ครองตลาด 42% ก็ไม่รอด! iRobot ยื่นล้มละลาย ปิดตำนานหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roomba เตรียมเปลี่ยนมือสู่บริษัทจีน
.
iRobot บริษัทผู้ผลิตและเจ้าของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นชื่อดังแบรนด์ ‘Roomba’ ได้ยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายตามมาตรา 11 (Chapter 11) ต่อศาลในรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) ที่ผ่านมา โดยบริษัทเตรียมเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทเอกชนหลังจากกระบวนการเข้าซื้อกิจการโดย Picea Robotics เสร็จสิ้น ซึ่ง Picea เป็นบริษัทสัญชาติจีนและเป็นโรงงานคู่สัญญาหลักที่รับจ้างผลิตสินค้าให้กับ iRobot มาโดยตลอด
.
สถานการณ์ของบริษัทเข้าขั้นวิกฤตจากการแข่งขันที่รุนแรงและปัญหากำแพงภาษี แม้ในปี 2024 บริษัทจะมีรายได้รวมประมาณ 682 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 21,469 ล้านบาท) แต่ผลกำไรกลับลดลงอย่างมากจากการถูกแย่งชิงฐานลูกค้าโดยแบรนด์คู่แข่งจากจีนอย่าง Ecovacs Robotics ที่ทำราคาได้ต่ำกว่า
แม้ปัจจุบัน iRobot จะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 42% ในสหรัฐฯ และ 65% ในญี่ปุ่น แต่การรักษาสถานะผู้นำตลาดทำให้บริษัทจำเป็นต้องลดราคาสินค้าลงเพื่อสู้กับคู่แข่ง และต้องลงทุนมหาศาลเพื่อยกระดับเทคโนโลยี ตามข้อมูลที่ระบุในเอกสารยื่นล้มละลาย ส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง
.
นอกจากนี้ มาตรการภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ ยังซ้ำเติมสถานการณ์ให้แย่ลง โดยเฉพาะการเก็บภาษี 46% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากเวียดนาม ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของ iRobot การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นถึง 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 724 ล้านบาท) ในปี 2025 และทำให้การวางแผนธุรกิจในอนาคตเป็นไปอย่างยากลำบาก
.
ก่อนหน้านี้ iRobot เคยมีความหวังที่จะฟื้นตัวผ่านการถูกเข้าซื้อกิจการโดย ด้วยมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 53,516 ล้านบาท) แต่ดีลดังกล่าวต้องล่มไปในปีที่แล้ว โดย Amazon ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะ ‘อุปสรรคทางกฎระเบียบที่มากเกินความจำเป็น’ หลังจากสหภาพยุโรปคัดค้านดีลนี้
.
ความล้มเหลวของดีล Amazon ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาระหนี้สินของ iRobot สาเหตุมาจากในช่วงที่รอการพิจารณาดีลซึ่งกินเวลานาน บริษัทจำเป็นต้องกู้เงินก้อนใหญ่ในปี 2023 มาเพื่อใช้หมุนเวียนในกิจการ แต่เมื่อดีลล่มลงและไม่ได้รับเงินทุนจาก Amazon ตามที่คาดไว้ เงินกู้ก้อนนั้นจึงกลายเป็นหนี้สินคงค้างมูลค่ากว่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,981 ล้านบาท) ที่บริษัทแบกรับไม่ไหว
.
เมื่อแผนการขายกิจการล้มเหลวและ iRobot เริ่มขาดสภาพคล่องในการชำระเงินค่าจ้างผลิตให้กับ Picea ทางบริษัทจีนรายนี้จึงแก้ปัญหาด้วยการเข้าซื้อหนี้ของ iRobot ต่อจากกลุ่มกองทุน Carlyle Group ทำให้ผู้ผลิตรายนี้กลายมาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของ iRobot แทน
.
ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ Picea จะเข้ามาถือหุ้นทั้งหมดของบริษัท 100% โดยแลกกับการยกเลิกหนี้เงินกู้ 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้ค่าจ้างผลิตอีก 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,329 ล้านบาท) ที่ iRobot ติดค้างอยู่ ส่วนเจ้าหนี้รายอื่นและซัพพลายเออร์จะได้รับชำระเงินเต็มจำนวนตามปกติ
.
ครั้งหนึ่งมูลค่าของ iRobot ที่เคยพุ่งสูงถึง 3.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.12 แสนล้านบาท) ในช่วงปี 2021 แต่ปัจจุบันประเมินว่าเหลือมูลค่าเพียงราว 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,407 ล้านบาท) เท่านั้น
.
แกรี่ โคเฮน ซีอีโอของ iRobot กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมสร้างสถานะทางการเงินของเรา และจะช่วยให้เราดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง” โดยบริษัทยืนยันว่าระหว่างกระบวนการนี้ การใช้งานแอปพลิเคชัน, การบริการลูกค้า และการสนับสนุนสินค้าจะยังคงดำเนินไปตามปกติ
.
บริษัทคาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการล้มละลายภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2026 และจะถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือเป็นการปิดฉากยุคของผู้บุกเบิกวงการหุ่นยนต์ที่ก่อตั้งในปี 1990 โดยศิษย์เก่าจาก MIT และสร้างชื่อเสียงโด่งดังจากการเปิดตัว Roomba ในปี 2002 โดยหลังจากนี้ iRobot จะมุ่งเน้นการลดหนี้และฟื้นฟูธุรกิจภายใต้เจ้าของใหม่สัญชาติจีนต่อไป
.
ภาพ : Karlis Dambrans / Shutterstock
.
หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 31.48 บาท ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2568
.
ที่มา : THE STANDARD WEALTH
ครองตลาด 42% ก็ไม่รอด! iRobot ยื่นล้มละลาย ปิดตำนานหุ่นยนต์ดูดฝุ่น