เหยื่อ...ตอนที่ 9

กระทู้สนทนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



เหยื่อ



โดย...ล. วิลิศมาหรา




ในที่สุดเอมิลี่ก็ได้เจอจีน...

แวบแรกที่เห็น เธอมีความรู้สึกว่าหญิงสาวร่างเพรียว ผมดำยาวเหยียดตรงถึงกลางหลัง รูปหน้าคมคายและมีนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคนนี้ช่างดูงามสง่าราวกับนางพญา หล่อนนั่งหน้าเชิดอยู่ที่เก้าอี้กินข้าว นิ้วคีบมวนบุหรี่ที่จุดสูบแล้วเหลืออยู่ครึ่งมวนไว้หมิ่นๆ

“สายัณห์สวัสดิ์จ้ะที่รัก วันนี้เธอดูดีขึ้นนี่ ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

หล่อนทักทายยิ้มๆ และตั้งคำถามกับคนที่ถูกมาร์ธาประคองเข้ามานั่งเก้าอี้ประจันหน้ากันกับหล่อน มีโต๊ะอาหารวางของน่ากินหลายอย่างคั่นกลาง ทั้งเนื้ออบ สลัดและพาสต้า สังเกตเห็นแก้วใบเขื่องบรรจุของเหลวชนิดหนึ่งค่อนใบวางอยู่ใกล้กันกับตะกร้าใส่ผลไม้สุดขอบโต๊ะ

...ยาจะทำให้ความจำเสื่อมและแข้งขาอ่อนแรง อาหารกับเครื่องดื่มล้วนผสมยานี้ทั้งนั้น...

นึกถึงคำพูดของคนช่วยประคองมา ที่เมื่อช่วยเธอให้นั่งลงเรียบร้อยแล้วหล่อนก็นั่งบนเก้าอี้ถัดไป มาร์ธาดูสงบปากคำและมีท่าทีสำรวมขึ้นมาก มื้อค่ำนี้ต่อหน้าของจีน เธอกับมาร์ธาวางแผนไว้ว่า ตัวเองจะต้องหาทางดื่มกินของบนโต๊ะให้น้อยที่สุด เอมิลี่ยอมรับว่าเชื่อใจหญิงชรามากกว่าหญิงสาวหน้าตาดีผู้เพิ่งได้เห็นหน้ากันครั้งแรก

เหลือบมองคนนั่งข้างชั่วแวบ ใบหน้าและสายตาของมาร์ธาเรียบเฉยเป็นปกติ หล่อนคงคุ้นชินกับการเสแสร้งแสดงออกแบบนี้นานแล้ว เพราะได้ยินหล่อนพูดกับผู้ชายสองคนนั่นว่าอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีและไม่ได้คิดหนีไปไหน ซึ่งมันคงหมายถึงหล่อนต้องแกล้งแสดงความจงรักภักดีต่อผู้หญิงชื่อจีนคนนี้มาโดยตลอดด้วยสินะ

“หวัด...หวัดดี ฉันยังปวดหัวอยู่นิดหน่อย ขอบใจมาก...ที่ช่วยเหลือ”

เอมิลี่ส่งยิ้มแห้งแล้งตอบ สบตากับอีกฝ่ายแล้วเผลอกำมือบนตักแน่น ความรู้สึกบอกว่าผู้หญิงสวยคนนี้มีอันตราย...เป็นอันตรายที่คาดเดาไม่ได้เสียด้วย ความหวาดหวั่นเร่งให้หัวใจสูบฉีดโลหิตไหลเวียนแรงขึ้นจนตัวร้อนผ่าว เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามไรผม ลมหายใจก็ติดขัดอยู่แถวลำคอจนเสียงพูดสะดุดตะกุกตะกัก

ตั้งสติให้ดีเอมี่ ต้องทำเป็นไม่ค่อยมีแรงและอย่าเผลอกินอะไร...

สั่งตัวเองอีกรอบในใจ ค่อยยังชั่วที่มื้อเที่ยงมาร์ธาเอาพิซซ่ากับนมแก้วโตมาให้ หล่อนหวังว่ามันจะอยู่ท้องแล้วทำให้แอมิลี่กินมื้อเย็นน้อยลง ชำเลืองมองไปทางกล้วยกับส้มในตะกร้าผลไม้ บางทีหลังกินอาหารหลอกๆ เสร็จลง เธอจะแอบหยิบติดมือไปในห้องด้วยสักลูกสองลูก เผื่อหิวขึ้นมากลางดึกจะได้ไม่ทรมานนัก ผลไม้พวกนี้ย่อมปลอดภัยจากยาพิษ นอกเสียจากว่ามันจะถูกฉาบจากยาพวกนั้นด้วย ซึ่งถ้าถึงขนาดนั้นเธอก็จนใจ

“เธอคงคือจีน...ใช่ไหม”

ถามทั้งๆ นึกรู้ได้ทันทีที่เห็นหน้า ผู้หญิงสวยบุคลิกงามสง่าแบบนี้ ก็สมแล้วที่สามคนในห้องนอนเมื่อตอนกลางวันจะเอ่ยถึงอย่างยกย่อง แต่สำหรับกับเธอแล้ว จีนคือสาวสวยที่น่ากลัว

หล่อนจรดปลายบุหรี่กับริมฝีปากแล้วซืดยาวๆ ก่อนหรี่ตาถามแทนคำตอบ

“จะสูบหน่อยไหม”

หญิงจากออลลีนแกว่งศีรษะปฏิเสธ กลอกตามองไปรอบห้องแล้วก็นั่งตัวเกร็งนิ่ง รอดูท่าทีของจีนที่คาดเดาไม่ถูกว่าจะมาไม้ไหน คนชวนเลยลุกไปขยี้บุหรี่ลงกับที่เขี่ย

“ใช่ ฉันคือจีน เราพบกันแล้วและเธอก็ลืมแล้ว” หล่อนย้อนกลับมานั่งที่เดิม จ้องหน้าเอมิลี่แล้วเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะเหมือนกำลังไตร่ตรอง ตาสีเข้มมองลึกราวอยากอ่านใจคนตรงหน้า

“เธอมาที่บ้านฉัน และ...มาร์ธาคงเล่าให้เธอฟังถึงอุบัติเหตุของพอล กับเรื่องร้ายๆ เมื่อคืนนี้แล้ว”

พยักหน้ารับโดยดี พยายามไม่ทำสีหน้าสงสัยออกมา เพราะถ้าหากไม่ไปรู้เรื่องหลอกลวงของผู้หญิงคนนี้เข้า รับรองว่าตัวเองต้องนึกแปลกใจในท่าทีเกือบเป็นปกติของหล่อนแน่ พอลเพิ่งแต่งงานกับจีนได้ไม่นาน แต่พอเขาหายตัวไปจากบ้านในตอนกลางคืน หล่อนซึ่งเป็นภรรยากลับดูเหมือนไม่ค่อยเป็นห่วงเป็นใยเขามากมายอย่างที่ควรเป็น เธอเสียอีกที่เป็นห่วงเขากับลูกแทบบ้า

“ฉันจำอะไรที่นี่ไม่ได้ จำได้แต่ตอนยังอยู่ในบ้านที่ออลลีน ฉันได้รับเมลจากเธอก็เลยชวนลูกมาหา ฉันไม่นึกว่าจะมาถึงบ้านเธอแล้ว และมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ พอตื่นขึ้นมาในบ้านหลังนี้มาร์ธาก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง เรื่องราวมันน่าตกใจและเหลือเชื่ออย่างมาก...มากเสียจนฉันมึนงงไปหมด ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ”

“ทำใจดีๆ เอาไว้ เอมี่ มาร์ธาบอกเธอหรือยังว่าเราตามหาพอลจนเจอแล้ว เขาอยู่ในโรงนาเก่าท้ายหมู่บ้านนั่นแหละ เราหาเขาเจอที่นั่นเสมอ ลิซก็อยู่ที่นั่นด้วย นายอำเภอแม็คกำลังพาพวกเขาไปให้หมอวิลเลียมดูอาการ พอลได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อักสักพักก็คงพามาส่งที่บ้าน”

เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เอมิลี่กัดริมฝีปาก หากเธอตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ใหม่ หล่อนก็คงจะบอกกับเธอแบบนี้อีก หล่อนตั้งใจจะรั้งตัวเธอเอาไว้จนกว่าจะหาพอลกับลิซ่าเจอ

“ฉันบอกเอมี่ไปหมดแล้ว” มาร์ธาพูดกับจีน ขณะเริ่มตักเนื้ออบแบ่งใส่จาน

“กินให้หมดนะจ๊ะ ไม่ต้องเป็นกังวล อาหารพวกนี้ฉันทำจนสุดฝีมือ”

ตักพลางหันมาบอกเธอ หล่อนเลื่อนจานใส่อาหารมาให้ตรงหน้า อีกจานเลื่อนส่งให้จีน เอมิลี่เหลือบสายตาเคลือบแคลงมองหน้าคนพูด มาร์ธาเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ แล้วพูดต่อ

“บอกว่าอย่า กังวล ไง เดี๋ยวแม็คก็พาสองคนนั่นมา พอลมีแผลโดนหินบาดที่เท้านิดหน่อย แผลไม่ใหญ่นัก ส่วนลิซปลอดภัยดี แล้วพรุ่งนี้เราก็จะไปโรงพยาบาลด้วยกัน เธอจะได้รับการตรวจความจำที่นั่นด้วย เอ้า มองหน้าฉันอยู่ได้ รีบกินเข้าสิ เดี๋ยวจะได้กินยากันต่อ”

หล่อนชำเลืองแลเธอซึ่งยังนั่งตีหน้ามึน พลางเอ็ดน้ำเสียงแกมเอ็นดู และพอสบตากันก็ดูเหมือนหล่อนกะพริบตาเป็นนัยให้ หญิงสาวจึงจำใจจับช้อนส้อมขึ้นมาถือไว้ กลั้นใจจิ้มเนื้ออบเข้าปากไปคำหนึ่ง...ในเนื้ออบนี้จะมียาลบความจำไหมนะ รำพึงในใจขณะเคี้ยวช้าๆ ไม่แน่ใจที่จะกลืนมันลงไป

“ดีมาก” เสียงชมอย่างพึงพอใจจากสาวผมดำ ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างเป็นประกายอยู่ภายใต้แสงไฟ หล่อนขยับตัวจัดการกับอาหารที่มาร์ธาจัดแจงให้บ้าง

“อย่างนั้นแหละ กินเยอะๆ จะได้มีเรี่ยวมีแรง ดูท่าทางเธออ่อนเพลียเหลือเกิน ไม่ต้องเป็นห่วงพอลกับลูกสาวเธอหรอกนะ พวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างดีจากหมอวิลเลียม เขาเป็นญาติฉันเอง กินเสร็จแล้วรีบนอนพัก พรุ่งนี้เราจะต้องเดินทางกันอีกไกล”

หล่อนเข้าใจพูดโน้มน้าวให้คลายกังวล แล้วจึงเริ่มตักอาหารเข้าปากตัวเอง พยักพเยิดให้เธอลงมือกินตาม เอมิลี่กลืนสิ่งที่อยู่ในปากลงลำคออันขมขื่น เคี้ยวพลางคิดว่าจะกินยังไงดีจึงจะไม่มีพิรุธ

อาหารบนโต๊ะจีนกับมาร์ธาก็กินเหมือนกันนี่นะ คงไม่เป็นไรกระมัง แต่คำเตือนของหญิงชราเองก็ยังดังก้องอยู่ในหู ยังไงก็ควรระวังตัวไว้ก่อน ถ้างั้นคงต้องกินให้น้อย ค่อยๆ เคี้ยว ค่อยๆ กลืน ว่าแต่เจ้าเครื่องดื่มแก้วใหญ่นั่นล่ะ ไหนจะยาของหมอวิลเลียมอีก สองสิ่งนี้จีนคงเตรียมไว้จัดการกับเธอแน่ๆ หล่อนต้องการให้เธอหลับ และลืมเลือนเรื่องราวของตัวเองลงไปอีก จนกว่าจะเหลือแต่สมองที่โล่งโจ้งว่างเปล่า เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง

“อันที่จริงพวกเราในหมู่บ้านนี้เป็นญาติกันทั้งนั้น อัลบัลคาลค่อนข้างโดดเดี่ยว แต่พวกเราก็มีความสุขกันมาก พอลก็เหมือนกัน ก่อนเกิดอุบัติเหตุเขาหวังจะให้เธอกับลูกได้มาพักผ่อนในหมู่บ้านชนบทนี้บ้าง พอลเล่าว่าลิซไม่เคยออกจากเมืองหลวงมาก่อน ส่วนเธอก็เอาแต่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อนหย่อนใจ”

เอมิลี่พยักหน้ารับส่งๆ ถ้าไม่รู้ความจริงก็คงเจ็บปวดไปกับคำพูดของหล่อนที่อ้างว่าพอลบอก เพราะบางสิ่งเป็นไปตามคำพูดของหล่อนจริง ซึ่งก่อนหน้านี้เธอก็เคยเข้าใจว่าพอลคิดแบบนั้นเหมือนกัน มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอกับเขาต้องแยกทางเดิน

“เธอเจอกับพอลที่ไหนเหรอจีน พอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหม” ได้ทีเลยเคี้ยวอาหารช้าๆ หาเรื่องคุยด้วยกับหล่อนเสียเลย แม้รู้ดีว่าทุกเรื่องที่อีกฝ่ายเล่าล้วนเป็นเรื่องโกหกพกลมก็ตาม

“ฉันเคยทำงานเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลในตัวเมืองบัลคาล  ปีก่อนพอลมาถามหาด็อกเตอร์โจ แพทย์ประจำโรงพยาบาลเพื่อเสนอขายเครื่องมือแพทย์ แล้วหลังจากนั้นเราก็คบกัน” เล่าเสียงเรียบ ไม่มีอารมณ์โรแมนติกอย่างคนที่กำลังเล่าถึงความรักความหลังอยู่ในน้ำเสียงแม้แต่น้อย

“หลังแต่งงานกันไม่นานเราก็เริ่มวางแผน...” หล่อนชะงักมือจากการใช้มีดตัดเนื้ออบ หลุบตาลงมองจานอาหารตัวเองเหมือนกำลังรวบรวมความคิด แล้วจึงเหลือบขึ้นสบตาเธอใหม่ ก่อนเล่าต่อ...กำลังคิดว่าจะกุเรื่องต่อยังไงล่ะซี้

“พอลชอบชีวิตชนบท เขาขอให้ฉันลาออกจากงาน ส่วนเขาก็กะว่าจะออกไปต่างเมืองเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเราจะสร้างฟาร์มเลี้ยงสัตว์กันที่นี่ เขาอยากใช้ชีวิตเรียบง่ายสงบสุขอยู่กับฉัน แต่นั่นแหละ ไม่น่าเลย...เขาเกือบทำสำเร็จแล้วเชียว แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่เคยสิ้นหวัง คิดเสมอว่ายังมีทางรักษาเขาให้หายได้”

สุ้มเสียงอ่อนเศร้าค้านกันกับแววตาบาดคมลุ่มลึก ท่าทางของหล่อนมันเป็นท่าทางของคนที่กำลังกุเรื่องโกหก ไม่จริงสักนิด พอลไม่ได้อยากเป็นเกษตรกร เอมิลี่เถียงหล่อนในใจ เธอรู้จักอดีตสามีดี นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ผู้ชายสูงใหญ่องอาจฉลาดเฉลียว หวีผมเรียบแปล้และแต่งตัวดี โลดโผนทะเยอทะยานใฝ่รู้อยู่เสมอ เขาอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ต่างหาก...ถ้าเขาทำได้นะ

...ครั้นแล้วก็นึกขำตัวเอง ก็หล่อนกำลังโกหกอยู่นี่นา จะต้องไปนึกค้านหล่อนทำไม...

นึกถึงหนังสือพวกนิยายไซไฟเต็มชั้นวาง อีกทั้งงานวิจัยค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ที่เขามักชอบอ่าน เขาอาจหมกมุ่นกับพวกมันมาก แต่จะผ่อนคลายลงทันทีเมื่อเธอแทรกตัวเข้าไปซุกซนระหว่างตัวเขากับหนังสือ จูบเขาและขบกัด

โอ้ ตอนนั้นเธอรักเขาเหลือเกิน ขอบคุณที่ถึงขณะนี้พระเจ้าก็ไม่ได้จับเขาให้คู่กันกับจีนจริงๆ เพราะในใจเธอยังนึกเสียดายเขาอยู่เสมอ มาร์ธาเล่าให้ฟังว่าพอลทำทุกอย่างลงไปก็เพื่อช่วยเธอกับลูก จากอันตรายอะไรก็ตามซึ่งกำลังจ้องทำร้ายพวกเธออยู่ รวมทั้งที่เขาแยกตัวออกมาจากเธอกับลูกด้วย ซึ่งมันแสดงว่าเขายังรักเธอมั่นคง พระเจ้าช่วย ขอให้เขาปลอดภัยด้วยเถิด...เอมิลี่คร่ำครวญในอก

“อือฮึ ฉันรู้ ฉันรู้...นั่นละคือสิ่งที่เราไปด้วยกันไม่ได้ จนต้องทางใครทางมัน โธ่ พอลผู้น่าสงสาร” รำพันตามน้ำไปกับหล่อน แล้วถือโอกาสกลืนอาหารคำสุดท้ายก่อนรวบช้อนลง มาร์ธาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แลดูเธอด้วยหางตา ทักว่า

“อิ่มแล้วหรือ กินนิดเดียวเอง”

“ฉันเบื่ออาหาร อยากได้ผลไม้นั่นหน่อยมากกว่า” ชี้มือไปทางส้มกับกล้วยที่หมายตา เธอเคี้ยวเนื้ออบไปเพียงไม่กี่คำ ซึ่งคงไม่ยากในการกำจัดมันออกไปจากกระเพาะ

“นึกไว้แล้วเชียว ที่จริงเธอกับพอลอาการคล้ายๆ กัน ฉันเลยชงพวกธัญพืชผงไว้ให้ พอลตอนความจำเสื่อมก็เบื่ออาหารแบบนี้แหละ แต่เขาดื่มของเหลวแทน มันช่วยได้มากทีเดียว ป้ามาร์ธา ช่วยเอาแก้วธัญพืชชงไปให้เอมี่หน่อยสิจ๊ะ ฉันอยากเห็นเธอดื่มมันให้หมด มันดีต่อสุขภาพของคนป่วยอย่างเธอ”

น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยแนะนำอย่างหวังดี ทว่าดวงตาสีเข้มกลับจ้องมองคาดคั้น ซึ่งมาร์ธาก็ลุกขึ้นมาทำตาม และแล้วแก้วบรรจุของเหลวใบนั้นก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้าเอมิลี่

“ฉัน...ฉันอยากได้ผลไม้ ขอมันให้ฉันเถอะ” พยายามต่อรองเสียงแผ่ว รู้สึกหวาดกลัวเจ้าเครื่องดื่มสีคล้ำแก้วนั้นขึ้นมาติดหมัด    

“ดื่มก่อนสิ แล้วค่อย จัดการ กับผลไม้ทีหลังก็ได้”

มาร์ธาจงใจเน้นตรงคำว่า จัดการ พลางพยักหน้าให้ เอมิลี่อิดออด แต่ครั้นเห็นสายตาจับจ้องของจีนเธอก็หมดทางเลี่ยง ถอนหายใจยาวแล้วกลั้นใจยกแก้วธัญพืชขึ้นดื่ม กลิ่นหอมของเมล็ดพืชพันธุ์อวลเข้าจมูก รสชาติของมันดีกว่าที่คิดไว้มาก หญิงสาวดื่มรวดเดียวจนเกือบหมดแก้ว...อีกเดี๋ยวค่อยเข้าห้องน้ำจัดการล้วงคอเอาออกให้หมด กำหนดขั้นตอนไว้ในใจ

“เอาล่ะ และนี่คือยาของหมอวิลเลียม เขาจัดให้กินบรรเทาอาการปวดหัวไปก่อน...ก่อนจะไปตรวจอย่างละเอียดในโรงพยาบาลอีกที สักพักเธอค่อยกินก็ได้”


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่