สวัสดีครับ เมื่อวันที่ 22-23 ตุลาคม ผมมีโอกาสได้ขึ้นภูสอยดาว เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังครับ
ผมมีความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทางช้างเผือกมานานแล้ว ประจวบเหมาะกับคุณแฟนอยากพิชิตภูสอยดาว
นี่จึงเป็นการล่าช้างครั้งแรกของผม ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 4 คนครับ ขับรถกันไปจากกรุงเทพ นอนพักในอําเภอชาติตระการหนึ่งคืน
เช้ามาถึงอุธยานแห่งชาติภูสอยดาว ก็มาลงทะเบียนนักท่องเที่ยวตรงนี้เลยครับ ค่าเข้าคนละ 40 บาท ค่าจอดรถ 30 บาทครับ
ชำระเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาจุดรับส่งนักท่องเที่ยว เพื่อเช่าเต็นท์ผมเช่าในราคาเหมา 800 บาทต่อเต็นท์(เต็นท์ละ 2 คน) สำหรับ 1 คืน
แล้วก็มาชั่งน้ำหนักกระเป๋าเพื่อจ้างลูกหาบ กิโลกรัมละ 30 บาท และค่ามัดจำขยะ 200 บาทครับ ลองชั่งใบที่ผมจะแบกขึ้นไปเองดู 10.05 กิโลกรัม
พร้อมแล้วเราก็ไปขึ้นรถ รถจะไปส่งเราที่น้ำตกภูสอยดาว จุดทางขึ้นภูครับ
หน้าตาก่อนขึ้นครับ แจ่มใสสบายๆ เด่วรู้เลย ฮาาา
เราเริ่มขึ้นตอน 9:11 ครับ ต่อไปเป็นบรรยากาศระหว่างทางครับ
เราจะต้องผ่านเนินวัดใจทั้ง 5 เนิน ซึ่งแต่ละเนินมีความทรหดและความยากง่ายแตกต่างกันไปครับ
1. เนินส่งญาติ เนินนี้ผมว่าชิวๆ เดินง่ายครับ มีระยะทางประมาณ 650 เมตร
2. เนินปราบเซียน เนินนี้เป็นทางสูงชัน ระยะทางทั้งหมดของเนินปราบเซียนค่อนข้างไกลครับ หน้าตาเริ่มเปลี่ยน ฮาๆ
3. เนินป่าก่อ เป็นเส้นทางที่ไม่ชันมาก มองไปรอบ ๆ จะเจอเข้ากับ "ต้นก่อ" อยู่เต็มบริเวณ
4. เนินเสือโคร่ง มีที่มาจาก "ต้นกำลังเสือโคร่ง" เนินนี้ผมยอมครับเป็นทางชันมากๆ หินเยอะสุดๆ
5. เนินมรณะ ที่อยากจะมรณา เป็นช่วงที่ชันที่สุดของเส้นทางภูสอยดาว ชันแบบติดต่อกันตลอดทาง สงสารขาตัวเองมาก TT
ระหว่างทางก็จะเจอกับพี่ลูกหาบเรื่อยๆ เท่าที่ถามมาน้ำหนัก 30 - 50 กิโล สำหรับผู้ชาย โอ้ว.... อยากลองของ เลยขอลองแบกดูบ้าง หึหึ ยังไม่ต้องเดิน แค่ยกให้ขึ้นก็ลำบากแล้วครับ TT
ตรงเนินเสือโคร่ง และเนินมรณะมีโขดหินที่ไปยืนถ่ายรูปแล้วได้ฉากหลังเป็นภูเขา สวยสุดๆ ร้องว๊าวแบบหายเหนื่อยเลยครับ
ตั้งแต่เนินมรณะขึ้นมามีฝนตกตลอดทางครับ ยิ่งทำให้เดินยากขึ้นไปอีก
และแล้วเราก็ถึงลานสนครับ เห็นความสวยแล้ว ขากลับมามีแรกอีกครั้ง ดอกหงอนนาคยังมีอยู่ครับ แต่ไม่เยอะเท่าไหร่แล้ว ถึงลานกางเต็นท์เวลา 14:47 ถือว่าทำเวลาดีเลยทีเดียว
จากนั้นก็ไปรับอุปกรณ์ที่เราเช่า พวกถุงนอน หมอน เตาแก๊ส ถังน้ำ กับ ขันน้ำ อันนี้สำคัญมากๆครับ เพราะต้องไปตักน้ำจากลำธารมาใช่อาบน้ำ ล้างจานครับ ตอนเราขึ้นมาถึงลูกหาบยังมาไม่ถึง เสื้อผ้าและเสบียงก็อยู่ที่ลูกหาบ ฟังจากเจ้าหน้าที่เล่าว่าเมื่อวานคนขึ้นภูเยอะมาก ประมาณ 500 คน ลูกหาบคนสุดท้ายขึ้นมาถึงประมาณหนึงทุ่ม เราเลยนอนรอครับ ประมาณ สี่โมงครึ่ง ลูกหาบของเราก็มาถึง เริ่มทำกับข้าวกันครับ มื้อนี้มี ลาบหมู ส้มตำ(ฝากลูกหาบที่เดินสวนกันตอนขึ้นซื้อ เค้าบอกว่าจะขึ้นมาอีกตอนบ่าย) และแกงส้ม(แกงเหลือง)ครับ
อาบน้ำกินข้าวเสร็จแล้วไปรอดูพระอาทิตย์ตกครับ คืนนี้เราจะไปล่าช้างกัน
ช่วงที่จะเห็นใจกลางช้าง ผมดูจาก App Planets โหลดได้ทั้ง Android และ ios อยู่ที่ประมาณหนึ่งทุ่มครับ ออกมาเห็นเมฆเยอะมาก คิดว่าคงคว้าน้ำเหลวแน่ๆ ใจนี้ไปแล้ว
หลังจากนั้นโชคก็เข้าข้างผม ฝนเริ่มมาครับ ผมกลับมาเต็นท์นอนรอด้วยความหวัง ประมาณสองทุ่มครึ่งฝนหยุดคร้าบบบ โย้ว... รีบหยิบกล้องออกมาดูฟ้า แม่จ้าว เมฆไปเกือบหมดแล้ว ฟ้านี่ใสกิ๊ก แล้วผมก็หาช้างจนเจอ ^^ ผมใช่สูตร Rule of 400/600 หาอ่านตามในเน็ตมาครับ ฮาๆ ผมใช้กล้องฟลูเฟรม ให้นำ 600 หาร ระยะเลนส์ จะเท่ากับ เวลาในการเปิดรับแสงเข้ามาหรือสปีดชัตเตอร์ค้างไว้ เช่นผมใช้ระยะ 17mm จะได้ 600/17 = 35 วินาที
แต่เมื่อผมลองเปิด 30 วินาที ยังรู้สึกเหมือนดาวยังเลื่อนๆ ไม่เป็นดวงเมื่อซูมดู เลยเปิดที่ 25 วินาที และดัน iso ที่ 4000 ครับ จากนั้นให้โฟกัสผ่าน Live view โดยแมนนวลโฟกัส รูปที่ได้มาก็ประมาณนี้ครับ
สองใบนี้ใช้แฟลชโทรศัพท์ ระบายไปตรงต้นไม้ที่เราอยากให้สว่างครับ
***นี่เป็นการเขียนรีวิว ครั้งแรกของผม หวังว่าเพื่อนๆคงชอบ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
[CR] ภาระกิจล่าช้าง ที่ภูสอยดาว
สวัสดีครับ เมื่อวันที่ 22-23 ตุลาคม ผมมีโอกาสได้ขึ้นภูสอยดาว เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังครับ
ผมมีความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทางช้างเผือกมานานแล้ว ประจวบเหมาะกับคุณแฟนอยากพิชิตภูสอยดาว
นี่จึงเป็นการล่าช้างครั้งแรกของผม ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 4 คนครับ ขับรถกันไปจากกรุงเทพ นอนพักในอําเภอชาติตระการหนึ่งคืน
เช้ามาถึงอุธยานแห่งชาติภูสอยดาว ก็มาลงทะเบียนนักท่องเที่ยวตรงนี้เลยครับ ค่าเข้าคนละ 40 บาท ค่าจอดรถ 30 บาทครับ
ชำระเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาจุดรับส่งนักท่องเที่ยว เพื่อเช่าเต็นท์ผมเช่าในราคาเหมา 800 บาทต่อเต็นท์(เต็นท์ละ 2 คน) สำหรับ 1 คืน
แล้วก็มาชั่งน้ำหนักกระเป๋าเพื่อจ้างลูกหาบ กิโลกรัมละ 30 บาท และค่ามัดจำขยะ 200 บาทครับ ลองชั่งใบที่ผมจะแบกขึ้นไปเองดู 10.05 กิโลกรัม
พร้อมแล้วเราก็ไปขึ้นรถ รถจะไปส่งเราที่น้ำตกภูสอยดาว จุดทางขึ้นภูครับ
หน้าตาก่อนขึ้นครับ แจ่มใสสบายๆ เด่วรู้เลย ฮาาา
เราเริ่มขึ้นตอน 9:11 ครับ ต่อไปเป็นบรรยากาศระหว่างทางครับ
เราจะต้องผ่านเนินวัดใจทั้ง 5 เนิน ซึ่งแต่ละเนินมีความทรหดและความยากง่ายแตกต่างกันไปครับ
1. เนินส่งญาติ เนินนี้ผมว่าชิวๆ เดินง่ายครับ มีระยะทางประมาณ 650 เมตร
2. เนินปราบเซียน เนินนี้เป็นทางสูงชัน ระยะทางทั้งหมดของเนินปราบเซียนค่อนข้างไกลครับ หน้าตาเริ่มเปลี่ยน ฮาๆ
3. เนินป่าก่อ เป็นเส้นทางที่ไม่ชันมาก มองไปรอบ ๆ จะเจอเข้ากับ "ต้นก่อ" อยู่เต็มบริเวณ
4. เนินเสือโคร่ง มีที่มาจาก "ต้นกำลังเสือโคร่ง" เนินนี้ผมยอมครับเป็นทางชันมากๆ หินเยอะสุดๆ
5. เนินมรณะ ที่อยากจะมรณา เป็นช่วงที่ชันที่สุดของเส้นทางภูสอยดาว ชันแบบติดต่อกันตลอดทาง สงสารขาตัวเองมาก TT
ระหว่างทางก็จะเจอกับพี่ลูกหาบเรื่อยๆ เท่าที่ถามมาน้ำหนัก 30 - 50 กิโล สำหรับผู้ชาย โอ้ว.... อยากลองของ เลยขอลองแบกดูบ้าง หึหึ ยังไม่ต้องเดิน แค่ยกให้ขึ้นก็ลำบากแล้วครับ TT
ตรงเนินเสือโคร่ง และเนินมรณะมีโขดหินที่ไปยืนถ่ายรูปแล้วได้ฉากหลังเป็นภูเขา สวยสุดๆ ร้องว๊าวแบบหายเหนื่อยเลยครับ
ตั้งแต่เนินมรณะขึ้นมามีฝนตกตลอดทางครับ ยิ่งทำให้เดินยากขึ้นไปอีก
และแล้วเราก็ถึงลานสนครับ เห็นความสวยแล้ว ขากลับมามีแรกอีกครั้ง ดอกหงอนนาคยังมีอยู่ครับ แต่ไม่เยอะเท่าไหร่แล้ว ถึงลานกางเต็นท์เวลา 14:47 ถือว่าทำเวลาดีเลยทีเดียว
จากนั้นก็ไปรับอุปกรณ์ที่เราเช่า พวกถุงนอน หมอน เตาแก๊ส ถังน้ำ กับ ขันน้ำ อันนี้สำคัญมากๆครับ เพราะต้องไปตักน้ำจากลำธารมาใช่อาบน้ำ ล้างจานครับ ตอนเราขึ้นมาถึงลูกหาบยังมาไม่ถึง เสื้อผ้าและเสบียงก็อยู่ที่ลูกหาบ ฟังจากเจ้าหน้าที่เล่าว่าเมื่อวานคนขึ้นภูเยอะมาก ประมาณ 500 คน ลูกหาบคนสุดท้ายขึ้นมาถึงประมาณหนึงทุ่ม เราเลยนอนรอครับ ประมาณ สี่โมงครึ่ง ลูกหาบของเราก็มาถึง เริ่มทำกับข้าวกันครับ มื้อนี้มี ลาบหมู ส้มตำ(ฝากลูกหาบที่เดินสวนกันตอนขึ้นซื้อ เค้าบอกว่าจะขึ้นมาอีกตอนบ่าย) และแกงส้ม(แกงเหลือง)ครับ
อาบน้ำกินข้าวเสร็จแล้วไปรอดูพระอาทิตย์ตกครับ คืนนี้เราจะไปล่าช้างกัน
ช่วงที่จะเห็นใจกลางช้าง ผมดูจาก App Planets โหลดได้ทั้ง Android และ ios อยู่ที่ประมาณหนึ่งทุ่มครับ ออกมาเห็นเมฆเยอะมาก คิดว่าคงคว้าน้ำเหลวแน่ๆ ใจนี้ไปแล้ว
หลังจากนั้นโชคก็เข้าข้างผม ฝนเริ่มมาครับ ผมกลับมาเต็นท์นอนรอด้วยความหวัง ประมาณสองทุ่มครึ่งฝนหยุดคร้าบบบ โย้ว... รีบหยิบกล้องออกมาดูฟ้า แม่จ้าว เมฆไปเกือบหมดแล้ว ฟ้านี่ใสกิ๊ก แล้วผมก็หาช้างจนเจอ ^^ ผมใช่สูตร Rule of 400/600 หาอ่านตามในเน็ตมาครับ ฮาๆ ผมใช้กล้องฟลูเฟรม ให้นำ 600 หาร ระยะเลนส์ จะเท่ากับ เวลาในการเปิดรับแสงเข้ามาหรือสปีดชัตเตอร์ค้างไว้ เช่นผมใช้ระยะ 17mm จะได้ 600/17 = 35 วินาที
แต่เมื่อผมลองเปิด 30 วินาที ยังรู้สึกเหมือนดาวยังเลื่อนๆ ไม่เป็นดวงเมื่อซูมดู เลยเปิดที่ 25 วินาที และดัน iso ที่ 4000 ครับ จากนั้นให้โฟกัสผ่าน Live view โดยแมนนวลโฟกัส รูปที่ได้มาก็ประมาณนี้ครับ
สองใบนี้ใช้แฟลชโทรศัพท์ ระบายไปตรงต้นไม้ที่เราอยากให้สว่างครับ
***นี่เป็นการเขียนรีวิว ครั้งแรกของผม หวังว่าเพื่อนๆคงชอบ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น