คุณเคยแอบรักเพื่อนตัวเองมั้ย
ผมเป็นคนนึงที่แอบรักเพื่อนสนิทของตัวเองมาตลอดระยะเวลา 6 ปีที่รู้จักกัน
6 ปี ที่ว่านั้นเริ่มต้นจาก ปี 50
เราสองคนเจอกันครั้งแรกในคลาสเรียน(แรก)ของมหาวิทยาลัย เดียร์เป็นคนหน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่ตอนนั้นผมกับเดียร์ยังไม่ได้รู้จักกันมากเท่าไหร่ เพราะผมเป็นพวกเด็กหลังห้อง ส่วนเดียร์เป็นเด็กหน้าห้อง ค่อนข้างเฟรนด์ลี่ไปกับทุกคน แต่ด้วยความที่เราสองคนเรียน sec เดียวกัน เราจึงเจอกันบ่อยและกลายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันโดยไม่รู้ตัว วันเวลาผ่านไปจากเทอมหนึ่ง สู่เทอมสองเราเริ่มสนิทกันมาก เดียร์ออกมาอยู่หอ ส่วนผมไปเช้ากลับเย็น แต่พอเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น ผมก็จะไปค้างที่หอเดียร์อยู่บ่อยๆ ซึ่งเดียร์เองก็ชอบที่มีเพื่อนมาอยู่ด้วย แต่พอผ่านไปสักพัก เดียร์เริ่มมีคนมาจีบ เดียร์ก็ไปกับคนโน้นที คนนี้ที ไม่ค่อยกลับมานอนที่หอ บ่อยครั้งที่ปล่อยให้ผมอยู่หอเพียงลำพัง(หรือบางครั้งอยู่กับเพื่อนคนอื่น) และพอเดียร์หายไปนานๆ ผมก็จะโทรตามบ้าง ก็จะรู้ว่าเดียร์อยู่กับแฟน แรกๆผมก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าผมรักเดียร์แบบไหนกันแน่ๆ จนวันเริ่มเข้าปี 2 เดียร์เริ่มเปลี่ยนไปมากขึ้น เดียร์เที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้า เมายา ผมก็ได้แค่ค่อยห้ามหรือบอกให้เดียร์เบาๆ ลง หลายๆ ครั้งที่ผมเห็นใครก็ไม่รู้พาเดียร์มาส่งที่ห้องในสภาพที่เดียร์เมามาก หลายๆ ครั้งที่เดียร์ไม่กลับมาห้อง จนห้องนั้นแทบจะกลายเป็นห้องของผมเอง แต่ไม่ว่าเดียร์จะกลับมาในสภาพไหนผมก็ดีใจทุกครั้งที่เดียร์กลับมา ผมจะคอยดูแลเดียร์ หาข้าว หาน้ำให้เดียร์และไม่รู้สึกเหนื่อยเลยที่ทำแบบนั้น ตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกดีมากกว่าที่ได้ทำให้เดียร์สร่างเมาหรือดีขึ้น อย่างนี้เรียกว่ารักรึเปล่า ???
วันเวลาผ่านไป จากปี2สู้ปี3 ทั้งผมและเดียร์ก็ยังคงสนิทสนมกันเหมือนเดิม เวลารวมกลุ่มทำงานที่มหาลัย ผมกับเดียร์ก็จะอยู่กลุ่มเดียวกันตลอด พวกเราจึงยังใช้ชีวิตด้วยกันมากขึ้น และเดียร์ก็ยังคงเที่ยวกลางคืนอยู่บ้างและบางครั้งผมก็จะไปด้วยเป็นเพื่อนกัน ประมาณว่าไปไหนไปกัน เช้าก็เช้ากลายเป็นว่าเราพากันเที่ยวเตร่กันทั้งคู่เลยตอนนี้ และผมเองก็มีเริ่มมีแฟนเป้นของตัวเอง ผมก็มีความสุขนะที่มีแฟน แต่คบกันไปสักพักผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ผมไม่ได้รักเค้าจริงๆ ..แล้วผมรักใครหล่ะ เดียร์หรอ คนที่ผมค่อยโทรหาเวลาห่างกัน คนที่ผมค่อยโทรตามเวลาที่มาเรียนสาย คนที่ไปเดินเล่น ดูหนัง กินข้าว เดียร์ใช่มั้ย ที่ผมรู้สึกรักมาโดยตลอด ของขวัญทุกชิ้นที่เราให้กันในวันเกิดและวันปี ไม่ว่าของใครจะวิเศษแค่ไหน ผมก็ชอบของเดียร์มากที่สุด เพราะเดียร์เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องของการให้
เดียร์พูดกับผมบ่อยครั้งว่าเดียร์ชอบอยู่แบบสมถะ ชอบออกค่าย ชอบไปสร้างฝาย อะไรแบบนั้น ชวนผมไปหลายครั้งแต่ผมก็ไม่เคยไป เพราะผมไม่ชอบอะไรที่ลำบาก ผมกินอยู๋ลำบาก และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผมกับเดียร์คิดไม่ตรงกันบางครั้งก็เถียงกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็แล้ว เราไม่เคยโกรธกันนานเลย
ปี3 ผ่านไปสู่ปี 4 ผมกับเดียร์เราเริ่มเจอกันน้อย อย่างที่บอกว่า เด๊ยร์เริ่มหันไปสนใจกับการออกค่ายอาสามากขึ้น นานๆ จะได้เจอกัน และต่างคนก็ต่างเรียนหนักเพราะใกล้จะฝึกงานด้วย แต่ยังไงเวลาที่ผมมีปัญหาทุกข์ โทรหาเดียร์เมื่อไหร่ ต่อให้เดียร์อยู่ใกล้แค่ไหนก็จะบึ่งมาหาผมทันที มีอยู่ครั้งหนึ่งผมทะเลาะกับแฟนที่คบอยู่ ผมตัดสินใจบอกเลิกเค้า ผมโทรหาเดียร์ให้มาหาผมหน่อยในตอนนั้น ผมอยากให้เดียร์อยู่ใกล้ๆ (เวลาตอนนั้นประมาณเที่ยงคืน) ผมไม่รู้เลยว่าตอนนั้นเดียร์อยู่ไหน แต่สุดท้ายเดียร์ก้มาหาผม มาหาผมในสภาพที่เมาพอสมควร จากที่ผมจะต้องการให้เดียร์มาอยู่ใกล้ๆ กลายเป็นผมต้องมาดูแลเดียร์แทน แต่เชื่อมั้ยย แค่มีเดียร์อยู่ตรงนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องตลกไปซะหมด เรานอนคุยกันถึงอดีต ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เดียร์บอกว่าผมคือเพื่อนที่ดีที่สุด ผมก็บอกเดียร์อย่างนั้นเช่นกัน เดียร์ยังพูดอีกว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อน เดียร์คงอยากมีผมเป็นแฟน แล้วเดียร์ขำๆ คำพูดนั้นจำอยู่ในหัวใจผมมาถึงวันนี้และเป็นประโยคเดียวที่ทำให้ผมไม่กล้าบอกความในใจออกไปเพราะกลัวว่า ถ้าพูดว่า เดียร์ชั้นรักแก เราอาจจะไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนได้สนิทเหมือนเดิม ผมกลัวการสูญเสียเดียร์ ผมเลยใช้ชีวิตต่ออย่างเดิม เรายังอยู่ในสถานะเพื่อนกันต่อไป จนเรียนจบ
เรียนจบทำงาน เดียร์ไปทำงานที่ขอนแก่น ผมทำงานที่กรุงเทพ นานๆจะเจอกันสักครั้ง แต่ก็คุยกันผ่าน facebook บ้างติดตามชีวิของกันและกันอยู่เรื่อยๆ จนเดียร์เริ่มจริงจัง(มีแฟน)กับน้องคนหนึ่งที่ต่างประเทศ เดียร์ดูจะรักและแคร์น้องคนนั้นมาก หลายๆครั้งที่ผมเห็นเค้าทะเลาะผ่าน facebook เดียร์จะเป็นคนที่ยอมตลอด ผมเริ่มไม่ชอบเด็กคนนี้ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมไม่ชอบเพราะเค้าชอบทำให้เดียร์ ไม่สบายใจ พอเดียร์ไม่สบายใจ เดียร์ก็จะไปดื่มเหล้า
เดียร์อยู่ที่ข่อนแกนประมาณ 1 ปีหลังจากเรียนจบ เดียร์ก็ย้ายมาทำงานที่กรุงเทพ คราวนี้เราเจอกันบ่อยขึ้น ไปหามาสู่กันตามปกติ ทำงานสายบันเทิงเหมือนกัน เดียร์ทำรายการทางช่องเคเบิล ด้วยความที่เดียร์เป็นคนหน้าตามีเสน่ห์เวลาไปไหนทำอะไร ใครก็จะรัก และด้วยความไร้อีโก้ เดียร์จึงไม่มีข้อแม้สำหรับเรื่องอะไรเลย ใครใช้งานอะไรก็ทำหมด รวมถึงเวลาใครชวนไปปาร์ตี้ที่ไหนก็ไปหมดด้วยเหมือนกัน และด้วยสาเหตุนี้เอง เดียร์ทำงานหนักมากก เที่ยวหนักมากก ใช้ชีวิตในแบบที่ว่า หนักมากกว่าเพื่อนคนอื่นพอสมควร หลายๆครั้งผมขอให้เค้าหยุดเรื่องปาร์ตี้ลงบ้าง แต่เค้าก็บอกว่าเพื่อนเก่า เพื่อนที่ทำงาน วันเกิด อะไรว่าไป ผมเลยไม่รู้จะห้ามยังไง ได้แต่โทรถามว่าวันนี้เป้นไงบ้าง ไปทำงานไหวมั้ย กินข้าวรึยัง จน....
จนเดียร์เริ่มติดต่อยากขึ้น โทรไปไม่รับ ไปหาที่ห้องไม่เจอ เอ๊ะยังไง ผ่านไปสักพัก เดียร์เริ่มโพสตืข้อความเกี่ยวกับอาการป่วยแปลกๆของตัวเอง เช่น อาการเกี่ยวการฉี่ไม่ออก เป็นไข้บ่อย จนผมต้องขอให้เดียร์ออกมาเจอกัน ผมไม่ได้เจอเดียร์นานพอสมควร ประมาณ 1-2 เดือน ผมนัดเดียร์ไปกินข้าว เดียร์ดูผอมลงไปเยอะ ผมถามว่าไปทำไรมา เดียร์บอกว่าไม่ค่อยได้พัก ทำงาน บางทีก็นอนที่ออฟฟิศ แต่ไม่เป็นไรยังโอเค ผมเลยถามเรื่องสุขภาพ เรื่องข้อความเกี่ยวกับการฉี่ไม่ออก เดียร์ก็บอกว่าไปหาหมอแล้ว เดี๋ยวคงดีขึ้น ผมก็เชื่อเดียร์ เชื่อว่ามันจะดีขึ้น แต่ความรู้สึกตอนนั้นอยากจะพาเดียร์มาอยู่กันมาก อยากจะดูแลเดียร์ดีๆ ผมเลยถามถึงของขวัญเกิดปีล่าสุดของผมแบบขำ เดียร์ก็บอกว่าขอโทษไม่ได้มีเวลาเตรียม งั้นให้เลือกเลยว่าจะเอาอะไร แล้วก็พาไปซื้อ ผมถังใส่ของ ผมอยากได้เอามาเก็บของขวัญที่เดียร์ให้ และที่สำคัญมันนั่งได้ด้วย 55
หลังจากเจอกันวันนั้น ผมไม่ได้เจอเดียร์อีกเลย ผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ มีเบอร์แปลกโทรมาหาผมแต่เช้า ถามผมว่าเป็นญาติกับผู้ป่วยรึเปล่า ชื่อนี้ ๆๆๆๆ สรุปเป็นชื่อเดียร์ ผมจึงรีบบึ่งไปหาเดียร์ที่ โรงพยาบาล ผมตกใจมากที่เจอเดียร์ตอนนั้น เดียร์หลับอย่างไม่ได้สติอยู่บนเตียงพักฟื้นรอย้ายไปยังเตียงคนไข้ ผมถามพยาบาลว่าผมต้องทำยังไงบ้าง พยาบาลถามว่าผมใช้ยาติคนไข้รึเปล่า ผมบอกว่าไม่ แต่พยาบาลบอก เดียร์เขียนชื่อผมในบุคคลที่สามารถติดต่อได้ถ้ามีเรื่องสำคัญ ขอบคุณนะเดียร์ที่ให้ผมเป็นคนสำคัญ ผมน้ำตาไหล ผมจึงจัดแจงข้าวของสำหรับคนไข้ให้เดียร์จนเสร็จสรรพ พอเดียร์ฟื้นเราก็เริ่มคุยกัน ผมถามว่าตกลงเดียร์เป็นอะไร เดียร์ก็บอกไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้ ผมจึงไม่ถามต่อ ได้แต่พยายามบอกเดียร์ว่าผมจะอยู่ตรงนี่จะไม่ไปไหน ความรู้สึกในช่วงเวลานั้นมันเย็นชามากๆ เหมือนรอความหวังจากอะไรสักอย่าง หวังว่าเดียร์จะดีขึ้น หวังว่าเดียร์จะหายเศร้า เพราะยิ่งผมเห็นน้ำตาเดียผมก็อดกลั้นร้องออกมาไม่ได้
ทุกวันผมไปทำงาน หลักเลิกานผมจะมาหาเดียร์ที่โรงพยาบาล มาคุยกับเดียร์ มาป้อนข้าว จับมือเดียร์และร้องเพลงให้เดียร์ฟัง อ่านหนังสือให้เดียร์ฟัง ผมทำอย่างนี้อยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ คอยถามว่าเดียร์อยากเจอใครที่สุด ผมจะติดต่อให้ ผมทำทุกอย่างเท่าที่ผมจะทำได้ จนในที่สุดพ่อของเดียร์ก้มารับเดียร์ไปรักษาต่อที่บ้านเกิดเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่ามีความหวัง เดียร์จะต้องดี ผมโทรหาพี่เลี้ยงเดียร์ทุกวัน พยายามจะขอคุยกับเดียร์ แต่เดียร์ไม่ค่อยมีแรงแม้แต่จะพูด แต่ทุกครั้งก่อนวาสงสายผมจะบอกเดียร์เสมอว่า ผมรักเดียร์เสมอนะ ผ่านไป7วัน เช้าวันอังคาร ผมกำลังจะไปทำงานจู่ๆพ่อเดียร์ก็โทรมาหาผม ผมจึงรับรู้ว่าเดียร์ได้จากผมไปแล้ว จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมขอลงจากรถตู้ตอนนั้น ลงไปนั่งร้องไห้อยู่ข้างถนน ผมไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ผมคิดอย่างเดียวว่าจะต้องไปหาเดียร์ให้ไวที่สุด ผมตัดสินใจลางานในทันทีและจองรถเที่ยวที่ไวที่สุดไปหาเดียร์ ผมไปช่วยงานจนเสร็จ ผมไม่มีความสุขเลย ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง ผมดูแลเค้ามาเกือบ 6 ปี ผมรักเค้าและผมอยากจะเจอเค้าอีกครั้งแต่ผมคงได้แต่เจอเดียร์ในภาพถ่ายและความทรงจำเท่านั้นแต่ผมจะจำเดียร์จนวินาทีสุดท้ายที่ผมหายใจ ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตอย่างปกติที่สุด และบอกกับตัวเองเสมอว่าเดียร์จะอยู่ในใจไม่เราไปไหน เวลาไม่สบายใจ เศ้ราใจ ก็จะเข้าไปใน facebook เดียร์ เข้าไปโพสต์ถึงเดียร์ เล่าให้เดียร์ฟัง และมันไม่ใช่แค่ผม ทุกๆคนยังคงเข้าไปโพสต์ข้อความถึงเดียร์อยู่เสมอ อย่างที่บอกเดียร์เดียร์เป็นที่รักของคนทุกคน เพราะเดียร์ไม่เคยมีข้อมแม้สำหรับใคร รักและคิดถึงเดียร์
รักเธอทั้งหมดของหัวใจ
ผมเป็นคนนึงที่แอบรักเพื่อนสนิทของตัวเองมาตลอดระยะเวลา 6 ปีที่รู้จักกัน
6 ปี ที่ว่านั้นเริ่มต้นจาก ปี 50
เราสองคนเจอกันครั้งแรกในคลาสเรียน(แรก)ของมหาวิทยาลัย เดียร์เป็นคนหน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่ตอนนั้นผมกับเดียร์ยังไม่ได้รู้จักกันมากเท่าไหร่ เพราะผมเป็นพวกเด็กหลังห้อง ส่วนเดียร์เป็นเด็กหน้าห้อง ค่อนข้างเฟรนด์ลี่ไปกับทุกคน แต่ด้วยความที่เราสองคนเรียน sec เดียวกัน เราจึงเจอกันบ่อยและกลายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันโดยไม่รู้ตัว วันเวลาผ่านไปจากเทอมหนึ่ง สู่เทอมสองเราเริ่มสนิทกันมาก เดียร์ออกมาอยู่หอ ส่วนผมไปเช้ากลับเย็น แต่พอเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น ผมก็จะไปค้างที่หอเดียร์อยู่บ่อยๆ ซึ่งเดียร์เองก็ชอบที่มีเพื่อนมาอยู่ด้วย แต่พอผ่านไปสักพัก เดียร์เริ่มมีคนมาจีบ เดียร์ก็ไปกับคนโน้นที คนนี้ที ไม่ค่อยกลับมานอนที่หอ บ่อยครั้งที่ปล่อยให้ผมอยู่หอเพียงลำพัง(หรือบางครั้งอยู่กับเพื่อนคนอื่น) และพอเดียร์หายไปนานๆ ผมก็จะโทรตามบ้าง ก็จะรู้ว่าเดียร์อยู่กับแฟน แรกๆผมก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าผมรักเดียร์แบบไหนกันแน่ๆ จนวันเริ่มเข้าปี 2 เดียร์เริ่มเปลี่ยนไปมากขึ้น เดียร์เที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้า เมายา ผมก็ได้แค่ค่อยห้ามหรือบอกให้เดียร์เบาๆ ลง หลายๆ ครั้งที่ผมเห็นใครก็ไม่รู้พาเดียร์มาส่งที่ห้องในสภาพที่เดียร์เมามาก หลายๆ ครั้งที่เดียร์ไม่กลับมาห้อง จนห้องนั้นแทบจะกลายเป็นห้องของผมเอง แต่ไม่ว่าเดียร์จะกลับมาในสภาพไหนผมก็ดีใจทุกครั้งที่เดียร์กลับมา ผมจะคอยดูแลเดียร์ หาข้าว หาน้ำให้เดียร์และไม่รู้สึกเหนื่อยเลยที่ทำแบบนั้น ตรงกันข้ามผมกลับรู้สึกดีมากกว่าที่ได้ทำให้เดียร์สร่างเมาหรือดีขึ้น อย่างนี้เรียกว่ารักรึเปล่า ???
วันเวลาผ่านไป จากปี2สู้ปี3 ทั้งผมและเดียร์ก็ยังคงสนิทสนมกันเหมือนเดิม เวลารวมกลุ่มทำงานที่มหาลัย ผมกับเดียร์ก็จะอยู่กลุ่มเดียวกันตลอด พวกเราจึงยังใช้ชีวิตด้วยกันมากขึ้น และเดียร์ก็ยังคงเที่ยวกลางคืนอยู่บ้างและบางครั้งผมก็จะไปด้วยเป็นเพื่อนกัน ประมาณว่าไปไหนไปกัน เช้าก็เช้ากลายเป็นว่าเราพากันเที่ยวเตร่กันทั้งคู่เลยตอนนี้ และผมเองก็มีเริ่มมีแฟนเป้นของตัวเอง ผมก็มีความสุขนะที่มีแฟน แต่คบกันไปสักพักผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ผมไม่ได้รักเค้าจริงๆ ..แล้วผมรักใครหล่ะ เดียร์หรอ คนที่ผมค่อยโทรหาเวลาห่างกัน คนที่ผมค่อยโทรตามเวลาที่มาเรียนสาย คนที่ไปเดินเล่น ดูหนัง กินข้าว เดียร์ใช่มั้ย ที่ผมรู้สึกรักมาโดยตลอด ของขวัญทุกชิ้นที่เราให้กันในวันเกิดและวันปี ไม่ว่าของใครจะวิเศษแค่ไหน ผมก็ชอบของเดียร์มากที่สุด เพราะเดียร์เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องของการให้
เดียร์พูดกับผมบ่อยครั้งว่าเดียร์ชอบอยู่แบบสมถะ ชอบออกค่าย ชอบไปสร้างฝาย อะไรแบบนั้น ชวนผมไปหลายครั้งแต่ผมก็ไม่เคยไป เพราะผมไม่ชอบอะไรที่ลำบาก ผมกินอยู๋ลำบาก และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผมกับเดียร์คิดไม่ตรงกันบางครั้งก็เถียงกันบ้าง แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็แล้ว เราไม่เคยโกรธกันนานเลย
ปี3 ผ่านไปสู่ปี 4 ผมกับเดียร์เราเริ่มเจอกันน้อย อย่างที่บอกว่า เด๊ยร์เริ่มหันไปสนใจกับการออกค่ายอาสามากขึ้น นานๆ จะได้เจอกัน และต่างคนก็ต่างเรียนหนักเพราะใกล้จะฝึกงานด้วย แต่ยังไงเวลาที่ผมมีปัญหาทุกข์ โทรหาเดียร์เมื่อไหร่ ต่อให้เดียร์อยู่ใกล้แค่ไหนก็จะบึ่งมาหาผมทันที มีอยู่ครั้งหนึ่งผมทะเลาะกับแฟนที่คบอยู่ ผมตัดสินใจบอกเลิกเค้า ผมโทรหาเดียร์ให้มาหาผมหน่อยในตอนนั้น ผมอยากให้เดียร์อยู่ใกล้ๆ (เวลาตอนนั้นประมาณเที่ยงคืน) ผมไม่รู้เลยว่าตอนนั้นเดียร์อยู่ไหน แต่สุดท้ายเดียร์ก้มาหาผม มาหาผมในสภาพที่เมาพอสมควร จากที่ผมจะต้องการให้เดียร์มาอยู่ใกล้ๆ กลายเป็นผมต้องมาดูแลเดียร์แทน แต่เชื่อมั้ยย แค่มีเดียร์อยู่ตรงนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องตลกไปซะหมด เรานอนคุยกันถึงอดีต ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เดียร์บอกว่าผมคือเพื่อนที่ดีที่สุด ผมก็บอกเดียร์อย่างนั้นเช่นกัน เดียร์ยังพูดอีกว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อน เดียร์คงอยากมีผมเป็นแฟน แล้วเดียร์ขำๆ คำพูดนั้นจำอยู่ในหัวใจผมมาถึงวันนี้และเป็นประโยคเดียวที่ทำให้ผมไม่กล้าบอกความในใจออกไปเพราะกลัวว่า ถ้าพูดว่า เดียร์ชั้นรักแก เราอาจจะไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนได้สนิทเหมือนเดิม ผมกลัวการสูญเสียเดียร์ ผมเลยใช้ชีวิตต่ออย่างเดิม เรายังอยู่ในสถานะเพื่อนกันต่อไป จนเรียนจบ
เรียนจบทำงาน เดียร์ไปทำงานที่ขอนแก่น ผมทำงานที่กรุงเทพ นานๆจะเจอกันสักครั้ง แต่ก็คุยกันผ่าน facebook บ้างติดตามชีวิของกันและกันอยู่เรื่อยๆ จนเดียร์เริ่มจริงจัง(มีแฟน)กับน้องคนหนึ่งที่ต่างประเทศ เดียร์ดูจะรักและแคร์น้องคนนั้นมาก หลายๆครั้งที่ผมเห็นเค้าทะเลาะผ่าน facebook เดียร์จะเป็นคนที่ยอมตลอด ผมเริ่มไม่ชอบเด็กคนนี้ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมไม่ชอบเพราะเค้าชอบทำให้เดียร์ ไม่สบายใจ พอเดียร์ไม่สบายใจ เดียร์ก็จะไปดื่มเหล้า
เดียร์อยู่ที่ข่อนแกนประมาณ 1 ปีหลังจากเรียนจบ เดียร์ก็ย้ายมาทำงานที่กรุงเทพ คราวนี้เราเจอกันบ่อยขึ้น ไปหามาสู่กันตามปกติ ทำงานสายบันเทิงเหมือนกัน เดียร์ทำรายการทางช่องเคเบิล ด้วยความที่เดียร์เป็นคนหน้าตามีเสน่ห์เวลาไปไหนทำอะไร ใครก็จะรัก และด้วยความไร้อีโก้ เดียร์จึงไม่มีข้อแม้สำหรับเรื่องอะไรเลย ใครใช้งานอะไรก็ทำหมด รวมถึงเวลาใครชวนไปปาร์ตี้ที่ไหนก็ไปหมดด้วยเหมือนกัน และด้วยสาเหตุนี้เอง เดียร์ทำงานหนักมากก เที่ยวหนักมากก ใช้ชีวิตในแบบที่ว่า หนักมากกว่าเพื่อนคนอื่นพอสมควร หลายๆครั้งผมขอให้เค้าหยุดเรื่องปาร์ตี้ลงบ้าง แต่เค้าก็บอกว่าเพื่อนเก่า เพื่อนที่ทำงาน วันเกิด อะไรว่าไป ผมเลยไม่รู้จะห้ามยังไง ได้แต่โทรถามว่าวันนี้เป้นไงบ้าง ไปทำงานไหวมั้ย กินข้าวรึยัง จน....
จนเดียร์เริ่มติดต่อยากขึ้น โทรไปไม่รับ ไปหาที่ห้องไม่เจอ เอ๊ะยังไง ผ่านไปสักพัก เดียร์เริ่มโพสตืข้อความเกี่ยวกับอาการป่วยแปลกๆของตัวเอง เช่น อาการเกี่ยวการฉี่ไม่ออก เป็นไข้บ่อย จนผมต้องขอให้เดียร์ออกมาเจอกัน ผมไม่ได้เจอเดียร์นานพอสมควร ประมาณ 1-2 เดือน ผมนัดเดียร์ไปกินข้าว เดียร์ดูผอมลงไปเยอะ ผมถามว่าไปทำไรมา เดียร์บอกว่าไม่ค่อยได้พัก ทำงาน บางทีก็นอนที่ออฟฟิศ แต่ไม่เป็นไรยังโอเค ผมเลยถามเรื่องสุขภาพ เรื่องข้อความเกี่ยวกับการฉี่ไม่ออก เดียร์ก็บอกว่าไปหาหมอแล้ว เดี๋ยวคงดีขึ้น ผมก็เชื่อเดียร์ เชื่อว่ามันจะดีขึ้น แต่ความรู้สึกตอนนั้นอยากจะพาเดียร์มาอยู่กันมาก อยากจะดูแลเดียร์ดีๆ ผมเลยถามถึงของขวัญเกิดปีล่าสุดของผมแบบขำ เดียร์ก็บอกว่าขอโทษไม่ได้มีเวลาเตรียม งั้นให้เลือกเลยว่าจะเอาอะไร แล้วก็พาไปซื้อ ผมถังใส่ของ ผมอยากได้เอามาเก็บของขวัญที่เดียร์ให้ และที่สำคัญมันนั่งได้ด้วย 55
หลังจากเจอกันวันนั้น ผมไม่ได้เจอเดียร์อีกเลย ผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ มีเบอร์แปลกโทรมาหาผมแต่เช้า ถามผมว่าเป็นญาติกับผู้ป่วยรึเปล่า ชื่อนี้ ๆๆๆๆ สรุปเป็นชื่อเดียร์ ผมจึงรีบบึ่งไปหาเดียร์ที่ โรงพยาบาล ผมตกใจมากที่เจอเดียร์ตอนนั้น เดียร์หลับอย่างไม่ได้สติอยู่บนเตียงพักฟื้นรอย้ายไปยังเตียงคนไข้ ผมถามพยาบาลว่าผมต้องทำยังไงบ้าง พยาบาลถามว่าผมใช้ยาติคนไข้รึเปล่า ผมบอกว่าไม่ แต่พยาบาลบอก เดียร์เขียนชื่อผมในบุคคลที่สามารถติดต่อได้ถ้ามีเรื่องสำคัญ ขอบคุณนะเดียร์ที่ให้ผมเป็นคนสำคัญ ผมน้ำตาไหล ผมจึงจัดแจงข้าวของสำหรับคนไข้ให้เดียร์จนเสร็จสรรพ พอเดียร์ฟื้นเราก็เริ่มคุยกัน ผมถามว่าตกลงเดียร์เป็นอะไร เดียร์ก็บอกไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้ ผมจึงไม่ถามต่อ ได้แต่พยายามบอกเดียร์ว่าผมจะอยู่ตรงนี่จะไม่ไปไหน ความรู้สึกในช่วงเวลานั้นมันเย็นชามากๆ เหมือนรอความหวังจากอะไรสักอย่าง หวังว่าเดียร์จะดีขึ้น หวังว่าเดียร์จะหายเศร้า เพราะยิ่งผมเห็นน้ำตาเดียผมก็อดกลั้นร้องออกมาไม่ได้
ทุกวันผมไปทำงาน หลักเลิกานผมจะมาหาเดียร์ที่โรงพยาบาล มาคุยกับเดียร์ มาป้อนข้าว จับมือเดียร์และร้องเพลงให้เดียร์ฟัง อ่านหนังสือให้เดียร์ฟัง ผมทำอย่างนี้อยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ คอยถามว่าเดียร์อยากเจอใครที่สุด ผมจะติดต่อให้ ผมทำทุกอย่างเท่าที่ผมจะทำได้ จนในที่สุดพ่อของเดียร์ก้มารับเดียร์ไปรักษาต่อที่บ้านเกิดเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่ามีความหวัง เดียร์จะต้องดี ผมโทรหาพี่เลี้ยงเดียร์ทุกวัน พยายามจะขอคุยกับเดียร์ แต่เดียร์ไม่ค่อยมีแรงแม้แต่จะพูด แต่ทุกครั้งก่อนวาสงสายผมจะบอกเดียร์เสมอว่า ผมรักเดียร์เสมอนะ ผ่านไป7วัน เช้าวันอังคาร ผมกำลังจะไปทำงานจู่ๆพ่อเดียร์ก็โทรมาหาผม ผมจึงรับรู้ว่าเดียร์ได้จากผมไปแล้ว จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมขอลงจากรถตู้ตอนนั้น ลงไปนั่งร้องไห้อยู่ข้างถนน ผมไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ผมคิดอย่างเดียวว่าจะต้องไปหาเดียร์ให้ไวที่สุด ผมตัดสินใจลางานในทันทีและจองรถเที่ยวที่ไวที่สุดไปหาเดียร์ ผมไปช่วยงานจนเสร็จ ผมไม่มีความสุขเลย ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องจริง ผมดูแลเค้ามาเกือบ 6 ปี ผมรักเค้าและผมอยากจะเจอเค้าอีกครั้งแต่ผมคงได้แต่เจอเดียร์ในภาพถ่ายและความทรงจำเท่านั้นแต่ผมจะจำเดียร์จนวินาทีสุดท้ายที่ผมหายใจ ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตอย่างปกติที่สุด และบอกกับตัวเองเสมอว่าเดียร์จะอยู่ในใจไม่เราไปไหน เวลาไม่สบายใจ เศ้ราใจ ก็จะเข้าไปใน facebook เดียร์ เข้าไปโพสต์ถึงเดียร์ เล่าให้เดียร์ฟัง และมันไม่ใช่แค่ผม ทุกๆคนยังคงเข้าไปโพสต์ข้อความถึงเดียร์อยู่เสมอ อย่างที่บอกเดียร์เดียร์เป็นที่รักของคนทุกคน เพราะเดียร์ไม่เคยมีข้อมแม้สำหรับใคร รักและคิดถึงเดียร์