อยู่กันมา23ปีล่ะ อันนี้รวมคบกันด้วยนะ

เดียร์ขอเริ่มเล่าแต่แรกเลยนะ เดียร์กะแฟน(พี่เค)เจอกันที่มหาลัยรามคำแหง ที่รามฯจะมีซุ้ม เราอยู่ซุ้มหอวัง พี่เคเป็นรุ่นพี่ เดียร์เป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง เราห่างกันปีนึง ตอนเจอครั้งแรก เดียร์ปิ๊งเลยอ่ะ แว๊บแรกที่เห็นผู้ชายคนนี้สูง ขาว ตรงสเปคเลยแร่ะ แต่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ก็หวัดดีไป ( เราเรียนอยู่โรงเรียนหอวังเหมือนกัน แต่ไม่เคยเจอกันเลย ที่น่าแปลกคือพี่เคเคยเล่นดนตรีงานปัจฉิมเดียร์ด้วยตอนเดียร์จบม.6 พี่เคจะพูดว่า เชอะ หน้าตาอย่างนี้ถึงเจอในโรงเรียนก็ไม่เข้าสายตาเหรอ...หึหึ )
ที่ซุ้มจะมีกิจกรรมรับน้องภายในคือที่มหาลัย รับน้องภายนอกคือไปต่างจังหวัด
ตอนรับน้องภายใน รุ่นพี่ก็จะตั้งฐาน ฐานพี่เคก็จะเล่าเรื่องตลก ถ้าน้องคนไหนขำก็จะโดนป้ายสี ถ้าน้องไม่ขำ รุ่นพี่ก็จะโดนป้ายแทน ปรากฏว่าเดียร์ไม่ขำจ้า พี่เคโดนป้ายสีไปเต็มๆ 55 และตอนไปรับน้องต่างจังหวัด ก็จะมีการเล่นบัดดี้กัน เราก็แบบว่าบัดดี้เราไมไม่ให้อะไรเลยว่ะ แต่มีพี่ผู้หญิงจะมาถามโน่นนี่ ก็เริ่มสงสัย เคยได้กล้วยกวนแค่ถุงเดียว คิดในใจบัดดี้เราขี้งกจัง พอเฉลยพี่เคเป็นบัดดี้เดียร์เอง พี่เคว่าเค้าจับได้เพื่อนตัวเองเลยขอเปลี่ยนเลยได้เป็นเดียร์แทน พอกลับมากรุงเทพก็ถ่ายรูปคู่กันก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะถ่ายกันทุกคน พี่เคว่าเอารูปไปให้แม่ดูแล้วบอกแม่ว่านี่แฟนใหม่
หลังจากนั้นไปเรียนเจอกัน ก็หวัดดีกันปกติ พอตอนกลับบ้านอยู่ดีๆ พี่เคก็มาบอกว่าจะไปส่งบ้าน งงเลย เพื่อนพี่เคบอกว่าเฮ้ยบ้านไอ้เดียร์มันไกลนะ อยู่รังสิตโน่น ไปลำบาก รถติดนะ แต่พี่เคก็ยังยืนยันว่าจะไปส่ง ก็งงๆ แปลกๆ แล้วพี่เคก็ถามว่าพรุ่งนี้เรียนที่ไหน ปกติเด็กปีหนึ่งจะมีไปเรียนที่รามคำแหงบางนา เดียร์ก็บอกว่าพรุ่งนี้มีเรียนบางนา ออกบ้านตีห้าครึ่ง พี่เคว่าเดี๋ยวมารอไปด้วย วันรุ่งขึ้นเช้ามืดเดินออกมาป้ายรถเมล์ ตกใจเลย เอ้ยพี่เคมายืนรออยู่ป้ายรถเมล์จ้า ...เอ้อคิดในใจมันเอาจิงว่ะ
มาวันนึงกลับบ้านบนรถปอ.95 พี่เคก็พูดว่าเป็นแฟนกันมั๊ย เดียร์มองหน้า แล้วก็ตอบว่าลองคบกันก็ได้.....ยิ้มมมมม แล้วพี่เคก็ไปรับไปส่งตลอดมา
ตอนนั้นพี่เคโดนกีดกันจากเพื่อนๆ เราด้วย เพื่อนเราไม่แน่ใจในตัวพี่เค พี่เคพิสูจน์ตัวเองอยู่ปีนึงมั้ง จนเพื่อนเราใจอ่อน พี่เคพาเราไปบ้านไปแนะนำให้พ่อ แม่ รู้จัก พ่อกับแม่พี่เคใจดีเป็นครอบครัวสมัยใหม่เลี้ยงลูกแบบฟรีสไตล์ไม่บังคับ ก็มีป้าของเดียร์ที่ไม่ค่อยชอบพี่เค คอยจับตาดูเดียร์ตลอด ว่าไปไหน กลับกี่โมง เค้าคงเป็นห่วงตามประสาผู้ใหญ่ เดียร์ก็กลัวๆแต่ก็คิดว่าเราไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่ แต่ย่าของเดียร์ชอบพี่เคนะ เจอกันทีไรคุยกันถูกคอ พ่อเดียร์ก็โอเคนะ ไม่เห็นพูดอะไร แต่พ่อพี่เคนะเด็ดมาก พอรู้ว่าพ่อเดียร์กลับจากตปท อยู่ดีๆก็นัดกินข้าวเลย แถมมาบ้านด้วย มาคุยกับย่าด้วยงงเลย

จนเดียร์เรียนถึงปีสองก็ป่วย โดยหาสาเหตุไม่ได้ คือมันจะเป็นไข้ตอนเย็นทุกวัน กินพาราแล้วก็หาย พอวันรุ่งขึ้นก็เป็นอีก ไปหาหมอหลายที่ จนอยู่ดีๆก็น็อคไปจนต้องส่งโรงพยาบาล กว่าจะรู้ว่าเป็นSLE เกือบแย่ เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดแดงโดนทำลายจนเหลือน้อย เป็นไข้40องศา จนหน้าไหม้ ปากเบิร์นกันไปเลย ต้องให้เลือด ให้ออกซิเจน น้ำท่วมปอด ( โรค SLE คือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เม็ดเลือดขาวผิดปกติ ปกติมันจะทำลายเชื้อโรค แต่ตอนนี้มันทำลายเนื้อเยื่อทุกอย่างในร่างการด้วย ) วอร์ดที่เดียร์นอนเค้าไม่ให้ญาตินอนเฝ้าแต่อาการหนักเลยให้เป็นกรณีพิเศษ ...พี่เคมาเฝ้าตอนกลางคืนทุกวัน ...ซื้อข้าวมาให้กินทุกคืน ...โดยนอนบนเก้าอี้ไม้ยาวๆ เพราะไม่มีที่นอน บางทีก็ไปนอนในรถ ห้องที่เดียร์นอนเป็นห้องรวม 5 คน เดียร์อยู่จนคนในห้องจากไปทีละคน มียายเตียงข้างๆปั๊มหัวใจทั้งคืน ตายไปตอนไหนไม่รู้ ตอนเช้ามีเจ้าหน้าที่มาเข็นไป ที่นี่จะมีกางร่มดำด้วย พี่เคว่าเห็นคนตายทุกวันเลยไม่กลัวผีเลย ตีหนึ่งตีสองไปขึ้นลิฟท์ลงลิฟท์ไปซื้อของคนเดียว เลยรู้สึกปลงไปแล้วมั้ง

โรคมันทำลายไต จนตัวบวม โดนเจาะไตด้วยแหละ กลัวมาก ตอนอยู่ในห้องเจาะโคดกลัวอ่ะ มันเงียบ แอร์เย็น มีคนเจาะก่อนหน้าสองคน เดียร์คนที่สาม เค้าคงกลัวเหมือนกัน เห็นหมอบ่นอีกสองคนว่าบลาๆๆ ยิ่งกลัวไปอีก (การเจาะไตคือเจาะตรงบั้นเอวข้างหลัง โดยให้คนไข้หายใจเข้าลึกๆแล้วกลั้นไว้ ไตมันจะอยู่สูงขึ้นมาก็เจาะเลยจ้า คนไข้รู้สึกตัวตลอด) เดียร์ก็ทำตามที่หมอบอก ทีเดียวได้เลย เสร็จแร่ะ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด มีแผลรอยเข็มเจาะนิดเดียว เดียร์นอนโรงพยาบาล 1เดือน หมอให้กลับบ้าน และนัดมาตรวจเป็นระยะ
ตอนรู้ตัวว่าเป็น SLE ก็งงๆ อึนๆ กลัวๆ เข้าไปหาข้อมูลในเน็ต ว่าต้องปฎิบัติตัวยังไง โรคนี้รักษาไม่หายต้องกินยาตลอดชีวิต ห้ามมีลูกถ้ามีจะทำให้โรคกำเริบ เดียร์เลยบอกพี่เคว่า ถ้าคบกันไป เดียร์มีลูกไม่ได้นะ จะเลิกกันก็ได้ ...แต่พี่เคบอกว่าไม่เห็นเป็นไร ก็ไม่มีลูกก็ได้ ก็อยู่กันสองคนก็ได้นิ 🙏🙏🙏
โรคนี้รักษาตามอาการ เดียร์ดร็อปเรียนไปเทอมนึง ให้คีโมไปคอร์สนึงก็เริ่มดีขึ้น ผมร่วงด้วย ก็เลยคิดว่า ยังไงฉันต้องไม่ตาย ถ้าฉันตายแก้ก็ตายเจ้าSLE ถ้าฉันอยู่แกก็อยู่ อยู่กันไปแบบนี้แร่ะ ก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติ ห้ามเครียด ห้ามตากแดด จนเรียนจบทำงาน เราทำงานที่เดียวกัน ก็ยังไปส่งเหมือนเดิน จนเดียร์ย้ายที่ทำงานมาตรวจบัญชีเพราะอยากเก็บชั่วโมงสอบaudit

งานตรวจบัญชีต้องไปนับสต็อกไปตรวจบัญชีตามบริษัทต่างๆ เวลาหน้างบเดือนพฤษภาคม บริษัทต่างๆต้องส่งงบให้สรรพากร ต้องทำงานกันแต่เช้ายันดึก เดียร์จะนอนที่ออฟฟิศเพื่อว่าสะดวกไปต้องตื่นเช้ามาก เก็บชั่วโมงนอน เป็นอย่างนี้ตลอดเดือน จนขาเริ่มไม่มีแรง เดินขึ้นรถเกือบยกขาไม่ไหว ผอมมาก หนัก39กิโลเองอาการเริ่มบ่งบอกแต่ไม่ทันคิด พอส่งงบวันสุดท้าย สิ้นเดือนพค 45 วันรุ่งขึ้น พี่เคเล่าว่าร้องคาราโอเกะกันอยู่ดี ก็นิ่งไปเลย ก็พากันอุ้มส่งรพ. ตอนนั้นเดียร์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พี่เคว่าจะปีนลงจากเตียง จะกลับบ้านอย่างเดียว จำใครไม่ได้เลย ...จำพี่เคได้คนเดียว กินอาหารเองไม่ได้ คือไม่สามารถเอามือจับช้อนเอาอาหารเข้าปากเองได้ น้ำลายไหลเหมือนเด็กปัญญาอ่อน เพราะสมองถูกทำลาย รู้ว่าต้องยกช้อนแต่ยกไม่ได้ เขียนหนังสือไม่ได้ ต้องมาหัดเขียนหนังสือใหม่ พี่เคต้องโทรบอกพ่อเดียร์ที่อยู่ตปท ว่าเดียร์ไม่ไหวแล้วครับ กลับมาดูหน่อยครับ ตอนนั้นเดียร์โดนฉีดยาทุกวัน วันละสองเข็ม เช้าเย็น คือเสียบเข็มคาไว้เลย เจาะแขนซ้าย แขนขวา ขาซ้าย ขาขวา สลับกันไป มีวันนึงพี่เคจะพาเดินไปแปรงฟัน พอลงจากเตียงจะยืน ก็ล้มลงไปเลย ขาไม่มีแรง นึกในใจ เอ้ยเราเดินไม่ได้เหรอ หรือนอนนานจนขาไม่มีแรง ตอนนั้นยังเบลอๆ เอ๋อเอ๋ออยู่ และก็โดนเจาะไขสันหลัง ไขสันหลังถูกทำลาย ก็เลยเดินไม่ได้ พลิกตัวเองไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้เลย ต้องใส่แพมเพิร์ท เป็นแผลกดทับ ป้าให้ญาติที่เป็นลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงมานอนเฝ้า พ่อบินกลับมาดูแล ตอนนั้นรู้สึกดีที่มีคนดูแล ได้ใกล้ชิดกะพ่อทุกวัน พี่เคก็มาทุกวัน มีญาติ มีเพื่อนมาหา ใครถามอยากกลับบ้านไหม ตอบว่าไม่อยาก ตอบเหมือนเด็ก อาการเริ่มดีขึ้น ไข้เป็นทุกวันแต่ไม่สูงมาก หมอก็ให้ไปกายภาพ อุดฟัน ขูดหินปูน นอนอยู่รพ.เดือนนึง หมอให้กลับบ้าน เพราะไม่มีไข้แล้ว

ตอนนั้นเดียร์อยู่คนเดียว พ่อกลับตปทไปแล้ว ป้าเลยเอาเดียร์ไปฝากไว้กับพ่อกับแม่ที่เคยเลี้ยงเดียร์มาตอนเด็กๆ เดียร์เรียกทั้งสองท่านว่าพ่อกับแม่ พี่เครับเดียร์จากรพ. ไปส่งที่บ้านท่านทั้งสอง อยู่ได้เดือนนึงเค้าดูแลไม่ไหว เพราะต้องอุ้มไปอาบน้ำ คืออุ้มไม่ไหวเจ็บหลัง ตอนนั้นเดียร์อ้วนขึ้นแล้ว โดนขุน แล้วอยู่ดีๆป้าของเดียร์ก็เอารถมารับไปอยู่บ้านป้าโดยที่พี่เคไม่รู้ กะว่าจะให้เลิกกันก่อนที่เดียร์จะถูกทิ้ง ป้าบอกว่า " เดินไม่ได้อย่างนี้ผู้ชายเค้าไม่เอาหรอก " เดียร์อยู่บ้านป้าได้อาทิตย์นึง แล้วป้าก็เอาเดียร์ไปอยู่รพ. เทียนฟ้า เป็นรพ. ที่ดูแลคนแก่ ที่ญาติดูแลไม่ไหว เดียร์ก็ไม่ได้เจอพี่เคอีกเลย ตอนอยู่เทียนฟ้า เดียร์ร้องไห้ทุกวัน มันโดดเดี่ยว เหมือนอยู่ในโลกนี้คนเดียว อยากจะโดดตึกตาย แต่คิดไปกลัวศพไม่สวย ก็เลิกคิดไป ( หากคุณท้อแท้ ก็ให้คิดอะไรตลกๆ เหมือนให้กำลังใจตัวเองแบบโง่ๆ ถ้าไม่คิดแบบนั้นเดียร์อาจจะไม่เจออะไรดีๆอย่างวันนี้ ) อยู่โน่นทำกายภาพอาทิตย์ละ3วัน ฝังเข็มอาทิตย์ละ2วัน อยู่ได้สองเดือนมั้ง ...อยู่ดีๆ พี่เคเดินเข้ามากับแม่พี่เค ตกใจ และดีใจมากกกกก ดีใจสุดๆ เหมือนแบบว่ามีน้ำมารดบนต้นไม้ที่กำลังจะตาย พี่เคว่าเค้าก็ไปสืบหามาจนได้แร่ะว่าอยู่ที่ไหน หลังจากนั้นพี่เคก็มาเยี่ยมทุกอาทิตย์ คุยโทรศัพท์กันทุกคืน ปีนั้นเป็นปีที่ 7 ที่เราคบกัน เดียร์ก็เริ่มคิดว่าถ้าเดียร์เดินไม่ได้อย่างนี้ต่อไปพี่เคจะลำบาก ให้เค้าไปเจอคนอื่นที่สมประกอบดีกว่าไหม เดียร์เลยบอกพี่เคว่าเราเลิกกันเถอะ พี่เคไม่เลิกอ่ะ 🙏🙏🙏
....นับถือใจผู้ชายคนนี้จริงๆ จากนั้นมาเดียร์ก็พยายามกายภาพทุกวันเพื่อให้มันดีขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้ เผื่อจะได้กลับบ้าน ตอนนั้นเดียร์เดินwalkerได้ ลุกยืนได้ แต่ถ้าเดินไม้เท้าต้องมีคนจับ พี่กายภาพพาเดินขึ้นบันได เดียร์อยู่เทียนฟ้ามา 8 เดือน แล้วพี่เคก็เลยมารับกลับไปอยู่บ้านพี่เค เดียร์อยู่บ้านพี่เคมา14ปีแล้ว พ่อกับแม่พี่เคใจดีมาก การที่อยู่บ้านคนอื่นที่ไม่ใช่บ้านเราแถมนั่งรถเข็นอีกต้องปรับตัวนิดนึงแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี อะไรที่ไม่ดีก็ปล่อยวางบ้าง อย่าเก็บมาคิดให้เครียด เดียร์ช่วยเหลือตัวเองได้ อาบน้ำเองได้ ทำกับข้าว ทำขนม ทำงานบ้านเท่าที่ช่วยแม่พี่เคได้ เมื่อปี 58 อาการ SLE เริ่มจะกำเริบ มีโปรตีนออกมาในปัสสาวะมาก หมอว่าไม่ค่อยดีเลยสั่งให้คีโม 1 คอร์ส 17 ครั้ง เพื่อจะยับยั้งมันก่อนที่จะกำเริบ เดียร์ได้รับยาแอนด็อกแซน 600cc. เค้าจะผสมใส่ในน้ำเกลือขวดเล็กๆ ให้สองชั่วโมงก็กลับบ้านได้ แต่ฤทธิ์เธอเหลือร้าย ผะอืด ผะอม อาเจียน กินอะไรไม่ได้ นอนไปสองวัน สงสารพี่เค ไม่มีคนทำกับข้าวให้กิน กินแต่มาม่ากะไข่เจียวเพราะทำเป็นอยู่สองอย่าง แถมยังต้องบริการเดียร์อีก หลังจากโดนคีโมไปโรคก็สงบลง น่าจะอยู่ได้สักห้าปีถึงจะกำเริบอีกที

ตอนนี้เลยมาคิดว่าในเรื่องร้ายๆก็มีเรื่องดีๆอยู่ ถ้าป้าไม่เอาเดียร์ไปไว้ที่เทียนฟ้า เดียร์ก็คงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหมือนตอนนี้ ขอบคุณป้าที่หวังดีกับเดียร์ ทุกวันนี้เดียร์ก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนคู่รักทั่วไป นั่งวีลแชร์ ไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ไปต่างประเทศ แต่คงไม่หวานแหววแล้ว แต่จะเป็นเหมือนเพื่อนมากกว่า จะดูแลซึ่งกันและกัน เพราะไม่รู้เดียร์จะอยู่ถึงเมื่อไหร่ ทำเสียก่อน ก่อนที่จะไม่มีโอกาสทำ เดียร์โชคดีที่พี่เคเป็นช่างภาพ เดียร์ก็เยมีภาพสวยๆ มาเก็บไว้ดู
ถ้าใครเป็นวีลแชร์ก็เข้ามาดูเราได้ที่
https://www.facebook.com/WheelchairLovers/ เดียร์รีวิวสถานที่ ที่วีลแชร์ไปได้คะ อยากให้คนที่นั่งวีลแชร์หรือใครทีมีสมาชิกในบ้านนั่งวีลแชร์สามารถออกมาเที่ยวได้คะ
ยังมีอะไรที่สวยงามรออยู่อีกมากมายในชีวิตออกมาให้ได้ทำ ออกมาให้ได้เห็น เดียร์ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ท้อแท้ สิ้นหวัง สู้ต่อไป
#ถึงวันเกิดคนสำคัญแล้ว จะให้อะไรเค้าดี...
ที่ซุ้มจะมีกิจกรรมรับน้องภายในคือที่มหาลัย รับน้องภายนอกคือไปต่างจังหวัด
ตอนรับน้องภายใน รุ่นพี่ก็จะตั้งฐาน ฐานพี่เคก็จะเล่าเรื่องตลก ถ้าน้องคนไหนขำก็จะโดนป้ายสี ถ้าน้องไม่ขำ รุ่นพี่ก็จะโดนป้ายแทน ปรากฏว่าเดียร์ไม่ขำจ้า พี่เคโดนป้ายสีไปเต็มๆ 55 และตอนไปรับน้องต่างจังหวัด ก็จะมีการเล่นบัดดี้กัน เราก็แบบว่าบัดดี้เราไมไม่ให้อะไรเลยว่ะ แต่มีพี่ผู้หญิงจะมาถามโน่นนี่ ก็เริ่มสงสัย เคยได้กล้วยกวนแค่ถุงเดียว คิดในใจบัดดี้เราขี้งกจัง พอเฉลยพี่เคเป็นบัดดี้เดียร์เอง พี่เคว่าเค้าจับได้เพื่อนตัวเองเลยขอเปลี่ยนเลยได้เป็นเดียร์แทน พอกลับมากรุงเทพก็ถ่ายรูปคู่กันก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะถ่ายกันทุกคน พี่เคว่าเอารูปไปให้แม่ดูแล้วบอกแม่ว่านี่แฟนใหม่
หลังจากนั้นไปเรียนเจอกัน ก็หวัดดีกันปกติ พอตอนกลับบ้านอยู่ดีๆ พี่เคก็มาบอกว่าจะไปส่งบ้าน งงเลย เพื่อนพี่เคบอกว่าเฮ้ยบ้านไอ้เดียร์มันไกลนะ อยู่รังสิตโน่น ไปลำบาก รถติดนะ แต่พี่เคก็ยังยืนยันว่าจะไปส่ง ก็งงๆ แปลกๆ แล้วพี่เคก็ถามว่าพรุ่งนี้เรียนที่ไหน ปกติเด็กปีหนึ่งจะมีไปเรียนที่รามคำแหงบางนา เดียร์ก็บอกว่าพรุ่งนี้มีเรียนบางนา ออกบ้านตีห้าครึ่ง พี่เคว่าเดี๋ยวมารอไปด้วย วันรุ่งขึ้นเช้ามืดเดินออกมาป้ายรถเมล์ ตกใจเลย เอ้ยพี่เคมายืนรออยู่ป้ายรถเมล์จ้า ...เอ้อคิดในใจมันเอาจิงว่ะ
มาวันนึงกลับบ้านบนรถปอ.95 พี่เคก็พูดว่าเป็นแฟนกันมั๊ย เดียร์มองหน้า แล้วก็ตอบว่าลองคบกันก็ได้.....ยิ้มมมมม แล้วพี่เคก็ไปรับไปส่งตลอดมา
ตอนนั้นพี่เคโดนกีดกันจากเพื่อนๆ เราด้วย เพื่อนเราไม่แน่ใจในตัวพี่เค พี่เคพิสูจน์ตัวเองอยู่ปีนึงมั้ง จนเพื่อนเราใจอ่อน พี่เคพาเราไปบ้านไปแนะนำให้พ่อ แม่ รู้จัก พ่อกับแม่พี่เคใจดีเป็นครอบครัวสมัยใหม่เลี้ยงลูกแบบฟรีสไตล์ไม่บังคับ ก็มีป้าของเดียร์ที่ไม่ค่อยชอบพี่เค คอยจับตาดูเดียร์ตลอด ว่าไปไหน กลับกี่โมง เค้าคงเป็นห่วงตามประสาผู้ใหญ่ เดียร์ก็กลัวๆแต่ก็คิดว่าเราไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่ แต่ย่าของเดียร์ชอบพี่เคนะ เจอกันทีไรคุยกันถูกคอ พ่อเดียร์ก็โอเคนะ ไม่เห็นพูดอะไร แต่พ่อพี่เคนะเด็ดมาก พอรู้ว่าพ่อเดียร์กลับจากตปท อยู่ดีๆก็นัดกินข้าวเลย แถมมาบ้านด้วย มาคุยกับย่าด้วยงงเลย
ตอนรู้ตัวว่าเป็น SLE ก็งงๆ อึนๆ กลัวๆ เข้าไปหาข้อมูลในเน็ต ว่าต้องปฎิบัติตัวยังไง โรคนี้รักษาไม่หายต้องกินยาตลอดชีวิต ห้ามมีลูกถ้ามีจะทำให้โรคกำเริบ เดียร์เลยบอกพี่เคว่า ถ้าคบกันไป เดียร์มีลูกไม่ได้นะ จะเลิกกันก็ได้ ...แต่พี่เคบอกว่าไม่เห็นเป็นไร ก็ไม่มีลูกก็ได้ ก็อยู่กันสองคนก็ได้นิ 🙏🙏🙏
โรคนี้รักษาตามอาการ เดียร์ดร็อปเรียนไปเทอมนึง ให้คีโมไปคอร์สนึงก็เริ่มดีขึ้น ผมร่วงด้วย ก็เลยคิดว่า ยังไงฉันต้องไม่ตาย ถ้าฉันตายแก้ก็ตายเจ้าSLE ถ้าฉันอยู่แกก็อยู่ อยู่กันไปแบบนี้แร่ะ ก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติ ห้ามเครียด ห้ามตากแดด จนเรียนจบทำงาน เราทำงานที่เดียวกัน ก็ยังไปส่งเหมือนเดิน จนเดียร์ย้ายที่ทำงานมาตรวจบัญชีเพราะอยากเก็บชั่วโมงสอบaudit
....นับถือใจผู้ชายคนนี้จริงๆ จากนั้นมาเดียร์ก็พยายามกายภาพทุกวันเพื่อให้มันดีขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้ เผื่อจะได้กลับบ้าน ตอนนั้นเดียร์เดินwalkerได้ ลุกยืนได้ แต่ถ้าเดินไม้เท้าต้องมีคนจับ พี่กายภาพพาเดินขึ้นบันได เดียร์อยู่เทียนฟ้ามา 8 เดือน แล้วพี่เคก็เลยมารับกลับไปอยู่บ้านพี่เค เดียร์อยู่บ้านพี่เคมา14ปีแล้ว พ่อกับแม่พี่เคใจดีมาก การที่อยู่บ้านคนอื่นที่ไม่ใช่บ้านเราแถมนั่งรถเข็นอีกต้องปรับตัวนิดนึงแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี อะไรที่ไม่ดีก็ปล่อยวางบ้าง อย่าเก็บมาคิดให้เครียด เดียร์ช่วยเหลือตัวเองได้ อาบน้ำเองได้ ทำกับข้าว ทำขนม ทำงานบ้านเท่าที่ช่วยแม่พี่เคได้ เมื่อปี 58 อาการ SLE เริ่มจะกำเริบ มีโปรตีนออกมาในปัสสาวะมาก หมอว่าไม่ค่อยดีเลยสั่งให้คีโม 1 คอร์ส 17 ครั้ง เพื่อจะยับยั้งมันก่อนที่จะกำเริบ เดียร์ได้รับยาแอนด็อกแซน 600cc. เค้าจะผสมใส่ในน้ำเกลือขวดเล็กๆ ให้สองชั่วโมงก็กลับบ้านได้ แต่ฤทธิ์เธอเหลือร้าย ผะอืด ผะอม อาเจียน กินอะไรไม่ได้ นอนไปสองวัน สงสารพี่เค ไม่มีคนทำกับข้าวให้กิน กินแต่มาม่ากะไข่เจียวเพราะทำเป็นอยู่สองอย่าง แถมยังต้องบริการเดียร์อีก หลังจากโดนคีโมไปโรคก็สงบลง น่าจะอยู่ได้สักห้าปีถึงจะกำเริบอีกที
ถ้าใครเป็นวีลแชร์ก็เข้ามาดูเราได้ที่ https://www.facebook.com/WheelchairLovers/ เดียร์รีวิวสถานที่ ที่วีลแชร์ไปได้คะ อยากให้คนที่นั่งวีลแชร์หรือใครทีมีสมาชิกในบ้านนั่งวีลแชร์สามารถออกมาเที่ยวได้คะ
ยังมีอะไรที่สวยงามรออยู่อีกมากมายในชีวิตออกมาให้ได้ทำ ออกมาให้ได้เห็น เดียร์ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ท้อแท้ สิ้นหวัง สู้ต่อไป