คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ขอบคุณทุกๆคำแนะนำนะคะ เมื่อวานนี้ตอนเย็นเอาสตางค์ไปให้เขา บอกเขาว่าอยากจะช่วย แต่เขาบอกว่า เขาคุยกับทางโน้นแล้ว จ่ายเงินตอนนี้ไม่ทันแล้ว ยังเคลียร์ของออกไม่ได้ ต้องรออีกทีวันจันทร์เลย ก็เลยบอกเขาว่า ถ้ามีติดขัดอะไรก็บอกมายืมก่อนได้
ยิ่งรู้สึกผิดนะ ถ้าเราช่วยเขาทันทีเมื่อวาน เขาก็จะได้เคลียร์ของออกมาขาย แต่พอเราบ่นเขา ยืมอีกละ ไปหงุดหงิดใส่เขา เขาเลยไม่มีเงินไปเคลียร์ของ ต้องรอเคลียร์อีกทีวันจันทร์ แทนที่จะได้รีบเอาของออกมาขายตั้งแต่เมื่อวาน
เมื่อเช้าเราปฏิบัติกรรมฐาน เราก็พิจารณาดูแล้วว่า จริงๆตัวเรานี้มีแต่รูปนาม ขันธ์ 5 เท่านั้น ไม่ได้มีตัวมีตนอยู่จริง ทุกวันนี้ที่เรามีกินมีใช้ อยู่ดีกินดีอย่างสบายก็เพราะเราเคยได้สร้างทานมาก่อนในอดีต ถ้าอยู่ๆเราเกิดตายไปวันนี้ เงินทองของเราก็ตกเป็นของคนอื่น ยังไม่ได้ช่วยเหลือใคร ไม่ได้ทำบุญ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรให้กับใครเลย การที่เราช่วยเหลือเขา ก็เท่ากับเราช่วยเหลือตัวเอง หากเรายังปฏิบัติกรรมฐานจนยังไม่บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ ยังต้องทนทุกข์ต้องมาเกิดในวัฏสงสาร ยังไม่รู้ว่าภพชาติต่อไปจะได้เกิดเป็นมนุษย์ไหม ถ้าเราไปเกิดในที่ไม่ดี มีความยากลำบาก เราก็ยังจะมีคนเมตตามาช่วยเหลือเราเสมอ ด้วยผลกรรมดีที่เราเคยช่วยเหลือคนอื่นมาในภพชาตินี้
จริงๆเราคิดได้นะ ถ้ามีสติสักนิดก็จะไม่ไปหงุดหงิด ไม่ไปรำคาญเขาก่อน แล้วต้องมาเสียใจทีหลัง โอกาสที่จะช่วยเหลือคน โอกาสที่จะสร้างบุญมันมีมาเสมอ แต่จิตคนเรามันร้าย มันขวางทางอยู่ บวกกับกิเลสของเราที่ไม่อยากละ ไม่อยากสละออก หวงของ ยังมีความเป็นตัวเรา ของเราอยู่ ถ้าหยุดพิจารณา มีสติคิดก่อนสักนิดก็จะไม่ไปหงุดหงิดเขาเลย ตัวนี้แหละที่เราจะฝึกยังไงให้ต่อไปเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะไม่หงุดหงิด ไม่รำคาญก่อน จะฝึกให้ตัดความตระหนี่ออกไปได้หมดจด
อยากได้ธรรมะ อยากจะสละละตัวนี้ออกไปได้ เป็นสิ่งที่เราอยากจะฝึกค่ะ เราอยากจะได้ธรรมะขั้นสูง อยากตัดความตระหนี่ออกจากใจ อยากจะพ้นทุกข์ไปจากวัฏสงสารนี้ ไม่อยากมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
ยิ่งรู้สึกผิดนะ ถ้าเราช่วยเขาทันทีเมื่อวาน เขาก็จะได้เคลียร์ของออกมาขาย แต่พอเราบ่นเขา ยืมอีกละ ไปหงุดหงิดใส่เขา เขาเลยไม่มีเงินไปเคลียร์ของ ต้องรอเคลียร์อีกทีวันจันทร์ แทนที่จะได้รีบเอาของออกมาขายตั้งแต่เมื่อวาน
เมื่อเช้าเราปฏิบัติกรรมฐาน เราก็พิจารณาดูแล้วว่า จริงๆตัวเรานี้มีแต่รูปนาม ขันธ์ 5 เท่านั้น ไม่ได้มีตัวมีตนอยู่จริง ทุกวันนี้ที่เรามีกินมีใช้ อยู่ดีกินดีอย่างสบายก็เพราะเราเคยได้สร้างทานมาก่อนในอดีต ถ้าอยู่ๆเราเกิดตายไปวันนี้ เงินทองของเราก็ตกเป็นของคนอื่น ยังไม่ได้ช่วยเหลือใคร ไม่ได้ทำบุญ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรให้กับใครเลย การที่เราช่วยเหลือเขา ก็เท่ากับเราช่วยเหลือตัวเอง หากเรายังปฏิบัติกรรมฐานจนยังไม่บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ ยังต้องทนทุกข์ต้องมาเกิดในวัฏสงสาร ยังไม่รู้ว่าภพชาติต่อไปจะได้เกิดเป็นมนุษย์ไหม ถ้าเราไปเกิดในที่ไม่ดี มีความยากลำบาก เราก็ยังจะมีคนเมตตามาช่วยเหลือเราเสมอ ด้วยผลกรรมดีที่เราเคยช่วยเหลือคนอื่นมาในภพชาตินี้
จริงๆเราคิดได้นะ ถ้ามีสติสักนิดก็จะไม่ไปหงุดหงิด ไม่ไปรำคาญเขาก่อน แล้วต้องมาเสียใจทีหลัง โอกาสที่จะช่วยเหลือคน โอกาสที่จะสร้างบุญมันมีมาเสมอ แต่จิตคนเรามันร้าย มันขวางทางอยู่ บวกกับกิเลสของเราที่ไม่อยากละ ไม่อยากสละออก หวงของ ยังมีความเป็นตัวเรา ของเราอยู่ ถ้าหยุดพิจารณา มีสติคิดก่อนสักนิดก็จะไม่ไปหงุดหงิดเขาเลย ตัวนี้แหละที่เราจะฝึกยังไงให้ต่อไปเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะไม่หงุดหงิด ไม่รำคาญก่อน จะฝึกให้ตัดความตระหนี่ออกไปได้หมดจด
อยากได้ธรรมะ อยากจะสละละตัวนี้ออกไปได้ เป็นสิ่งที่เราอยากจะฝึกค่ะ เราอยากจะได้ธรรมะขั้นสูง อยากตัดความตระหนี่ออกจากใจ อยากจะพ้นทุกข์ไปจากวัฏสงสารนี้ ไม่อยากมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
แสดงความคิดเห็น
วางใจอย่างไรให้ลดความตระหนี่ได้คะ
ทั้งๆที่ก็รู้ว่า ช่วยเหลือเขา ก็เหมือนช่วยตัวเราเอง อีกหน่อยก็มีคนมาช่วยเหลือเราหากเราลำบากเช่นกัน
เป็นเพราะเราเองรึเปล่าที่จิตใจเต็มไปด้วยกิเลส? จึงยังมีความตระหนี่อยู่ ก็รู้สึกผิดนะที่ไม่ให้ยืมแต่อดหงุดหงิดไม่ได้จริงๆ
ก็นะบางคนหนี้เก่ายังไม่มาเคลียร์ จะมายืมอีกละ เฮ้อ แอบถอนหายใจเบาๆ เบื่อที่มีแต่คนมายืมเงินตลอดเลย ไม่อยากมองให้เป็นทุกข์ใจ แต่ก็อดไม่ได้
คนเรานี่ก็แปลกทีทำบุญเป็นหมื่น เป็นแสนทำได้ไม่เสียดาย พอคนยืมเงินหลักหมื่นกลับตระหนี่ (ด่าตัวเองอยู่นะ) จะทำยังไงดีให้ความรู้สึกตระหนี่หมดไปได้?