครั้งไม่ถ้วน เช่าบ้านอยู่ใกล้ใครไม่ได้ หาว่าเค้านินทาหาว่าเค้าดูถูก กระทั่งเรามีครั้งนึงทนไม่ได้ หนีออกจากบ้านไปนอนใต้ถุนบ้านยาย แม่ยังไม่เคยห่วงเราเลยว่าจะไปไหน กลับมาก็ด่าอีก ตอนนั้นเราทำงานเหนื่อยมาก แม่เอาแต่ประชดพ่อ หาว่าพ่อมีเมียใหม่นั่นนี่

          ที่ฝังใจคือ แม่ไม่เคยรักเราเท่ารักพ่อหวงพ่อ เพราะมีครั้งนึงเราจำฝังใจ แม่เอามีดจะแทงเราตอนเราเรียนอนุบาล แม่พูดว่า "อย่าอยู่เลย ตายไปกับแม่เถอะ พ่อเอ็งเค้ามีเมียใหม่ไปแล้ว เค้าไม่มารักเอ็งกับแม่แล้ว" เราจำได้แค่ว่า เราหนีสุดชีวิต แต่ห้องเจ้ากรรมก็เล็กซะเหลือเกิน แม่ก็พยายามจะแทงเรา ในห้องมันสลัวมาก เราร้องขอชีวิต เรากลัวมาก จนยายพังประตูห้องเข้ามาตบแม่เราแล้ว ตาเราก็เอาตัวเราออกไป นั่นเป็นภาพที่ฝั่งใจ แต่ทำไมเราลืมไปได้ช่วงนึง จนกระทั่ง แม่มาอยู่ด้วยกัน เพราะแม่ป่วยเราเลยให้มาอยู่ใกล้ ๆ สิ่งที่เคยลืม มันกลับมาหมดเลย ฝันที่น่ากลัว เราเล่าให้หมอฟัง เราร้องไห้ เราถามหมอว่าเราผิดอะไรทำไมเราไม่ลืม หมอไม่ตอบ ได้แต่ฟังเราเล่า กว่า 2 ชม.ทั้งน้ำตา ไหนจะเรื่องที่เราจะถูกพี่พ่อข่มขืน ในขณะที่แม่เราไม่สนใจเราเอาแต่ระแวงว่าพ่อจะมีเมียใหม่ กลัวว่าถ้าเชื่อเราพ่อจะไม่อยู่กับแม่ บ้านย่าก็จะหาเมียใหม่ให้พ่อเพราะเราสร้างเรื่อง เปล่าเลย เราโดนกระทำอนาจารนับครั้งไม่ถ้วนโดยไม่มีผู้ใหญ่สักคนช่วยเรา มีแต่คนหัวเราะเยาะใส่หาว่าเราฝัน.....

          ถ้าไม่เพราะเพื่อนเราที่มาเล่นด้วยกันไม่โดนไปด้วย จนไปบอกแม่เค้าแล้วแม่เค้ามาปกป้องลูกด้วยการด่า เราก็คงจะไม่ถูกอนุญาตให้เก็บตัวอยู่คนเดียวในบ้านริมน้ำที่เปลี่ยว ใคร ๆ ก็คิดว่าบ้านเราผีสิง เรานี่ล่ะแอบสิงมาตั้งแต่ถูกลวนลาม แม่เราไม่ให้เราอยู่บ้านคนเดียว เพราะกลัวจะถูกข่มขืนกลัวเวลาดูข่าว แต่กลับไม่เชื่อสิ่งที่เราพูด ให้เราไปอยู่ใกล้คนที่อนาจารเราวันแล้ววันเล่าจนเราทนไม่ไหว แอบมาอยู่บ้านคนเดียว ทั้งรู้ว่ามันเปลี่ยว ยังดีที่พ่อเราเป็นปกติ เราไม่ได้เล่าให้พ่อฟังเรากลัวพ่อทะเลาะกับลุง แค่บอกพ่อว่าเราไม่อยากอยู่บ้านย่าเราอยากอยู่บ้านคนเดียวเราอยากทำการบ้านอ่านหนังสือ พ่อก็โอเค ก็ให้เราล๊อคบ้านให้ดี บ้านเป็นบ้านเช่าค่ะ บ้านทรงไทยเก่า ๆ ริมน้ำ เราไม่เคยกลัวผีเหมือนที่ใคร ๆ ลือเลย เรากลัวลุงเรามากกว่า เราล๊อคบ้านอย่างดี เปิดหน้าต่างที่ใครก็ปีนขึ้นไม่ได้ เปิดไฟ วางรองเท้าไว้เยอะ ๆ เปิดทีวี เปิดวิทยุให้ดัง ๆ เหมือนมีคนอยู่บ้านเยอะ ๆ

          แต่.....พอเวลาใกล้ทุ่มครึ่ง เราต้องปิดทุกอย่าง ออกจากบ้าน ไปรอพ่อหน้าบ้านย่า ซึ่งไม่ให้ใครเห็น พอพ่อมา เราก็จะกลับพร้อมพ่อ แม่เราเค้าจะกลับบ้านมาประมาณทุ่มครึ่ง ซึ่งเราต้องหนีออกจากบ้านให้ทันก่อนแม่มา และมาพร้อมพ่อประหนึ่งว่า เราอยู่บ้านย่านะ ไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว เพราะถ้าแม่รู้ เราก็จะ...

          วันนึง มันคงเป็นวันตัดสินชีวิตเรามั้งนะ.....เราอยู่บ้านคนเดียวปกติ ที่ไม่ปกติคือ เป็นวันที่เกรดวิชาสอบกลางภาคออก เป็นเรื่องธรรมดา ที่เราจะเรียนวิชาเกี่ยวกับวิทย์ คณิต ได้ไม่เคยเกินเกรด 1 แต่ช่วงนั้นเราเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันวันเว้นวัน มีแต่ความตึงเครียด เลยอยากให้แม่ดีใจด้วยการเอาเวลาที่อยู่คนเดียวในบ้านผีสิง นั่งอ่านหนังสือคณิต หัดทำแบบฝึกหัด เรียนอยู่ ม.2 ไม่เคยพยายามอะไรขนาดนี้เพื่อให้พ่อแม่ดีใจ ซึ่งก็ดีใจจริง ๆ แต่เป็นเราคนเดียว เกรดออกมา 3 ชีวิตเราไม่เคยเลยที่จะได้คณิต 3 แล้วมันก็ประจวบเหมาะ แม่เรากลับมาเร็วกว่าปกติ เพราะลางานมาบอกว่าปวดหัวมาก จริง ๆ แล้ววันนั้น มีคนไปเป่าหูแม่ว่าเห็นพ่อให้ผู้หญิงอื่นซ้อนท้ายรถ เลยรีบลางานกลับมาดักพ่อ

          แล้วก็งานเข้าเรา เราเก็บของหนีไม่ทัน พอแม่เห็นเราเท่านั้นแหล่ะ ถามว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ไม่ไปอยู่บ้านย่า...เราก็บอกว่าไม่อยากอยู่บ้านย่า แม่ยังไม่ทันถามสาเหตุ ก็ฟาดเราไม่ยั้งด้วยมือ ลงเต็มหลังเราเราไม่ทันได้นับหรอกว่ากี่ครั้ง แต่ความดีใจที่จะเซอร์ไพรส์แม่มันก็ยังไม่หายไปไหน เพียงแต่เจ็บและเสียใจที่ทำไมแม่ไม่นึกถึงเหตุผลที่เราเคยบอกไปเมื่อตอนเรียน ป.4ว่าเราถูกลุงทำอนาจาร จนนี่ ม.2 แม่ลืมมันไปจริง ๆ หรอ แค่แม่ไม่ปกป้องเราเหมือนแม่คนอื่นเพราะกลัวพ่อจะหนีไป เราก็รู้สึกแย่จนต้องหนีออกมาอยู่คนเดียวมันก็พอแล้ว แต่นี่อะไร ทำไมต้องลงไม้ลงมือกับเราขนาดนี้ ใครเคยถูกแม่ฟาดจนแขนบวม ตัวเขียวแล้วมาปลอบทีหลัง จะรู้สึกว่ามันเจ็บที่ใจกว่าอะไรทั้งนั้น

          แม่ตีเราเสร็จ เราก็เห็นแม่เงียบ ๆ ก็นึกว่าแม่จะเครียดเพราะห่วงเราโกรธเราที่มาอยู่คนเดียว เราก็ไปงัดใบเกรดมาให้แม่ดูมาอวดเกรด 3 คณิต อย่างน้อย แม่จะได้หายโกรธเรา แต่มันไม่ใช่เลยค่ะ มันพังไปหมดแล้วโลกใบนี้ แม่ปัดใบเกรดทิ้งแบบไม่ใยดี แม่ตะคอกใส่เรา ย้ำค่ะว่า ตะคอก ว่า "กูยังไม่ดูตอนนี้ เอาไว้ก่อน กูมีเรื่องจะถามพ่อว่าไปเอาเมียน้อยที่ไหนซ้อนรถ" .....ตอนนั้นแหล่ะค่ะ ที่เราเริ่มรู้สึก หมดแล้ว คำว่า แม่ เพลงค่าน้ำนมมันไม่เพราะสำหรับเราอีกต่อไป เราก็ทิ้งใบไว้แบบนั้น ให้มันถูกเหยียบด้วยเท้าของคนเป็นแม่ของเราโดยที่ไม่รู้ตัว แล้วเราก็เข้าห้องมา นั่งร้องไห้มันล่องลอยไปหมด หน้าเราชาไปหมด นั่นคือความเสียใจที่สุดในชีวิตที่แม่ทำกับเรา การที่เราจะพยายามเรียนให้ได้เกรด 3 ในวิชาที่ตั้งแต่ ประถมมา เราไม่เคยได้เกิน 2 มันไม่ง่าย มันใช้ความตั้งใจ ความพยายาม....แต่แม่พังมันลงไปเพียงวินาทีเดียว เพราะสาเหตุที่แม่ต้องการคำตอบเรื่องเมียน้อยจากพ่อ ซึ่งพ่อก็ไม่ได้มี แม่คิดไปเอง.......................................................

          ตอนนั้นเราช้ำไปทั้งตัวจากโดนตีที่อยู่บ้านคนเดียว นั่งร้องไห้ในห้องอยู่พักนึง ก็ได้ยินเสียงพ่อทะเลาะกับแม่ลั่นบ้านถึงขั้นตบตี ใครจะรู้ ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องทนดูพ่อแม่ทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง วัน เว้น วัน ย้ำว่าเว้นวันจริง ๆ แล้วครั้งนี้ มันทำลายความรู้สึกของเราที่สุด ทั้งเรื่องที่ทำไมเราอยู่บ้านคนเดียว แม่ไม่สนใจแม่ไม่นึกถึงเหตุที่เคยเกิดกับเราจนเราต้องมาอยู่แบบนี้ แม่ไม่สนใจสิ่งที่เราพยายาม แม่แค่บอกให้ตั้งใจเรียน แต่ผลที่ได้ออกมาดีแล้วไง มันไม่เคยสำคัญไปกว่าพ่อจะมีเมียใหม่เมื่อไรตอนไหน.................................เราจมอยู่กับความรู้สึก "ไร้ค่า"มาตั้งแต่ตอนนั้น.........

          หลังจากที่ทะเลาะกันสักพัก แม่ก็เอากริชลงอาคมอะไรก็ไม่รู้ พยายามจะแทงตัวเอง แต่โดนพ่อตบ แล้วขว้างทิ้งไป แม่นอนร้องไห้เสียใจ เรียกหาเรา....ในขณะที่เราก็ร้องไห้เสียใจ ในห้อง แต่ไม่รู้จะเรียกหาใคร ตอนนั้นไม่ได้อยากทำร้ายตัวเอง มันเสียใจจนไม่รู้จะทำอะไรนอกจากนั่งกอดเข่าร้องไห้ เราไม่ยอมออกจากห้อง จนพ่อมาเรียก พ่อเห็นใบเกรด พ่อก็เลยมาเรียกแล้วก็ถามแม่ว่า ทำอะไรเรา ทำไมเราไม่ออกจากห้อง เราก็ไม่ออก เราไม่รู้ว่าคนที่เราเรียกว่าแม่ เค้าต้องการจะฆ่าเราเหมือนตอนเราเด็ก ๆ รึเปล่า ทุกครั้งที่ทะเลาะกับพ่อ แม่จะฆ่าตัวตายให้เราเห็น แล้วจะพูดว่า"แม่ขอโทษนะ ถ้าแม่ไม่อยู่เอ็งไปอยู่กับยายนะเพราะพ่อเอ็งเค้าจะมีเมียใหม่" ไม่ว่าจะแทงตัวตาย ผูกคอตาย กินยาตาย โดดน้ำตาย ฯลฯ ต่อหน้าเราทั้งนั้น....
          
          แล้วพ่อก็พังประตูเข้ามา พ่อบอกให้ไปดูแม่ จะแทงตัวตายแต่พ่อไม่ทันสังเกตว่าเรา บวมไปทั้งตัวทั้งหน้า สักพัก เราไม่ออกไป แม่ก็เดินมาเอง บังเอิญ อิขวดกอฮอลมันวางอยู่ใกล้ ๆ ที่เรานั่งกอดเข่า แม่มาถึงตบหน้าเราไม่หยุด ถามว่า "กินอะไรเข้าไป ตอบกู -อะไรเข้าไป เรื่องแค่นี้ต้อง-กอฮอลเลยหรอ กูบอกให้พูด ตอบกู " คือตอนนั้นเราไม่เจ็บเลยบอกตรง ๆ แม่ตบหน้าฟาดหน้าฟาดหลังเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราไม่เจ็บเลย เราเอาแต่ร้องไห้ เราพูดไม่ออก จะบอกว่าไม่ได้กิน แม่ก็ตบไม่ยั้ง จะบอกว่าตาบวมเพราะร้องไห้เสียใจที่แม่ไม่สนใจที่หนูจะบอก ที่หนูพยายามทำแม่สนใจแต่เรื่องพ่อจะมีเมียน้อย มันก็พูดไม่ออก ก็เลยยอมให้ตบ ตบให้พอใจ หน้าเราก็บวมไปอีก จนพ่อเข้ามาห้ามแล้วบอกว่า "ไปตบมันทำไม ที่ร้องไห้เพราะเราทะเลาะกัน แล้วเอาใบเกรดให้ดูได้ดูมั้ยว่าลูกมันได้คณิตเกรด3" แม่ก็พูดว่า "กะอีเรื่องแค่นี้ จะต้องร้องไห้ทำไม"...............นั่นล่ะค่ะ เรื่องแค่นี้ของแม่ มันก็คงเหมือนเรื่องพ่อมีเมียน้อยของแม่ มันก็เรื่องแค่นี้ของเรา เพียงแต่....เราไม่คิดจะทำร้ายจิตใจแม่ด้วยคำพูดใด ๆ แม้แต่น้อย ทั้งรู้ว่าที่แม่คิดมันไม่จริง

          แล้วจากนั้น สถาบันแม่ ในหัวใจเรา ก็เลือนหายไป แม้เราจะยังรักแม่อยู่ แต่ที่ไม่เคยหายไปคือ แม่ไม่เคยรักเราเลยนอกจากมีเราไว้กันพ่อไปมีเมียน้อย เอะอะก็จะฆ่าเรา จะฆ่าตัวตายให้เราเห็น จนกระทั่งเราเป็นซึมเศร้าไปหาหมอ แล้วคุณหมอขอพบแม่เราอีกคนเพราะคาดว่า แม่เราจะหนักกว่าเราถึงขั้น หูแว่ว เห็นภาพหลอน ไปแล้ว ซึ่งก็ จริงตามคาด นั่นทำให้หลังจากรักษาระยะแรกของเราเป็นไปด้วยดี เพราะรู้แล้วว่า ที่ผ่านมา แม่เราเป็นจิตเภท....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่