Mother!
หนังที่ดูแล้วค่อนข้างชวนพิศวงตลอดการชม และน่าชื่นชมผู้กำกับในการนำเสนอเล่าเรื่องราวได้อย่างไม่หลุดแนวทางตลอดเรื่อง มันทำให้ผู้ชมผู้ชอบความแปลกบ้าน่าจะดูได้อย่างสนุก แต่หนังแบบนี้ยากที่จะมีกลุ่มคนดูมากๆแบบหนังตลาด ความคิดผมหนังก็ดูไม่ยากแม้ว่าดูเหมือนยากจะเข้าใจก็ตาม
หากตีคู่สองสามีภรรยาเป็นขั้วลบและขั้วบวก หรือจะด้านบวก และลบ อันมีเรื่องราวจากเหตุการณ์ในท้องเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อคนทั้งคู่ ซึ่งต่างฝ่ายก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน โดยผ่านจินตนาการเรื่องราวของผู้กำกับฯ ที่แฝงนัยยะทางสังคมลงไปในหนังเรื่องนี้ได้อย่างฉลาด โดยที่นัยยะที่แฝง. ผมคิดว่ามันเปิดให้เราคิดตีความกันตามความเข้าใจกัน
ในขณะเดียวกันถ้าดูแบบไม่ต้องตีความ. มันก็ได้ในมุมมองของภาษาภาพยนตร์ การเล่าเรื่องที่มาที่ไปของเหตุการณ์ได้อย่างน่าสนใจเช่นกัน ถึงแม้มันอาจไม่ถูกจริตกับผู้ชมส่วนใหญ่แบบที่เขาเหล่านั้นคุ้นเคยกับแนวทางตลาด
เรื่องนี้นักแสดงบทสมทบค่อนข้างเด่นมาก เอ็ด แฮริส. และ มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ โดยเฉพาะกับ มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ นั้นสามารถกลบ เจนนิเฟอร์ ลอร์เลนซ์ แบบชัดเจนในทุกฉากที่ทั้งสองประชันกัน
หนังเรื่องนี้ที่เด่นอีกอย่างคือการบันทึกเสียงมันสร้างอารมณ์ร่วมไปตลอดการชม ทุกๆเสียงในหนังที่เกิดขึ้นมันช่างเปี่ยมมิติ ผมชอบมาก แม้แต่งานด้านภาพที่ออกมาในหนังก็ดูเข้ากับเรื่องราวในตัวหนัง ที่เปี่ยมความพิศวง ยุ่งเหยิง สิ้นหวัง โดยที่ภาพออกแนวประมาณเรานอนฝันซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้นหลังจากดูจบลง
ก็ถือว่าเป็นหนังดีเรื่องหนึ่งที่คอหนังน่าไปดูกัน
ให้คะแนน 8/10
[CR] ไปตีตั๋ว Mother!
หนังที่ดูแล้วค่อนข้างชวนพิศวงตลอดการชม และน่าชื่นชมผู้กำกับในการนำเสนอเล่าเรื่องราวได้อย่างไม่หลุดแนวทางตลอดเรื่อง มันทำให้ผู้ชมผู้ชอบความแปลกบ้าน่าจะดูได้อย่างสนุก แต่หนังแบบนี้ยากที่จะมีกลุ่มคนดูมากๆแบบหนังตลาด ความคิดผมหนังก็ดูไม่ยากแม้ว่าดูเหมือนยากจะเข้าใจก็ตาม
หากตีคู่สองสามีภรรยาเป็นขั้วลบและขั้วบวก หรือจะด้านบวก และลบ อันมีเรื่องราวจากเหตุการณ์ในท้องเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อคนทั้งคู่ ซึ่งต่างฝ่ายก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน โดยผ่านจินตนาการเรื่องราวของผู้กำกับฯ ที่แฝงนัยยะทางสังคมลงไปในหนังเรื่องนี้ได้อย่างฉลาด โดยที่นัยยะที่แฝง. ผมคิดว่ามันเปิดให้เราคิดตีความกันตามความเข้าใจกัน
ในขณะเดียวกันถ้าดูแบบไม่ต้องตีความ. มันก็ได้ในมุมมองของภาษาภาพยนตร์ การเล่าเรื่องที่มาที่ไปของเหตุการณ์ได้อย่างน่าสนใจเช่นกัน ถึงแม้มันอาจไม่ถูกจริตกับผู้ชมส่วนใหญ่แบบที่เขาเหล่านั้นคุ้นเคยกับแนวทางตลาด
เรื่องนี้นักแสดงบทสมทบค่อนข้างเด่นมาก เอ็ด แฮริส. และ มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ โดยเฉพาะกับ มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ นั้นสามารถกลบ เจนนิเฟอร์ ลอร์เลนซ์ แบบชัดเจนในทุกฉากที่ทั้งสองประชันกัน
หนังเรื่องนี้ที่เด่นอีกอย่างคือการบันทึกเสียงมันสร้างอารมณ์ร่วมไปตลอดการชม ทุกๆเสียงในหนังที่เกิดขึ้นมันช่างเปี่ยมมิติ ผมชอบมาก แม้แต่งานด้านภาพที่ออกมาในหนังก็ดูเข้ากับเรื่องราวในตัวหนัง ที่เปี่ยมความพิศวง ยุ่งเหยิง สิ้นหวัง โดยที่ภาพออกแนวประมาณเรานอนฝันซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้นหลังจากดูจบลง
ก็ถือว่าเป็นหนังดีเรื่องหนึ่งที่คอหนังน่าไปดูกัน
ให้คะแนน 8/10