ปริยัติ ปฎิบัติ และผลแห่งการปฎิบัติ แบบ รู้แค่รู้ พอจบ

กระทู้สนทนา
ปริยัติ ท่องให้ได้ ซ้ำๆว่า รู้แค่รู้ พอจบ

ปฎิบัติ อย่าทำสมาธิ เป็นมาร ติดเพ่ง ฤาษีชีไพร

                      ต้อง เกิดราคะ โทสะ โมหะรู้ พอจบ

อย่าไปละ เพราะก่ดข่มกายใจ บังคับบัญชาไม่ได้

ผลแห่งการปฎิบัติ ปรามาส สมาธิ อันเป็นไตรสิกขา

แสดงความอาฆาต มาดร้าย ดูถูก เหยียดหยาม ปรามาส ดิสเครดิต ยกตนข่มท่าน แทนการแสดงข้อแลกเปลื่อนทางธรรม

กับผู้ไม่เห็นด้วยกับตน และสำนักแห่งตน

มิตอบคำถามว่า

                       สมุทัย อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ ที่พระพุทธองค์ทรงให้ละ ใยสาวกกลับให้ เจริญ

                       มรรค อันเป็นเหตุเดียว ที่ทำให้ถึงนิโรธ ดังที่พระองค์ทรงแสดง ใยจึงปรามาสและไม่ปฎิบัติ ใยสาวกปรามาส สมาธิ

ซึ่งคือเป็นไปเพื่อปัญญา และละเลยในสัมมาข้ออื่น

หรือเพราะมิได้สดับ ( ธรรมแห่งพระองค์ ) จึงขาดโยนิโสมนสิการ สัมมาทิฎฐิจึงไม่เจริญ

สัมมาทิฎฐิ อันเป็นข้อแรกในอริยมรรค ซึ่งพระองค์กล่าว ว่าคือ

อริยสัจสี่

ทุกข์ รู้ว่าต้องกำหนดรู้ กำหนดรู้ รู้ว่ากำหนดรู้แล้ว

สมุทัย รู้ว่าต้องละ เพียรละ รู้ว่าละแล้ว

นิโรธ รู้ว่าต้องกระทำให้แจ้ง ทำให้แจ้ง ( ด้วยมรรค ) รู้ว่ากระทำให้แจ้งแล้ว

มรรค รู้ว่าต้องเจริญ เจริญในมรรค รู้ว่าเจริญในมรรคแล้ว

นั่นคือ ญาณสาม อาการสิบสอง อันเป็นเหตุให้พระองค์ทรงบรรลุ สัมมาสัมพุทธโพธิญาณ และก้าวล่วงแห่งทุกข์ทั้งปวง

ขอตัวแทนแห่ง รู้แค่รู้ พอจบ

แจงตรงนี้ เพื่อความกระจ่างในธรรม ที่ตนเผยแพร่ด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่