การศึกษาค้นคว้าธรรมะ ที่เป็นงูพิษ

กระทู้คำถาม
ภิกษุ !  ภิกษุในกรณีนี้  ย่อมเล่าเรียนปริยัติธรรม  (นานาชนิด)  คือ  สุตตะ  เคยยะ  เวยยากรณะ  คาถา  อุทาน  อิติวุตตกะ  ชาตกะ  อัพภูตธัมมะ  เวทัลละ ;  แต่เธอไม่รู้ทั่วถึงความหมายอันยิ่งแห่งธรรมนั้น ๆ ด้วยปัญญา.  ภิกษุนี้  เราเรียกว่า ผู้มากด้วยปริยัติ  (นักเรียน)  ยังมิใช่ธรรมวิหารี  (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
    อีกอย่างหนึ่ง,  ภิกษุ  แสดงธรรมตามที่ได้ฟังได้เรียนมา  แก่คนอื่นโดยพิสดาร,  แต่เธอไม่รู้ทั่วถึงความหมายอันยิ่งแห่งธรรมนั้น  ๆ  ด้วยปัญญา.  ภิกษุนี้  เราเรียกว่า  ผู้มากด้วยการบัญญัติ  (นักแต่ง)  ยังมิใช่ธรรมวิหารี  (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
    อีกอย่างหนึ่ง,  ภิกษุ  ทำการสาธยายธรรม  ตามที่ได้ฟังได้เรียนมาโดยพิสดาร,  แต่เธอไม่รู้ความหมายอันยิ่งแห่งธรรมนั้น ๆ ด้วยปัญญา.  ภิกษุนี้  เราเรียกว่า  ผู้มากด้วยการสวด  (นักสวด)  ยังมิใช่ธรรมวิหารี  (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
    อีกอย่างหนึ่ง,  ภิกษุ  คิดพล่านไปในธรรม  ตามที่ได้ฟังได้เรียนมา,  แต่เธอไม่รู้ทั่วถึงความหมายอันยิ่งแห่งธรรมนั้น  ๆ  ด้วยปัญญา.  ภิกษุนี้เราเรียกว่า  ผู้มากด้วยการคิด  (นักคิด)  ยังมิใช่ธรรมวิหารี  (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
    ๑.  บาลี  พระพุทธภาษิต  ปญฺจก.  อํ.  ๒๒/๑๐๐/๗๔,  ตรัสแก่ภิกษุรูปหนึ่งผู้ทูลถามเรื่องนี้.

    ภิกษุ !  ภิกษุในกรณีนี้  ย่อมเล่าเรียนปริยัติธรรม  (นานาชนิด)  คือ  สุตตะ  เคยยะ  เวยยากรณะ  คาถา  อุทาน  อิติวุตตกะ  ชาตกะ  อัพภูตธัมมะ  เวทัลละ,  เธอใช้เวลาทั้งวันให้เปลืองไปด้วยการเรียนธรรมนั้น  ต้องเริดร้างจากการหลีกเร้น  ไม่ประกอบซึ่งธรรมเป็นเครื่องสงบใจในภายใน.  ภิกษุนี้  เราเรียกว่า  ผู้มากด้วยปริยัติ  (นักเรียน)  ยังมิใช่ธรรมวิหารี  (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
    อีกอย่างหนึ่ง,  ภิกษุ  แสดงธรรมตามที่ได้ฟังได้เรียนมา  แก่คนอื่นโดยพิสดาร,  เธอใช้เวลาทั้งวันให้เปลืองไปด้วยการบัญญัติธรรมนั้น  ต้องเริดร้างจากการหลีกเร้น  ไม่ประกอบซึ่งธรรมเป็นเครื่องสงบใจในภายใน.  ภิกษุนี้  เราเรียกว่า  ผู้มากด้วยการบัญญัติ  (นักแต่ง)  ยังมิใช่ธรรมวิหารี  (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
    อีกอย่างหนึ่ง,  ภิกษุ  ทำการสาธยายธรรม  ตามที่ได้ฟังได้เรียนมาโดยพิสดาร,  เธอใช้เวลาทั้งวันให้เปลืองไปด้วยการสาธยายนั้น  ต้องเริดร้างจากการหลีกเร้น  ไม่ประกอบซึ่งธรรมเป็นเครื่องสงบใจในภายใน.  ภิกษุนี้  เราเรียกว่า  ผู้มากด้วยการสวด  (นักสวด)  ยังมิใช่ธรรมวิหารี  (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
    อีกอย่างหนึ่ง,  ภิกษุ  คิดพล่านไปในธรรมตามที่ได้ฟังได้เรียนมา,  เธอใช้เวลาทั้งวันให้เปลืองไปด้วยการคิดพล่านในธรรมนั้น  ต้องเริดร้างจากการหลีกเร้น  ไม่ประกอบซึ่งธรรมเป็นเครื่องสงบใจในภายใน.  ภิกษุนี้  เราเรียกว่า  ผู้มากด้วยการคิด  (นักคิด) ยังมิใช่ธรรมวิหารี  (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
๑.  บาลี  พระพุทธภาษิต  ปญฺจก.  อํ.  ๒๒/๙๘/๗๓,  ตรัสแก่ภิกษุรูปหนึ่งซึ่งทูลถามเรื่องนี้.

ภิกษุ ท. !  โมฆบุรุษบางพวกในกรณีนี้ เล่าเรียนปริยัติธรรม (นานาชนิด) คือ  สุตตะ  ฯลฯ  เวทัลละ,  พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น  ครั้นเล่าเรียนธรรมนั้น ๆ แล้วไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา ;  เมื่อไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความด้วยปัญญา  ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น  ย่อมไม่ทนต่อการเพ่งพิสูจน์๒  ของโมฆบุรุษเหล่านั้น.  พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น  เล่าเรียนธรรมด้วยการเพ่งหาข้อบกพร่อง (ของธรรมหรือของลัทธิใดลัทธิหนึ่ง) และมีความคิดที่จะใช้เป็นเครื่องทำลายลัทธิใดลัทธิหนึ่ง  เป็นอานิสงส์.  ผู้รู้ทั้งหลาย  เล่าเรียนพระปริยัติธรรม  เพื่อคุณประโยชน์อันใด  พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น  หาได้รับคุณประโยชน์อันนั้นแห่งธรรมไม่ ;  ธรรมทั้งหลายเหล่านั้นก็เลยเป็นธรรมที่โมฆบุรุษเหล่านั้นถือเอาไม่ดี  เป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล  เพื่อทุกข์แก่เขาเหล่านั้นตลอดกาลนาน.  ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?  เพราะความที่ธรรมทั้งหลายอันโมฆบุรุษเหล่านั้นถือเอาไม่ดีเป็นเหตุ.
    ภิกษุ ท. !  เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการใคร่จะได้งู  เที่ยวเสาะแสวงหางูอยู่.  บุรุษนั้น  ครั้น เห็นงูตัวใหญ่ก็เข้าจับงูนั้นที่ตัวหรือที่หาง,  อสรพิษตัวนั้น  ก็จะพึงกลับฉกเอามือหรือแขนหรืออวัยวะแห่งใดแห่งหนึ่งของบุรุษนั้น ;
บุรุษนั้น  ก็จะตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย  เพราะการฉกเอาของอสรพิษนั้น  เป็นเหตุ.  ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?  เพราะความที่บุรุษนั้นจับงูไม่ดี  (คือไม่ถูกวิธี)  เป็นเหตุ.  ข้อนี้ฉันใด ;
    ภิกษุ ท. !  โมฆบุรุษบางพวกในกรณีนี้  ก็ฉันนั้นเหมือนกัน :  เขาเล่าเรียนปริยัติธรรม (นานาชนิด) คือ  สุตตะ  ฯลฯ  เวทัลละ,  พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น  ครั้นเล่าเรียนธรรมนั้น ๆ  แล้ว  ไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความ  แห่งธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา ;  เมื่อไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความด้วยปัญญาธรรมทั้งหลายเหล่านั้น  ย่อมไม่ทนต่อการเพ่งพิสูจน์ของโมฆบุรุษเหล่านั้น ; โมฆบุรุษเหล่านั้น  เล่าเรียนธรรมด้วยการเพ่งหาข้อบกพร่อง  (ของธรรมหรือของลัทธิใดลัทธิหนึ่ง)  และมีความคิดที่จะใช้เป็นเครื่องทำลายลัทธิใดลัทธิหนึ่งเป็นอานิสงส์.  ผู้รู้ทั้งหลาย  เล่าเรียนปริยัติธรรม  เพื่อคุณประโยชน์อันใด,  โมฆบุรุษเหล่านั้น  หาได้รับคุณประโยชน์อันนั้นแห่งธรรมไม่ ;  ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น  ก็เลยเป็นธรรมที่โมฆบุรุษเหล่านั้นถือเอาไม่ดี เป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เขาเหล่านั้นตลอดกาลนาน.  ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะความที่ธรรมทั้งหลาย  อันโมฆบุรุษเหล่านั้นถือเอาไม่ดีเป็นเหตุ  แล.

    ///๑.  บาลี  พระพุทธภาษิต  อลคัททูปมสูตร  มู.  ม.  ๑๒/๒๖๗/๒๗๘,  ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย  ที่เชตวัน.
    ///๒. การเพ่งพิสูจน์ในที่นี้  หมายถึง  การเพ่งโทษ หรือเพ่งจับผิดรวมอยู่ด้วย.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่