Dr.Kobayashi Teruyoshi ผู้ช่วยอาจารย์ในมหาวิทยาลัย Kobe คณะเศรษฐศาสตร์กับ Dr.Charles Brummitt จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้เผยวิธีการคาดการณ์วิกฤติการณ์การเงินรูปแบบใหม่ (ห่วงโซ่ภาวะล้มละลาย) โดยมีการใช้เครือข่ายมัลติเพล็กซ์โมเดลในการดูภาวะหนี้สินธนาคารหลายแห่งที่ผิดแปลกไปจากเดิมก่อนหน้านี้ ผลลัพธ์นี้ได้มีการตีพิมพ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ในหัวข้อสาระสำคัญทางนิตยสารออนไลน์ American Physical Society
แม้ว่าการวิจัยจำนวนมากจะเน้นในเรื่องของการควบคุมความเสี่ยงในตลาดการเงิน เนื่องจากภาวะล้มละลายจาก Lehman Brothers ในปี 2008 ซึ่งเป็นตัวจุดชนวนที่ทำให้เกิดวิกฤตการเงิน โดยส่วนใหญ่จะมีการประยุกต์รูปแบบการวิเคราะห์ข้อมูลแบบรวบรัด ซึ่งเป็นรูปแบบข้อมูลที่ง่ายต่อการส่งผ่านไปยังเครือข่าย อย่างไรก็ตามการความเสี่ยงในการส่งผ่านด้วยวิธีการที่ซับซ้อนก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากตลาดการเงินจริงๆแล้วมีผู้คนจำนวนมากทำการซื้อขายกันอยู่ตลอดเวลา
เมื่อสถาบันทางการเงินอยู่ในภาวะล้มละลาย ทางด้านผู้ให้สินเชื่อที่ถือครองหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิก็สามารถที่จะชำระหนี้คืนสถาบันได้ ในขณะที่ผู้ให้สินเชื่อที่ไม่มีหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิก็ไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ รูปแบบวิกฤติการณ์ทางการเงินยังไม่มีความชัดเจนมากพอว่า จะมีความแตกต่างกันอย่างไรในความเสี่ยงที่จะไม่ชำระหนี้ เนื่องจากสิทธิการชำระหนี้ก็มีผลต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
ทางด้าน Dr.Kobayashi กับคณะของเขาก็ได้ใช้ระบบ “เครือข่ายมัลติเพล็กซ์” ในการหาค่าความแตกต่างระหว่างสิทธิในการชำระหนี้ ตัวอย่างเช่น พวกเขาได้อธิบายถึงการติดต่อซื้อขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิส่วนหนึ่งและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิอีกส่วนหนึ่ง โดยทั่วไปมาตรฐานของรูปแบบการเรียงระดับนั้น ทางด้านคณะของเขาก็ได้อธิบายถึงผลกระทบสาเหตุที่เกิดจากความแตกต่างในความเสี่ยงต่อการไม่ยอมชำระหนี้ในสิทธิพิเศษที่ไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้ว สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเงื่อนไขปัจจัยที่ทำให้เกิดโครงสร้างหนี้สินก่อตัวขึ้นมาในตลาดจนนำไปสู่วิกฤตทางการเงิน และพิสูจน์ได้ว่า เงื่อนไขปัจจัยต่างๆนี้มีความแม่นยำจริงเมื่อมาดูหลายสถานการณ์ด้วยกัน ต่อมาพวกเขาก็ยืนยันว่า เงื่อนไขปัจจัยที่ทำให้ระดับความเสี่ยงลดต่ำลงก็คือ อย่างน้อยหนี้สิน 50 % ของตลาดควรที่จะเป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
ตอนนี้ทางด้านคณะกรรมการ Basel ก็พบว่า ธนาคาร BIS เป็นแม่แบบในการวางกฎข้อบังคับการเงินโลกและทำให้แต่ละประเทศเริ่มร่างข้อบังคับขึ้นมา อย่างไรก็ตามการควบคุมการเงินจะต้องไม่ไปวิเคราะห์ว่า ความเสี่ยงที่มีความแปรปรวนมาจากสิทธิพิเศษในการชำระหนี้ในสถาบันทางการเงินหลายแห่ง งานวิจัยนี้เป็นตัวชี้วัดเรื่องนี้ได้ ทางด้าน Dr.Kobatashi ยืนยันหนักแน่นว่า ข้อบังคับใหม่ควรที่จะมีการหันกลับไปวิเคราะห์โครงสร้างภาวะหนี้สินที่เกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com
ทฤษฎีใหม่เผยให้เห็นว่า วิกฤติการณ์การเงินเกิดขึ้นได้อย่างไร
Dr.Kobayashi Teruyoshi ผู้ช่วยอาจารย์ในมหาวิทยาลัย Kobe คณะเศรษฐศาสตร์กับ Dr.Charles Brummitt จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้เผยวิธีการคาดการณ์วิกฤติการณ์การเงินรูปแบบใหม่ (ห่วงโซ่ภาวะล้มละลาย) โดยมีการใช้เครือข่ายมัลติเพล็กซ์โมเดลในการดูภาวะหนี้สินธนาคารหลายแห่งที่ผิดแปลกไปจากเดิมก่อนหน้านี้ ผลลัพธ์นี้ได้มีการตีพิมพ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ในหัวข้อสาระสำคัญทางนิตยสารออนไลน์ American Physical Society
แม้ว่าการวิจัยจำนวนมากจะเน้นในเรื่องของการควบคุมความเสี่ยงในตลาดการเงิน เนื่องจากภาวะล้มละลายจาก Lehman Brothers ในปี 2008 ซึ่งเป็นตัวจุดชนวนที่ทำให้เกิดวิกฤตการเงิน โดยส่วนใหญ่จะมีการประยุกต์รูปแบบการวิเคราะห์ข้อมูลแบบรวบรัด ซึ่งเป็นรูปแบบข้อมูลที่ง่ายต่อการส่งผ่านไปยังเครือข่าย อย่างไรก็ตามการความเสี่ยงในการส่งผ่านด้วยวิธีการที่ซับซ้อนก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากตลาดการเงินจริงๆแล้วมีผู้คนจำนวนมากทำการซื้อขายกันอยู่ตลอดเวลา
เมื่อสถาบันทางการเงินอยู่ในภาวะล้มละลาย ทางด้านผู้ให้สินเชื่อที่ถือครองหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิก็สามารถที่จะชำระหนี้คืนสถาบันได้ ในขณะที่ผู้ให้สินเชื่อที่ไม่มีหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิก็ไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ รูปแบบวิกฤติการณ์ทางการเงินยังไม่มีความชัดเจนมากพอว่า จะมีความแตกต่างกันอย่างไรในความเสี่ยงที่จะไม่ชำระหนี้ เนื่องจากสิทธิการชำระหนี้ก็มีผลต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
ทางด้าน Dr.Kobayashi กับคณะของเขาก็ได้ใช้ระบบ “เครือข่ายมัลติเพล็กซ์” ในการหาค่าความแตกต่างระหว่างสิทธิในการชำระหนี้ ตัวอย่างเช่น พวกเขาได้อธิบายถึงการติดต่อซื้อขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิส่วนหนึ่งและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิอีกส่วนหนึ่ง โดยทั่วไปมาตรฐานของรูปแบบการเรียงระดับนั้น ทางด้านคณะของเขาก็ได้อธิบายถึงผลกระทบสาเหตุที่เกิดจากความแตกต่างในความเสี่ยงต่อการไม่ยอมชำระหนี้ในสิทธิพิเศษที่ไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้ว สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเงื่อนไขปัจจัยที่ทำให้เกิดโครงสร้างหนี้สินก่อตัวขึ้นมาในตลาดจนนำไปสู่วิกฤตทางการเงิน และพิสูจน์ได้ว่า เงื่อนไขปัจจัยต่างๆนี้มีความแม่นยำจริงเมื่อมาดูหลายสถานการณ์ด้วยกัน ต่อมาพวกเขาก็ยืนยันว่า เงื่อนไขปัจจัยที่ทำให้ระดับความเสี่ยงลดต่ำลงก็คือ อย่างน้อยหนี้สิน 50 % ของตลาดควรที่จะเป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
ตอนนี้ทางด้านคณะกรรมการ Basel ก็พบว่า ธนาคาร BIS เป็นแม่แบบในการวางกฎข้อบังคับการเงินโลกและทำให้แต่ละประเทศเริ่มร่างข้อบังคับขึ้นมา อย่างไรก็ตามการควบคุมการเงินจะต้องไม่ไปวิเคราะห์ว่า ความเสี่ยงที่มีความแปรปรวนมาจากสิทธิพิเศษในการชำระหนี้ในสถาบันทางการเงินหลายแห่ง งานวิจัยนี้เป็นตัวชี้วัดเรื่องนี้ได้ ทางด้าน Dr.Kobatashi ยืนยันหนักแน่นว่า ข้อบังคับใหม่ควรที่จะมีการหันกลับไปวิเคราะห์โครงสร้างภาวะหนี้สินที่เกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com