เราควรให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์หรือควรพอแค่นี้

ออกตัวก่อนตอนนี้ฉันอายุ29 ทำงานเปิดร้านขายเฟอร์นิเจอร์คบกับแฟนมาเกือบปีรู้จักกันผ่านแอฟบีท็อก ตั้งแต่วันแรกที่คุยกันเขาเป็นคนที่ไม่ใช่สเป็ค ทั้งอ้วนดำหนวดลุงลัง ด้วยที่ว่าตอนนั้นแค่คุยแก้เหงาเพราะอกหัก เราก็ไม่ได้คิดว่าจะมีคนที่จะจริงจังกับเราเจอสภาพเขา แบบไออ้วนมัดจุกกลางหัว  ด้วยความคิดที่ว่าคงไม่มีใครทนคำท้าเราได้หลอกคือเราก็ท้าเขาให้โกนหนวดและตัดผมที่ดูแล้วไม่ถูกชะตาเอาซะเลย ใจเราก็คิดว่าคงไม่ทำหลอกเพราะเข้าใจว่าคนไม่เคยรู้จักแค่คุยกันคงไม่ทำตามที่เราบอกหลอก แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็ทำให้เรานั่นก็เป็นโอกาสที่ทำให้เราเริ่มคุยกับเขามากขึ้น แต่ยังไม่เท่านั้นปัญหาคือตอนนั้นเราถามเขาว่าทำงานอะไรเขาก็บอกซ่อมรถนอกทำเป็นจ๊อบๆไป ก็คิดในใจละว่าคงไม่ใช่ละ ก็เลยจะเฟตออกมาแต่สุดท้ายเค้าก็ตื้อเรา ด้วยความที่คบมาผู้ชายส่วนมากจะไม่ค่อยตื้อเราเพราะเราไม่ใช่คนสวยอะไรพอเจอคนที่ยอมเราจะปรับตัวเพื่อเรา มันก็เลยกลายเป็นคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงทุกว่านี้

       เราก็คุยกันแบบไม่ให้ทางบ้านรู้คุยกันเรื่อยๆจนกระทั่งแม่เรารู้จึงถามว่าเป็นใครลูกหลานใคร เราก็เลยบอกป้าเขาทำงานอยู่ตรงนั้นตรงนี้ กลายเป็นว่าป้าเขาเป็นลูกค้าแม่และแม่เราก็รู้ประวัติของบ้านป้าเขาเยอะแยะทั้งเรื่องหนี้สินของป้าทั้งเรื่องลูกชายป้าติดยาคือมีแต่เรื่องไม่ดีสังคมไม่โอเค พอแม่เรารู้ก็เลยบอกไม่ให้คบ
และตัวผู้ชายเองก็ไม่มีงานการทำเป็นหลักเป็นแหล่งซึ่งก็ไม่แปลกใจที่ว่าแม่เราจะไม่ให้คบ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเราคิดสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาอยู่กับป้าทั้งๆที่มีบ้านพ่อแม่ทำไมไม่กลับไปอยู่บ้าน สรุปคือเหตุผลตอนนั้นเขาไม่ได้บอกเราบ่ายเบี่ยงเราพึ่งมาบอกเราตอนนี้ว่าสมัยคบกันแรกๆนั่นเขาทะเลาะกับแม่ เกเรมากกกกจนมีเหตุการที่แม่ให้เลิกคบทำให้เขาจากคนที่ไม่คุยกับพ่อแม่ทะเลาะกับที่บ้าน ยอมกลับเข้าบ้านจากที่บอกให้กลับบ้านยังไงก็ไม่กลับก็กล้าเป็น  ยอมทำทุกอย่างเช่น กลับบ้าน หางานการทำ ซึ่งเอาจริงๆตอนนั้นก็ยังไม่ได้รักแค่อยากพิสูจน์ว่าคนๆนึงจะยอมทำให้ใครสักคนได้จริงเหรอ ก็กลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายที่ยอมทำทุกอย่างตามที่เราขอแต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวเขา เราก็ยังคงแอบคบคุยกันมาเจอกันเพียงอาทิตย์ละครั้ง

    จนกระทั่งมาถึงช่วงกันยา 2560ที่ผ่านมานี้ก็มีคนมาพูดให้แม่ว่าเจอเรากับแฟนเราบ้างล่ะ ยังคุยกันอยู่บ้างล่ะ สุดท้ายแม่ก็เข้ามาถามเราว่ายังคุยกันอีกหรอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากบอกแม่เรามาโดยตลอดแต่ด้วยแม่เราเป็นคนหัวโบราณและอยากให้เราเจอคนที่ดูแลเราได้จริงๆด้วยฐานะบ้านเราก็พอมีระดับนึงซึ่งต่างจากบ้านแฟนที่จะใช้ชีวิตเรียบงานหาเช้ากินค่ำ เราก็ตอบแม่เราว่าใช่ก็คุยดูๆกันไป ปรากฎว่ามันกลายเป็นจุดเปลี่ยนแม่กลายเป็นไม่เชื่อใจเราเราไปไหนมาไหนก็คิดว่าเราจะไปเจอแฟน คือไม่ไว้ใจเรา  จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งแม่กับญาติเราก็แอบขับรถพากับไปดูบ้านแฟนซึ่งตัวเราเองไม่เคยเข้าบ้านแฟนเลยเพราะเราอยากให้ทุกอย่างมันโอเคกว่านี้พ่อแม่เรารับตัวเขาได้แต่อย่างว่ามันดันเกิดเรื่องก่อน พอแม่ไปเห็นสภาพบ้านที่เหมือนสลัมถามว่าบ้านเขาก็อบอุ่นดีนะมีรถมีบ้านถึงแม้บ้านอาจจะเล็กไปซะหน่อย พอแม่เห็นแม่ก็เอามาพูดมาเล่าให้เราฟังว่าผู้ชายบ้านไม่มีอะไร อายุขนาดนี้แล้วไม่คิดจะทำการทำงาน คือเราเข้าใจบ้านเราเลยนะว่าเขาก็ต้องอยากให้เราได้คนที่ดูแลเราได้  แต่ใจเราตอนนี้คือแค่อยากมีใครสักคนที่พร้อมทำให้เราซึ่งตอนนี้เขาก็กำลังจะเปิดร้านพึ่งจะเริ่มเราตั้งใจจะเก็บเงินช่วยกันดูงาน  ในใจเราก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นคนนี้เลยทีเดียวเพียงแค่คิดว่าปัจจุบันเขายังคงดีกับเราสม่ำเสมอกับเราและพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่กับเรา ถึงตอนนี้เราก็ยังคงแอบคุยกับแฟนโดยที่ไม่ได้เจอกันเลย

      เคยถามเขาว่าเลิกกันไหมจะเหนื่อยตัวเขาซะเปล่าเพราะถึงยังไงบ้านเราก็รับเขาไม่ได้อยู่ดีและไม่คิดจะเปิดใจด้วย เป็นเราที่พลักเขาออกจากชีวิตเราแต่เขาเองก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าจะทำให้ได้จะทำทุกอย่างทุกทาง เราะก็ถามว่าเพราะอะไรยังต้องทำแค่จบๆกันไปไปเริ่มกับคนอื่นที่เขาพร้อมจะอยู่กับตัวเขาไม่ดีกว่าเหรอคำตอบเขาคือเขาบอก เราเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้มากมากแล้วดีมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงเขาก็จะไม่ยอมปล่อยเราไป ทุกวันนี้เราก็ยังคงรอดูให้โอกาสเขาและให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคนๆนึงจะทำให้เราได้มากแค่ไหนจะมีอยู่จริงไหมคนที่รักเราโดยไม่ได้หวังผล

       คำถามคือเราควรจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปจนกว่าเขาจะทำได้หรือควรจะทำยังไงดี  เพราะตัวเราเองก็ไม่กล้าจะบอกพ่อแม่เพราะรู้ว่าพ่อแม่ไม่โอเคแน่นอน ขอบคุณและฝากไว้ด้วยนะคะมันอาจไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดแต่เราอยากรู้ความคิดเห็นของเพื่อนๆหลายๆความคิดเห็นว่าคิดยังไงกับเรื่องนี้กันบ้างคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่