ตอนที่ 6 หิมวันต์
ร่างของฟ้ากำลังพุ่งทะยานสู่เบื้องบน สูงขึ้นๆ พุ่งขึ้นไปอย่างเร็วและแรง เสมือนจรวดที่กำลังพุ่งออกจากฐาน ฟ้าไม่สามารถควบคุมตัวเองให้หยุดลอยขึ้นสูงได้ รอบด้านพร่าเลือน จับสังเกตอะไรไม่ได้สักอย่าง ลมที่พัดอื้ออึงรอบตัวก็ไม่ได้ทำให้ฟ้าเบนเส้นทางแม้แต่นิด
ทันใด แสงสว่างสีเหลืองทองก็ปรากฎขึ้น ฉายฉาบอาบไปรอบบริเวณ ฟ้ารู้สึกว่าความเร็วค่อยๆช้าลง ช้าลง จนไม่เคลื่อนที่อีก ฟ้ากวาดตามองไปรอบด้าน ทุกอณูในที่แห่งนี้ราวกับจะเปล่งประกายรัศมีแห่งความดีงามออกมาตลอดเวลา
'นั่นอะไร' ฟ้าคิดขณะดวงตาที่พร่าจากแสงสว่างเรืองรองโดยรอบ สักพัก ฟ้าก็มองเห็นคล้ายขาโต๊ะขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายบัลลังก์ สายตาค่อยๆปรับโฟกัสและมองไล่ขึ้นไปด้านบน ภาพต่อมาที่เห็นคือ ชายผู้หนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือศีรษะฟ้า
ฟ้ารีบเดินถอยหลังทันทีเมื่อเห็น การเคลื่อนไหวของฟ้านั่นเองทำให้ชายผู้นั้นหันมองลงมา ทันทีที่เห็นฟ้า ใบหน้าชายคนนั้นก็ดูตกใจสุดขีด อาการตระหนกทำเอาชายบนบัลลังก์ผู้นั้นนิ่งงันไป ตาค้างลงมาที่ฟ้าเหมือนจะไม่แน่ใจกับภาพที่เห็น สักพักเขาก็ทำท่าเพ่งมองลงมาที่ฟ้าอีกครั้ง
ท่ามกลางความเงียบ
"เป็นไปไม่ได้"เสียงของชายผู้นั้นพูดขึ้นด้วยความหวาดหวั่น
ฟ้าไม่เข้าใจในสิ่งบุรุษบนบัลลังก์พูด แต่ก่อนที่ฟ้าจะพูดอะไรออกไป บุรุษปริศนานั้นก็ก้มลงมองฟ้าอีกรอบ แล้วกระซิบว่า
"แกมาแล้วหรือ?"
เหมือนถูกโยนลงมหาสมุทร ร่างของฟ้าอยู่ดีดีก็ยวบวูบลงทันที รัศมีสีทองหายวับไป ตัวฟ้าพุ่งดิ่งลงอย่างรวดเร็ว รวดเร็วพอๆกลับที่พุ่งขึ้นไป แสงสีและลมต่างๆพัดผ่านหมุนวนรอบตัว อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้น ท้องฟ้าเริ่มปรากฎให้เห็นผ่านแวบไปแวบมา
"ฟ้า ฟ้า"เสียงร้องเรียกชื่อเขาดังขึ้น
ฟ้าหันขวับไปมอง เห็นกระต่าย แป๋ว และเอ กำลังหมุนวนไปรอบทิศ ทั้งสี่คนกำลังถูกลมพัดหวนไปหวนมา บังคับทิศทางไม่ถูก ฉับพลัน รอบตัวบังเกิดพายุใหญ่ น้ำฝนซัดสาดทั้งสี่ตลอดเวลา ฟ้าพยายามจะส่งเสียงร้องออกไป แต่เสียงลมเสียงฝนกลบไปหมดจนไม่มีใครได้ยิน ฟ้าจึงคว้าข้อมือกระต่ายไว้ พอคว้าได้ กระต่ายก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร ค่อยๆเอื้อมมือไปคว้าแป๋ว และเอเข้ามา ทั้งสี่หมุนติ้วท่ามกลางพายุ แต่ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆพุ่งลงต่ำด้วย
ไม่นานพายุใหญ่ก็ค่อยๆอ่อนกำลังลง รอบด้านเริ่มสว่างขึ้น อากาศเริ่มเย็นจนหนาวยะเยือก ฟ้ารู้สึกมีอะไรมาสัมผัสแก้ม จึงยกมือขึ้นแตะดู
หิมะนั่นเอง หิมะปุยขาวกำลังตกโปรยปรายอยู่รอบตัวทั้งสี่ แป๋วกับกระต่ายดูจะตะลึงกับภาพที่เห็น เอยกมือขึ้นกำหิมะและแบมือดู พูดเบาๆว่า"นี่มันอะไรกันเนี่ย"
หิมะที่ตกลงมาค่อยๆหายไป ลมกรรโชกแรงพัดเข้ามาแทนที่อีกครั้ง และร่างของทั้งสี่ก็ทิ้งดิ่งลงอย่างรวดเร็วอีกหน ทั้งหมดจับมือกันแน่นด้วยสัญชาตญาณ แต่ทว่า
"ต่ายมือเราจะหลุดแล้ว"แป๋วกรีดร้องออกมา ท่ามกลางลมแรง พยายามจะคว้ามือกระต่าย
"อย่าปล่อยมือนะแป๋ว"กระต่ายกัดฟันแต่ไม่สามารถมีแรงพอที่จะยึดมือแป๋วไว้ได้อีกต่อไป ทันทีที่มือแป๋วหลุด ร่างของแป๋วก็ผลัดวูบหลุดออกจากวงทันที ลอยคว้างห่างออกไปด้วยอำนาจแรงลม
"กรี๊ดดดดด"เสียงกรีดร้องของเธอดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะหายไปกับอากาศขมุกขมัว
"ไมมมมมมมม่"กระต่ายกรีดร้องพยายามจะไขว่คว้าเพื่อนที่หายลับไปแล้ว เอที่จับมือฟ้าอีกข้างผวาตัวตอนที่แป๋วหลุดออกจากวง ต้องการจะคว้าตัวแป๋วไว้แต่ไม่ทัน ทำให้มือที่จับฟ้าเลื่อนหลุดออก ร่างของเอปลิดปลิวออกไปทันทีไม่ต่างกับแป๋ว ลมที่พัดรุนแรงกีดกันไม่ให้ฟ้ายึดตัวเอไว้ได้ทัน ชั่วพริบตาร่างของเอก็หายวับไปกับลมที่พัดหวนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงฟ้ากับกระต่ายที่ยึดกันไว้อย่างแน่นเหนียว
"ฟ้า ฟ้า ฟ้า"
ฟ้าสะดุ้งตัวลุกพรวดขึ้นมาทันที เห็นกระต่ายกำลังเขย่าตัวเรียกชื่อเขาอยู่
"ต่าย"ฟ้าเรียกชื่อเพื่อนออกไป
"ฟ้า ฟ้าตื่นแล้ว ฟ้า โอ้ ขอบคุณสวรรค์ เรานึกว่าเธอจะไม่ตื่นซะแล้ว เธอเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า"กระต่ายถาม
"เราไม่เป็นอะไรหรอก ต่าย เธอตื่นก่อนเรานานแล้วหรอ แล้วแป๋วกับเออยู่ไหน"ฟ้าถาม
กระต่ายก้มลงเช็ดน้ำตา
"เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นฟ้า เราตื่นก่อนฟ้าไม่นานหรอก ไม่รู้ว่าเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่เราจำเหตุการณ์สุดท้ายได้ ตอนนั้นเหมือนเรากำลังถูกพัดไปพัดมา และแป๋วกับเอ...แป๋วกับเอ"พอมาถึงตรงนี้กระต่ายก็หยุดพูดปล่อยโฮออกมา
"เป็นความผิดเราเอง ถ..ถ้าเราจับมือแป๋วให้แน่นกว่านั้น แป๋วกับเอคงไม่...คงไม่"กระต่ายสะอึกหยุดพูดไป
ฟ้ากลืนน้ำลายลงคอ ใช่ เขาก็จำได้เหมือนกัน ภาพที่แป๋วกับเอหลุดลอยหายไปทำให้เขาหลับตาลงอีกครั้ง เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า เพื่อนทั้งสองคนของเขานั้น อาจจะตายไปแล้ว
"ต่ายใจเย็นๆก่อน อย่าเพิ่งตกใจ แป๋วกับเอไม่เป็นไรหรอก ดูอย่างเราสิ ตกลงมาตั้งสูงยังไม่เห็นเป็นอะไร อีกสองคนก็ไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อสิ ว่าแต่เราอยู่ที่ไหนกันล่ะ"ฟ้าถามเพื่อนเปลี่ยนประเด็นเพื่อให้กระต่ายหายเศร้าโศก
กระต่ายเช็ดหน้าเช็ดตา เงยหน้าขึ้นมองรอบตัว ทั้งสองกำลังนอนอยู่ใต้โขดหินใหญ่รูปร่างประหลาด แสงสว่างส่องออกมาจากข้างหน้า พื้นดินชื้นเย็น
"ออกไปข้างนอกกันดีไหม"ฟ้าถาม
"จะดีเหรอฟ้า ข้างนอกมีอะไรก็ไม่รู้"กระต่ายส่ายหน้า
"ถ้าเราอยู่แต่ในนี้ จะไม่รู้เรื่องอีกสองคนเลยนะ แต่ถ้าเราออกไปยังอาจหาร่องรอยสองคนนั่นได้บ้าง"ฟ้าบอก กระต่ายนั่งคิดอยู่ชั่วครู่แล้วค่อยๆพยักหน้า
ทั้งสองคนค่อยๆคลานออกมาจากโขดหิน พอถึงปากทางก็ค่อยๆออกไปทีละคน ฟ้าออกก่อน ตามด้วยกระต่าย เมื่อทั้งสองยืนขึ้นก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
แสงแดดสีขาวสว่างส่องกระจายเลื่อมพรายรอบบริเวณ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าส่องสว่างไปทั่วมากกว่า ส่องสว่างโดยรอบหาที่สุดไม่ได้ ทั้งสองไม่เคยเจอแดดสีขาวที่มีประกายแบบนี้มาก่อน เคยเห็นแต่สีเหลืองสีส้มมาตลอดชีวิต
ความหยุ่นของพื้นดินร่วนเนื้อดีที่ฟ้าและกระต่ายเหยียบอยู่ก็เสมอราบเรียบกันตลอด ฟ้าสังเกตว่า ดินเป็นสีน้ำตาลล้วน ไม่ดำ ไม่เทา ไม่เจือปนสีอื่นๆเลย ฟ้าทดลองลงน้ำหนักเหยียบลงไปและยกเท้าขึ้นมา เม็ดดินไม่ติดเลอะเท้าฟ้าให้สกปรกเลยแม้แต่นิด ทุกอณูของดินหล่นกลับไปรวมกันอีกครั้งอย่างน่าแปลกประหลาด ราวกับไม่ได้เหยียบลงไปฉะนั้น โขดหินต่างๆที่ผุดออกมาจากพื้นดิน รูปร่างเป็นลักษณะหลังเต่าทุกลูก รวมถึงโขดหินที่ทั้งสองเข้าไปหลบด้วย
ที่น่าแปลกประหลาดคือต้นไม้ที่อยู่รอบตัว มันไม่ใช่ มันไม่มีทางที่จะเป็นต้นไม้แน่ๆ ในความคิดของทั้งสองคน ต้นไม้บางต้นสูงชะลูดเสียดฟ้า ยอดหายเข้าไปในก้อนเมฆเบื้องบน บางต้นแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปไกลหลายร้อยเมตร บางต้นมีลำต้นใหญ่พอๆกับ10คนโอบ ใบไม้แต่ละใบราวกับเคลือบสีเอาไว้ มองผ่านๆเหมือนต้นไม้พลาสติก รูปร่างลักษณะผิดแผกแตกต่างเหมือนที่พวกเขาเคยเห็นโดยสิ้นเชิง ดอกไม้ทุกดอกรูปทรงประหลาดแย้มกลีบเหมือนจะส่งแสงออกมาจากตัวมันเองได้ต้นไม้บางพุ่ม มีลักษณะคล้ายสัตว์ เช่น เสือ ช้าง งู ทำเอาหลอนสายตาได้เหมือนกัน
"ฟ้า"กระต่ายกระซิบข้างตัวเขา เหมือนเธอจะตกตะลึงจนเป็นอัมพาต
"เราก็เห็นเหมือนต่ายนั่นแหละ"ฟ้าตอบโดยไม่ต้องรอให้ต่ายถาม
"เธอเคยเห็นต้นไม้แบบนี้ไหม"กระต่ายถามเสียงกระซิบ
"ไม่"
"แสงแดดล่ะ"
"ไม่"
"พื้นดิน"
"ไม่"
"เธอรู้สึกไหมว่าที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์"กระต่ายถาม
ฟ้าเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ตากระทบกับแสงแดดสีขาวที่ส่องไปทั่วแต่กลับหาแหล่งต้นกำเนิดแสงไม่พบ ที่สำคัญ แดดสีขาวแม้จะส่องจ้าขนาดไหน ไม่ได้ทำให้ฟ้าและกระต่ายรู้สึกร้อนสักนิด แต่กลับรู้สึกเย็นสบายแทน นี่มันผิดธรรมชาติชัดๆ!
"เราเคยดูสารคดีในป่าแอมะซอน เราว่าป่าที่นั่นลึกลับและแปลกประหลาดที่สุดล่ะนะ แต่ที่นี้มันไม่เหมือนที่เราเคยเห็นเลย แม้แต่ต้นหญ้าก็ผิดจากที่เราเคยเห็นแล้ว"กระต่ายพูดค่อยๆ
"เธอจำที่ลักษณ์นาราพูดกับเราครั้งสุดท้ายได้ไหม"ฟ้าถามเพื่อน
"เธอหมายถึง ประตูสู่ป่าหิมพานต์เปิดออกแล้วน่ะหรือ?"กระต่ายย้อนถาม
"ใช่"
"เธอกำลังคิดว่าที่นี้คือป่าหิมพานต์งั้นหรือ?"
"ใช่"
กระต่ายค่อยๆเดินถอยหลังด้วยความหวาดหวั่น ริมฝีปากสั่นระริก
"ไม่ ไม่จริง นี่ไม่ใช่ของจริง ป่าหิมพานต์ไม่มีจริง นี่มันบ้าชัดๆ"กระต่ายร้อง หันหลังทำท่าจะวิ่งกลับเข้าไปใต้โขดหินอีกครั้ง ฟ้าหันไปคว้าตัวกระต่ายไว้ จับใบหน้าเธอเขย่าเรียกสติ
"กระต่าย!! ตั้งสติหน่อยสิ ใจเย็น"ฟ้าตะโกน
"ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันสิ"กระต่ายกรีดร้อง
"ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่ได้จะมาที่นี่ ปล่อยฉันนะฟ้า ฉันจะกลับไป ฉันไม่อยู่ที่นี่ นี่มันป่าอาถรรพ์"
"ต่าย แล้วเธอจะกลับไปยังไง เธอกลับไปได้หรือ"ฟ้าตะโกนบอก
"ฉันไม่สน ฉันจะกลับบ้าน"กระต่ายพยายามดิ้นให้หลุดจากฟ้า
"แล้วแป๋วล่ะ แล้วเอล่ะ เธอจะทิ้งให้พวกเขาตายงั้นหรือ"ฟ้าร้อง
กระต่ายนิ่งไป
"ตอนนี้เรามีกันแค่สองคนต่าย อีกสองคนจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ สิ่งที่เราต้องมีตอนนี้คือสติ และคิดอ่านกันต่อไปว่าจะทำยังไง อีกสองคนตอนนี้อาจจะกำลังรอการช่วยเหลือจากเราอยู่ก็ได้"ฟ้าพูด
"แล้วเราจะทำอะไรได้ล่ะฟ้า เข้าไปในป่าประหลาดๆนั่น ฉันว่าไม่ถึงนาที ตัวเราคงเหลือแต่กระดูก"
"ต่ายหมายถึงอะไร"
"ฉันก็หมายถึงตัวบ้าๆบอๆในป่านั่นน่ะสิ"
"ไม่มีอะไรทำร้ายเราได้ทั้งนั้นแหละ"
"ทำไมเธอมั่นใจแบบนั้น"
"ต่ายลืมที่ลักษณ์นาราบอกไปแล้วล่ะ ถ้าเรามีความสามัคคี ความกล้าหาญ ก็ไม่มีอะไรทำอันตรายเราได้หรอก"
"ลักษณ์นาราก็แค่พูดให้ดูสวยหรูน่ะสิ"
"ถ้างั้น ต่ายไว้ใจเราไหมล่ะ"
กระต่ายมองหน้าฟ้าตรงๆ แล้วพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืน
"ต่ายไม่ต้องกลัวเรื่องตัวบ้าๆบอๆหรอก ป่าหิมพานต์เป็นสถานที่ชั้นสูง เป็นโลกทิพย์ ในโลกมนุษย์ยังน่ากลัวกว่าอีก"
"ฟ้ามั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์ว่าที่นี้คือป่าหิมพานต์"
"ล้านเปอร์เซ็นต์ ต่ายก็เห็นกับตานี่นา"
"ฉันอาจจะหลอกตัวเองอยู่ก็ได้ หรือไม่ก็เป็นภาพหลอน"
"ถ้างั้นก็เข้าไปกัน จะได้รู้ว่ามันคือของจริง"
กระต่ายส่งสายตาเข้าไปในราวป่าทะมึนอย่างไม่ไว้ใจ
"จำเป็นจริงๆเหรอ ที่ต้องเข้าไปในนั้น"กระต่ายถาม
"เราต้องเข้าไปต่าย อาจพบเบาะแสของอีกสองคนนั่นก็ได้"
ฟ้าเดินนำต่ายเข้าไปก่อน ต่ายยังยืนนิ่ง ฟ้าหันมากวักมือเรียก
ต่ายถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเดินตามฟ้าเข้าไป
ยิ่งทั้งสองเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ แสงก็ยิ่งมืดทึบลงมากเท่านั้น อากาศดูจะเหลือน้อยและเย็นยะเยือกลงทุกที ต้นไม้รูปร่างประหลาดขึ้นเรื่อยๆ มีหนนึงกระต่ายกรี๊ดลั่นป่าเพราะเห็นไม้เลื้อยพุ่งเข้ามาพันขาเธอเหมือนงู แต่พอฟ้าก้มดูก็พบว่าเป็นแค่ไม้เลื้อยธรรมดา
"ฉันรู้สึกว่าต้นไม้พวกนี้กำลังมองเราอยู่"กระต่ายพูดหลอนๆ หันมองยอดไม้สูงๆรูปร่างวิกลวิการไปมา "บางทีรู้สึกเหมือนพวกมันกำลังคุยกัน"
"คิดมากน่า"ฟ้าบอก
"เธอไม่รู้สึกว่ามันแปลกๆเหรอ"
"โอ๊ย ต่าย รอบตัวเราตอนนี้ก็มีแต่สิ่งแปลกๆ ต่ายยังสงสัยอะไรอีก"
"ฟ้าไม่แปลกใจรึไง ทำไมไม่มีสัตว์สักตัว นก แมลง ยังไม่เห็นมีเลย"
ฟ้าชะงัก เขาก็สงสัยมาแต่แรกแล้วว่าทำไมป่าถึงเงียบแบบนี้ เพราะการที่เขาและต่ายมาปรากฎตัวอย่างนั้นหรือ
"กรี๊ดดด!!"กระต่ายร้องลั่นจนฟ้าสะดุ้งโหยง
"อะไรอีกต่าย"
"นั่นอะไรฟ้า ฉันเห็น มีคนอยู่บนต้นไม้นั่นน่ะ ดูสิ มีจริงๆด้วย นั่นไง!!'กระต่ายชี้มือไปที่ต้นไม้ใหญ่ ฟ้ามองตาม
ภาพที่ปรากฎต่อสายตาทำให้ฟ้านึกขอบคุณตัวเองที่ร่ำเรียนทางด้านศาสนาและวรรณคดีมามากพอ
"ต่าย เลิกตกใจได้แล้ว ไม่มีอะไรหรอก"
"นั่นต้นมัคลีผลน่ะ"
จบตอนที่ 6
ลิ้งตอนที่ 7 พิณคนธรรพ์
https://m.pantip.com/topic/37107524
ลิ้งตอนที่ 5 เบื้องหน้าประตู
https://m.pantip.com/topic/37077819?
🎄🎄🎄ทวิธราดล🎄🎄🎄(ตอนที่ 6 หิมวันต์)
ร่างของฟ้ากำลังพุ่งทะยานสู่เบื้องบน สูงขึ้นๆ พุ่งขึ้นไปอย่างเร็วและแรง เสมือนจรวดที่กำลังพุ่งออกจากฐาน ฟ้าไม่สามารถควบคุมตัวเองให้หยุดลอยขึ้นสูงได้ รอบด้านพร่าเลือน จับสังเกตอะไรไม่ได้สักอย่าง ลมที่พัดอื้ออึงรอบตัวก็ไม่ได้ทำให้ฟ้าเบนเส้นทางแม้แต่นิด
ทันใด แสงสว่างสีเหลืองทองก็ปรากฎขึ้น ฉายฉาบอาบไปรอบบริเวณ ฟ้ารู้สึกว่าความเร็วค่อยๆช้าลง ช้าลง จนไม่เคลื่อนที่อีก ฟ้ากวาดตามองไปรอบด้าน ทุกอณูในที่แห่งนี้ราวกับจะเปล่งประกายรัศมีแห่งความดีงามออกมาตลอดเวลา
'นั่นอะไร' ฟ้าคิดขณะดวงตาที่พร่าจากแสงสว่างเรืองรองโดยรอบ สักพัก ฟ้าก็มองเห็นคล้ายขาโต๊ะขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายบัลลังก์ สายตาค่อยๆปรับโฟกัสและมองไล่ขึ้นไปด้านบน ภาพต่อมาที่เห็นคือ ชายผู้หนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือศีรษะฟ้า
ฟ้ารีบเดินถอยหลังทันทีเมื่อเห็น การเคลื่อนไหวของฟ้านั่นเองทำให้ชายผู้นั้นหันมองลงมา ทันทีที่เห็นฟ้า ใบหน้าชายคนนั้นก็ดูตกใจสุดขีด อาการตระหนกทำเอาชายบนบัลลังก์ผู้นั้นนิ่งงันไป ตาค้างลงมาที่ฟ้าเหมือนจะไม่แน่ใจกับภาพที่เห็น สักพักเขาก็ทำท่าเพ่งมองลงมาที่ฟ้าอีกครั้ง
ท่ามกลางความเงียบ
"เป็นไปไม่ได้"เสียงของชายผู้นั้นพูดขึ้นด้วยความหวาดหวั่น
ฟ้าไม่เข้าใจในสิ่งบุรุษบนบัลลังก์พูด แต่ก่อนที่ฟ้าจะพูดอะไรออกไป บุรุษปริศนานั้นก็ก้มลงมองฟ้าอีกรอบ แล้วกระซิบว่า
"แกมาแล้วหรือ?"
เหมือนถูกโยนลงมหาสมุทร ร่างของฟ้าอยู่ดีดีก็ยวบวูบลงทันที รัศมีสีทองหายวับไป ตัวฟ้าพุ่งดิ่งลงอย่างรวดเร็ว รวดเร็วพอๆกลับที่พุ่งขึ้นไป แสงสีและลมต่างๆพัดผ่านหมุนวนรอบตัว อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้น ท้องฟ้าเริ่มปรากฎให้เห็นผ่านแวบไปแวบมา
"ฟ้า ฟ้า"เสียงร้องเรียกชื่อเขาดังขึ้น
ฟ้าหันขวับไปมอง เห็นกระต่าย แป๋ว และเอ กำลังหมุนวนไปรอบทิศ ทั้งสี่คนกำลังถูกลมพัดหวนไปหวนมา บังคับทิศทางไม่ถูก ฉับพลัน รอบตัวบังเกิดพายุใหญ่ น้ำฝนซัดสาดทั้งสี่ตลอดเวลา ฟ้าพยายามจะส่งเสียงร้องออกไป แต่เสียงลมเสียงฝนกลบไปหมดจนไม่มีใครได้ยิน ฟ้าจึงคว้าข้อมือกระต่ายไว้ พอคว้าได้ กระต่ายก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร ค่อยๆเอื้อมมือไปคว้าแป๋ว และเอเข้ามา ทั้งสี่หมุนติ้วท่ามกลางพายุ แต่ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆพุ่งลงต่ำด้วย
ไม่นานพายุใหญ่ก็ค่อยๆอ่อนกำลังลง รอบด้านเริ่มสว่างขึ้น อากาศเริ่มเย็นจนหนาวยะเยือก ฟ้ารู้สึกมีอะไรมาสัมผัสแก้ม จึงยกมือขึ้นแตะดู
หิมะนั่นเอง หิมะปุยขาวกำลังตกโปรยปรายอยู่รอบตัวทั้งสี่ แป๋วกับกระต่ายดูจะตะลึงกับภาพที่เห็น เอยกมือขึ้นกำหิมะและแบมือดู พูดเบาๆว่า"นี่มันอะไรกันเนี่ย"
หิมะที่ตกลงมาค่อยๆหายไป ลมกรรโชกแรงพัดเข้ามาแทนที่อีกครั้ง และร่างของทั้งสี่ก็ทิ้งดิ่งลงอย่างรวดเร็วอีกหน ทั้งหมดจับมือกันแน่นด้วยสัญชาตญาณ แต่ทว่า
"ต่ายมือเราจะหลุดแล้ว"แป๋วกรีดร้องออกมา ท่ามกลางลมแรง พยายามจะคว้ามือกระต่าย
"อย่าปล่อยมือนะแป๋ว"กระต่ายกัดฟันแต่ไม่สามารถมีแรงพอที่จะยึดมือแป๋วไว้ได้อีกต่อไป ทันทีที่มือแป๋วหลุด ร่างของแป๋วก็ผลัดวูบหลุดออกจากวงทันที ลอยคว้างห่างออกไปด้วยอำนาจแรงลม
"กรี๊ดดดดด"เสียงกรีดร้องของเธอดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะหายไปกับอากาศขมุกขมัว
"ไมมมมมมมม่"กระต่ายกรีดร้องพยายามจะไขว่คว้าเพื่อนที่หายลับไปแล้ว เอที่จับมือฟ้าอีกข้างผวาตัวตอนที่แป๋วหลุดออกจากวง ต้องการจะคว้าตัวแป๋วไว้แต่ไม่ทัน ทำให้มือที่จับฟ้าเลื่อนหลุดออก ร่างของเอปลิดปลิวออกไปทันทีไม่ต่างกับแป๋ว ลมที่พัดรุนแรงกีดกันไม่ให้ฟ้ายึดตัวเอไว้ได้ทัน ชั่วพริบตาร่างของเอก็หายวับไปกับลมที่พัดหวนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงฟ้ากับกระต่ายที่ยึดกันไว้อย่างแน่นเหนียว
"ฟ้า ฟ้า ฟ้า"
ฟ้าสะดุ้งตัวลุกพรวดขึ้นมาทันที เห็นกระต่ายกำลังเขย่าตัวเรียกชื่อเขาอยู่
"ต่าย"ฟ้าเรียกชื่อเพื่อนออกไป
"ฟ้า ฟ้าตื่นแล้ว ฟ้า โอ้ ขอบคุณสวรรค์ เรานึกว่าเธอจะไม่ตื่นซะแล้ว เธอเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า"กระต่ายถาม
"เราไม่เป็นอะไรหรอก ต่าย เธอตื่นก่อนเรานานแล้วหรอ แล้วแป๋วกับเออยู่ไหน"ฟ้าถาม
กระต่ายก้มลงเช็ดน้ำตา
"เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นฟ้า เราตื่นก่อนฟ้าไม่นานหรอก ไม่รู้ว่าเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่เราจำเหตุการณ์สุดท้ายได้ ตอนนั้นเหมือนเรากำลังถูกพัดไปพัดมา และแป๋วกับเอ...แป๋วกับเอ"พอมาถึงตรงนี้กระต่ายก็หยุดพูดปล่อยโฮออกมา
"เป็นความผิดเราเอง ถ..ถ้าเราจับมือแป๋วให้แน่นกว่านั้น แป๋วกับเอคงไม่...คงไม่"กระต่ายสะอึกหยุดพูดไป
ฟ้ากลืนน้ำลายลงคอ ใช่ เขาก็จำได้เหมือนกัน ภาพที่แป๋วกับเอหลุดลอยหายไปทำให้เขาหลับตาลงอีกครั้ง เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า เพื่อนทั้งสองคนของเขานั้น อาจจะตายไปแล้ว
"ต่ายใจเย็นๆก่อน อย่าเพิ่งตกใจ แป๋วกับเอไม่เป็นไรหรอก ดูอย่างเราสิ ตกลงมาตั้งสูงยังไม่เห็นเป็นอะไร อีกสองคนก็ไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อสิ ว่าแต่เราอยู่ที่ไหนกันล่ะ"ฟ้าถามเพื่อนเปลี่ยนประเด็นเพื่อให้กระต่ายหายเศร้าโศก
กระต่ายเช็ดหน้าเช็ดตา เงยหน้าขึ้นมองรอบตัว ทั้งสองกำลังนอนอยู่ใต้โขดหินใหญ่รูปร่างประหลาด แสงสว่างส่องออกมาจากข้างหน้า พื้นดินชื้นเย็น
"ออกไปข้างนอกกันดีไหม"ฟ้าถาม
"จะดีเหรอฟ้า ข้างนอกมีอะไรก็ไม่รู้"กระต่ายส่ายหน้า
"ถ้าเราอยู่แต่ในนี้ จะไม่รู้เรื่องอีกสองคนเลยนะ แต่ถ้าเราออกไปยังอาจหาร่องรอยสองคนนั่นได้บ้าง"ฟ้าบอก กระต่ายนั่งคิดอยู่ชั่วครู่แล้วค่อยๆพยักหน้า
ทั้งสองคนค่อยๆคลานออกมาจากโขดหิน พอถึงปากทางก็ค่อยๆออกไปทีละคน ฟ้าออกก่อน ตามด้วยกระต่าย เมื่อทั้งสองยืนขึ้นก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
แสงแดดสีขาวสว่างส่องกระจายเลื่อมพรายรอบบริเวณ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าส่องสว่างไปทั่วมากกว่า ส่องสว่างโดยรอบหาที่สุดไม่ได้ ทั้งสองไม่เคยเจอแดดสีขาวที่มีประกายแบบนี้มาก่อน เคยเห็นแต่สีเหลืองสีส้มมาตลอดชีวิต
ความหยุ่นของพื้นดินร่วนเนื้อดีที่ฟ้าและกระต่ายเหยียบอยู่ก็เสมอราบเรียบกันตลอด ฟ้าสังเกตว่า ดินเป็นสีน้ำตาลล้วน ไม่ดำ ไม่เทา ไม่เจือปนสีอื่นๆเลย ฟ้าทดลองลงน้ำหนักเหยียบลงไปและยกเท้าขึ้นมา เม็ดดินไม่ติดเลอะเท้าฟ้าให้สกปรกเลยแม้แต่นิด ทุกอณูของดินหล่นกลับไปรวมกันอีกครั้งอย่างน่าแปลกประหลาด ราวกับไม่ได้เหยียบลงไปฉะนั้น โขดหินต่างๆที่ผุดออกมาจากพื้นดิน รูปร่างเป็นลักษณะหลังเต่าทุกลูก รวมถึงโขดหินที่ทั้งสองเข้าไปหลบด้วย
ที่น่าแปลกประหลาดคือต้นไม้ที่อยู่รอบตัว มันไม่ใช่ มันไม่มีทางที่จะเป็นต้นไม้แน่ๆ ในความคิดของทั้งสองคน ต้นไม้บางต้นสูงชะลูดเสียดฟ้า ยอดหายเข้าไปในก้อนเมฆเบื้องบน บางต้นแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปไกลหลายร้อยเมตร บางต้นมีลำต้นใหญ่พอๆกับ10คนโอบ ใบไม้แต่ละใบราวกับเคลือบสีเอาไว้ มองผ่านๆเหมือนต้นไม้พลาสติก รูปร่างลักษณะผิดแผกแตกต่างเหมือนที่พวกเขาเคยเห็นโดยสิ้นเชิง ดอกไม้ทุกดอกรูปทรงประหลาดแย้มกลีบเหมือนจะส่งแสงออกมาจากตัวมันเองได้ต้นไม้บางพุ่ม มีลักษณะคล้ายสัตว์ เช่น เสือ ช้าง งู ทำเอาหลอนสายตาได้เหมือนกัน
"ฟ้า"กระต่ายกระซิบข้างตัวเขา เหมือนเธอจะตกตะลึงจนเป็นอัมพาต
"เราก็เห็นเหมือนต่ายนั่นแหละ"ฟ้าตอบโดยไม่ต้องรอให้ต่ายถาม
"เธอเคยเห็นต้นไม้แบบนี้ไหม"กระต่ายถามเสียงกระซิบ
"ไม่"
"แสงแดดล่ะ"
"ไม่"
"พื้นดิน"
"ไม่"
"เธอรู้สึกไหมว่าที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์"กระต่ายถาม
ฟ้าเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ตากระทบกับแสงแดดสีขาวที่ส่องไปทั่วแต่กลับหาแหล่งต้นกำเนิดแสงไม่พบ ที่สำคัญ แดดสีขาวแม้จะส่องจ้าขนาดไหน ไม่ได้ทำให้ฟ้าและกระต่ายรู้สึกร้อนสักนิด แต่กลับรู้สึกเย็นสบายแทน นี่มันผิดธรรมชาติชัดๆ!
"เราเคยดูสารคดีในป่าแอมะซอน เราว่าป่าที่นั่นลึกลับและแปลกประหลาดที่สุดล่ะนะ แต่ที่นี้มันไม่เหมือนที่เราเคยเห็นเลย แม้แต่ต้นหญ้าก็ผิดจากที่เราเคยเห็นแล้ว"กระต่ายพูดค่อยๆ
"เธอจำที่ลักษณ์นาราพูดกับเราครั้งสุดท้ายได้ไหม"ฟ้าถามเพื่อน
"เธอหมายถึง ประตูสู่ป่าหิมพานต์เปิดออกแล้วน่ะหรือ?"กระต่ายย้อนถาม
"ใช่"
"เธอกำลังคิดว่าที่นี้คือป่าหิมพานต์งั้นหรือ?"
"ใช่"
กระต่ายค่อยๆเดินถอยหลังด้วยความหวาดหวั่น ริมฝีปากสั่นระริก
"ไม่ ไม่จริง นี่ไม่ใช่ของจริง ป่าหิมพานต์ไม่มีจริง นี่มันบ้าชัดๆ"กระต่ายร้อง หันหลังทำท่าจะวิ่งกลับเข้าไปใต้โขดหินอีกครั้ง ฟ้าหันไปคว้าตัวกระต่ายไว้ จับใบหน้าเธอเขย่าเรียกสติ
"กระต่าย!! ตั้งสติหน่อยสิ ใจเย็น"ฟ้าตะโกน
"ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันสิ"กระต่ายกรีดร้อง
"ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่ได้จะมาที่นี่ ปล่อยฉันนะฟ้า ฉันจะกลับไป ฉันไม่อยู่ที่นี่ นี่มันป่าอาถรรพ์"
"ต่าย แล้วเธอจะกลับไปยังไง เธอกลับไปได้หรือ"ฟ้าตะโกนบอก
"ฉันไม่สน ฉันจะกลับบ้าน"กระต่ายพยายามดิ้นให้หลุดจากฟ้า
"แล้วแป๋วล่ะ แล้วเอล่ะ เธอจะทิ้งให้พวกเขาตายงั้นหรือ"ฟ้าร้อง
กระต่ายนิ่งไป
"ตอนนี้เรามีกันแค่สองคนต่าย อีกสองคนจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ สิ่งที่เราต้องมีตอนนี้คือสติ และคิดอ่านกันต่อไปว่าจะทำยังไง อีกสองคนตอนนี้อาจจะกำลังรอการช่วยเหลือจากเราอยู่ก็ได้"ฟ้าพูด
"แล้วเราจะทำอะไรได้ล่ะฟ้า เข้าไปในป่าประหลาดๆนั่น ฉันว่าไม่ถึงนาที ตัวเราคงเหลือแต่กระดูก"
"ต่ายหมายถึงอะไร"
"ฉันก็หมายถึงตัวบ้าๆบอๆในป่านั่นน่ะสิ"
"ไม่มีอะไรทำร้ายเราได้ทั้งนั้นแหละ"
"ทำไมเธอมั่นใจแบบนั้น"
"ต่ายลืมที่ลักษณ์นาราบอกไปแล้วล่ะ ถ้าเรามีความสามัคคี ความกล้าหาญ ก็ไม่มีอะไรทำอันตรายเราได้หรอก"
"ลักษณ์นาราก็แค่พูดให้ดูสวยหรูน่ะสิ"
"ถ้างั้น ต่ายไว้ใจเราไหมล่ะ"
กระต่ายมองหน้าฟ้าตรงๆ แล้วพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืน
"ต่ายไม่ต้องกลัวเรื่องตัวบ้าๆบอๆหรอก ป่าหิมพานต์เป็นสถานที่ชั้นสูง เป็นโลกทิพย์ ในโลกมนุษย์ยังน่ากลัวกว่าอีก"
"ฟ้ามั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์ว่าที่นี้คือป่าหิมพานต์"
"ล้านเปอร์เซ็นต์ ต่ายก็เห็นกับตานี่นา"
"ฉันอาจจะหลอกตัวเองอยู่ก็ได้ หรือไม่ก็เป็นภาพหลอน"
"ถ้างั้นก็เข้าไปกัน จะได้รู้ว่ามันคือของจริง"
กระต่ายส่งสายตาเข้าไปในราวป่าทะมึนอย่างไม่ไว้ใจ
"จำเป็นจริงๆเหรอ ที่ต้องเข้าไปในนั้น"กระต่ายถาม
"เราต้องเข้าไปต่าย อาจพบเบาะแสของอีกสองคนนั่นก็ได้"
ฟ้าเดินนำต่ายเข้าไปก่อน ต่ายยังยืนนิ่ง ฟ้าหันมากวักมือเรียก
ต่ายถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเดินตามฟ้าเข้าไป
ยิ่งทั้งสองเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ แสงก็ยิ่งมืดทึบลงมากเท่านั้น อากาศดูจะเหลือน้อยและเย็นยะเยือกลงทุกที ต้นไม้รูปร่างประหลาดขึ้นเรื่อยๆ มีหนนึงกระต่ายกรี๊ดลั่นป่าเพราะเห็นไม้เลื้อยพุ่งเข้ามาพันขาเธอเหมือนงู แต่พอฟ้าก้มดูก็พบว่าเป็นแค่ไม้เลื้อยธรรมดา
"ฉันรู้สึกว่าต้นไม้พวกนี้กำลังมองเราอยู่"กระต่ายพูดหลอนๆ หันมองยอดไม้สูงๆรูปร่างวิกลวิการไปมา "บางทีรู้สึกเหมือนพวกมันกำลังคุยกัน"
"คิดมากน่า"ฟ้าบอก
"เธอไม่รู้สึกว่ามันแปลกๆเหรอ"
"โอ๊ย ต่าย รอบตัวเราตอนนี้ก็มีแต่สิ่งแปลกๆ ต่ายยังสงสัยอะไรอีก"
"ฟ้าไม่แปลกใจรึไง ทำไมไม่มีสัตว์สักตัว นก แมลง ยังไม่เห็นมีเลย"
ฟ้าชะงัก เขาก็สงสัยมาแต่แรกแล้วว่าทำไมป่าถึงเงียบแบบนี้ เพราะการที่เขาและต่ายมาปรากฎตัวอย่างนั้นหรือ
"กรี๊ดดด!!"กระต่ายร้องลั่นจนฟ้าสะดุ้งโหยง
"อะไรอีกต่าย"
"นั่นอะไรฟ้า ฉันเห็น มีคนอยู่บนต้นไม้นั่นน่ะ ดูสิ มีจริงๆด้วย นั่นไง!!'กระต่ายชี้มือไปที่ต้นไม้ใหญ่ ฟ้ามองตาม
ภาพที่ปรากฎต่อสายตาทำให้ฟ้านึกขอบคุณตัวเองที่ร่ำเรียนทางด้านศาสนาและวรรณคดีมามากพอ
"ต่าย เลิกตกใจได้แล้ว ไม่มีอะไรหรอก"
"นั่นต้นมัคลีผลน่ะ"
จบตอนที่ 6
ลิ้งตอนที่ 7 พิณคนธรรพ์
https://m.pantip.com/topic/37107524
ลิ้งตอนที่ 5 เบื้องหน้าประตู
https://m.pantip.com/topic/37077819?