ภิกษุ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนปริยัติธรรม (นานาชนิด)
คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ
อัพภูตธัมมะเวทัลละ ; และเธอย่อมรู้ทั่วถึงความหมายอันยิ่งแห่งธรรมนั้น ๆ
ด้วยปัญญา. ภิกษุอย่างนี้แล ชื่อว่า ธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
ภิกษุ ! ภิกษุผู้มากด้วยปริยัติเราก็แสดงแล้ว, ผู้มากด้วยการบัญญัติ
เราก็แสดงแล้ว, ผู้มากด้วยการสาธยายเราก็แสดงแล้ว, ผู้มากด้วยการคิดเรา
ก็แสดงแล้ว, และธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม) เราก็แสดงแล้ว ด้วย
ประการฉะนี้.
ภิกษุ ! กิจอันใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดู แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล อาศัย
ความเอ็นดูแล้ว จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย, กิจอันนั้น เราได้ทำแล้วแก่พวก
เธอทั้งหลาย. ภิกษุ ! นั่น โคนไม้ทั้งหลาย. นั่น เรือนว่างทั้งหลาย. ภิกษุ ! เธอ
ทั้งหลาย จงเพียรเผากิเลส, อย่าได้เป็นผู้ประมาท ; เธอทั้งหลายอย่าเป็นผู้ที่
ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย. นี่แล เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนเธอทั้งหลาย
ของเรา.
ผู้ไม่ใช่นกแก้วนกขุนทอง
คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ
อัพภูตธัมมะเวทัลละ ; และเธอย่อมรู้ทั่วถึงความหมายอันยิ่งแห่งธรรมนั้น ๆ
ด้วยปัญญา. ภิกษุอย่างนี้แล ชื่อว่า ธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม).
ภิกษุ ! ภิกษุผู้มากด้วยปริยัติเราก็แสดงแล้ว, ผู้มากด้วยการบัญญัติ
เราก็แสดงแล้ว, ผู้มากด้วยการสาธยายเราก็แสดงแล้ว, ผู้มากด้วยการคิดเรา
ก็แสดงแล้ว, และธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม) เราก็แสดงแล้ว ด้วย
ประการฉะนี้.
ภิกษุ ! กิจอันใด ที่ศาสดาผู้เอ็นดู แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล อาศัย
ความเอ็นดูแล้ว จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย, กิจอันนั้น เราได้ทำแล้วแก่พวก
เธอทั้งหลาย. ภิกษุ ! นั่น โคนไม้ทั้งหลาย. นั่น เรือนว่างทั้งหลาย. ภิกษุ ! เธอ
ทั้งหลาย จงเพียรเผากิเลส, อย่าได้เป็นผู้ประมาท ; เธอทั้งหลายอย่าเป็นผู้ที่
ต้องร้อนใจ ในภายหลังเลย. นี่แล เป็นวาจาเครื่องพร่ำสอนเธอทั้งหลาย
ของเรา.