สวัสดีค่ะ
ต่อจาก ความเดิมตอนที่แล้ว >> ฟินแลนด์ดินแดนมหัศจรรย์ ตอน: เริ่มต้นชีวิตใหม่ ในดินแดน พระอาทิตย์เที่ยงคืน
https://pantip.com/topic/36892736
นั่นแหละคะ มีคนเคยถามเราว่า .. ไปฟินแลนด์ แล้วถึงฟินแลนด์ มั๊ย??
ครั้งแรกที่ได้ฟังก็ งง? ไปเลยยย .. อ้าว ก็ ก็ ก็ถึงสิ .. แล้วก็ตอบกลับเค้าไปว่า ถึงคะ ... ข้อความต่อไปที่ได้ยินกลับมาคือ สรุปถึงใช่มั๊ย?? เค้าก็หัวเราะ แล้วก็จากไป ... หนักเลยทีนี้ งง? เต๊ก!! หนักกว่าเดิม (แล้วก็ก้มหน้าลง พูดกับตัวเองว่า!!.. ข้าก็ว่าข้าก็ถึงนะ เครื่องบินก็จอดที่ฟินแลนด์นี่หว่า หรือไม่ถึงวะ อ้าว!! สับสนกับตัวเองไปเลยพักนึง...555+)
ก่อนเรามาฟินแลนด์ ก็เหมือนๆ กับคนอื่นทั่วไป คือ ตามหาหนังสือตามร้านขายหนังสือชั้นนำ เกี่ยวกับประเทศนี้ ว่ามีอะไรบ้างน้าาาา .. แต่พบว่า น้อยมาก (ก็พอมีอยู่นะแต่น้อยมาก) ที่จะมีคนเขียนรีวิวเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การท่องเที่ยวแบบเจาะลึก หรือวัฒนธรรมที่สำคัญๆ ของฟินแลนด์ .. ส่วนใหญ่ที่ได้เจอก็จะเป็นเรื่องการศึกษา เพราะการศึกษาของที่นี่จัดเป็นระบบการศึกษาที่ดีอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ (ไม่แน่ใจว่าใช่อันดับที่หนึ่งมั๊ย?) .. เราก็หาอ่านในเว็ปไซด์บ้าง ดูยูทูปบ้าง จากคำบอกเล่าบ้าง ส่วนใหญ่จะทราบจากรุ่นพี่ที่ได้ทุนเดียวกัน แล้วมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ .. ข้อมูลพื้นฐานคราวๆ ที่ได้เสพมาก็จะประมาณว่า เป็นประเทศเล็กๆ ในแถบยุโรป เกือบจะติดแถบขั้วโลกเหนือ มีอากาศหนาวเย็น ถึงหนาวมว๊ากกกก ตลอดทั้งปี ประชากรในประเทศนี้มีไม่มากนัก ประมาณ 5 ล้านกว่าคนเท่านั้น ...ไฮไลท์ หลักๆ ที่จำได้นี่คือ แซนต้าครอสเลย ที่นี่เป็นดินแดนต้นกำเนิดของเหล่าแซนต้าครอส เป็นต้นกำเนิดของ ตัวการ์ตูนมูมิน ด้วย .. ตอนก่อนมานี่ไม่ได้คิดเล๊ย!! ว่าจะเจออะไร กะการเดินทาง หรือเรื่องเรียนบ้างนะ มีแต่ความอยากกกก .. อยากเจอแซนต้าคอสจัง อยากได้ตัวการ์ตูนมูมินของแท้จัง อยากเห็นแสงเหนือจุง อ๊ากกก!! อยากไปหมด (เหมือนเด็กอยากไปเที่ยว ก็จะเพ้อๆ หน่อยอะนะ 55+)

จากที่ได้มาสัมผัสและอยู่ที่ิฟินแลนด์ได้ไม่นานนัก ก็พบว่าดินแดนนี้เป็นดินแดนที่สงบ ธรรมชาติเยอะมากกกก คนฟินแลนด์ก็นิสัยดี น่ารัก ดูนิสัยคล้ายๆคนไทย ยิ้มง่าย ชอบช่วยเหลือ .. มีอยู่วันหนึ่ง เราเดินหาห้องเรียนไม่เจอ ก็เดินไปถามพี่คนหนึ่ง ว่าห้องนี้ไปทางไหนคะ ซึ่งพี่เค้าก็ไม่แน่ใจ (และเค้าก็กะลังก้มๆเงยๆอยู่กับอะไรสักอย่าง) แต่เค้าก็พาเราไปเดินหา ถามคนโน้นคนนี้ให้ จนหาห้องสำเร็จ .. ครั้งนึง เพื่อนเราลืม แล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่สำนักคอม นึกขึ้นได้คือมืดแล้ว พอกลับไปที่สำนักคอมของมหาลัย ก็พบว่าโทรศัพท์ยังวางอยู่ที่เดิม บนโต๊ะคอม ไม่หายไปไหน เราก็ร้องโห สวดยอดอะ .. จากประสบณ์ที่ได้เจอ เราเลยขอบอกและยืนยันเป็นอีกเสียงนึงเลยว่า ที่นี่เป็นประเทศที่มีความสงบและมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เหมาะแก่การมาเรียนมากกกก

กิจกรรมส่วนใหญ่ที่เราเข้าร่วมกับทางมหาลัยก็จะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับนักเรียนต่างชาติที่มาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เราได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมเล่นเกมกับนักเรียนต่างชาติอื่นๆ แล้วก็ได้พบกับพี่สาวชาวไทยอีกหนึ่งคน (ที่รู้ว่าเป็นคนไทยเพราะพี่เค้าเพ้นรูปธงชาติไทยที่แก้มทั้งสองข้าง ไอ้เราก็โอ๊ะ!! ธงประเทศไทยนี่ เดินเข้าไปถามเลยคร้า ว่ามาจากประเทศไทยหรอค่ะ สรุปว่าใช่ พี่เค้ามาจากมหาลัยชื่อดังทางภาคอิสาน เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนกัน จะมาอยู่ที่นี่ 4 เดือน) เย้ๆๆ ดีใจที่มีเพื่อนคนไทยเพิ่มอีกแว้ววว พี่เค้าชื่อพี่ฟ้า (นามสมมติคะ) คุยกันอยู่นาน (แล้วการแชร์ประสบการณ์ความวุ่นวายในช่วงแรกๆ ที่มาอยู่ที่นี่แก่กัน 55+ .. แต่พี่เค้าพักคนละ ละแวกกับหอพักเรา) ก่อนกลับก็ยังกอดล่ำลา แล้วก็แลกไลน์กัน เผื่อจะนัดกันไปเดินในเมืองบ้าง

และแล้ววันที่ท้องฟ้าสดใส อากาศเย็นสบายยย (จนจะแข็ง!!) ก็มาถึง..
วันนั้นเรานัดกะพี่ฟ้า เพื่อไปเดินในเมือง แต่ว่ายังไม่มีจุดหมายเท่าไหร่ ว่าจะไปที่ไหนแน่ .. วันนั้นเราก็เลยแนะนำให้พี่ฟ้า ไปรู้จักกับร้านอาหารไทย และร้านขายของไทยด้วยเลย (ขากลับนี่ได้กับข้าวมาคนละถุงสองถุง กันเลยทีเดียว เอิ๊กๆ) พี่ฟ้าบอกว่า พี่เคยมาเดินในเมืองบ้าง แต่ก็ไม่ทั่วเท่าไหร่ .. วันนั้นเราก็เลยจัดกันยาวววว ท้างงง วันไปเลย เข้าออกร้านค้ากันอย่างเมามัน ... แล้วอยู่ๆ พี่ฟ้าก็บอกว่า เราไปกินขนมที่ร้าน มูมิน คาเฟ่ กันมั๊ย .. เราก็ห๊ะ!! อะไรนะ ร้าน มูมิน หรือค่ะ ที่นี่มีหรือค่ะ หนูนึกว่ามีแต่ที่เมืองหลวง (คือข้อมูลอิฉันไม่แน่นเลย พลาดมากกก ไม่งั้น คงจะมาจัดไปตั้งแต่มาแรกๆแว้ววว) ตอนนั้นดีใจสุดๆ จะได้เจอร้าน มูมินคาเฟ่ แว้ววว ... แล้วพี่ฟ้าก็พาเดินไปที่ร้าน ... เข้าไปถึงนี่ ละลานตามากกก มูมิน เต็มไปหมด ตั้งแต่ป้ายหน้าร้าน จาน ช้อน แก้ว ให้เลือกหยิบเอาเลย ว่าจะสั่งอาหารเมนูไหน แล้วใส่ในจาน ในแก้ว ลายมูมินแบบไหน


.. เพลินไปหมด .. ข้างในตัวร้านก็ยังมีมุม มูมิน ที่เพ้น ไว้ตามฝาผนังให้ถ่ายรูป แล้วก็จะมีตุ๊กตามูมิน ตัว หย่ายยยย ใหญ่ วางไว้ตามโต๊ะอาหาร ที่เราไปนั่ง .. ประหนึ่งว่า เรากำลังมาออกเดท กับพวกนางเลยทีเดียว ... เรานี่ถึงขั้นเก็บบิลที่ได้จากตอนเช็คบิลราคาสินค้าในร้านไว้เลย (ซึ่งมื้อนี้ พี่ฟ้าเลี้ยงอีกตังหาก) เอาไปแปะไว้ในสมุดบันทึก ไว้เป็นที่ระทึกกันไป 555+ งานนี้ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการอย่าง พี่ฟ้า สุดสวยยย มากๆๆ คะ


ระหว่างช่วงที่เราเรียนที่นั่น มหาวิทยาลัย ก็จะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย ที่แพลนเอาไว้ในทุกๆ เดือน มีทั้งทริปในประเทศและต่างประเทศที่เราสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับเค้าได้ (แค่จ่ายเงิน) เค้าก็จะมีโบว์ชัวว์มาแจกให้ ว่าไปที่ไหน ราคาเท่าไหร่ เช่นไปเที่ยวสวีเดน ไปเที่ยวอบซาวน่าและตากหิมะ ไปเที่ยวรัซเซีย ไปเลปแลนด์ อะไรประมาณนี้ แต่คือที่สะดุดตา!! สุดๆ ก็การไปเลปแลนด์นี่แหละ เพราะว่าเป็นดินแดนต้นกำเนิดของแซนต้าครอส ในใบกิจกรรมเค้าก็จะอธิบายว่า ไปเลปแลนด์ต้องเสีย 450 ยูโรนะ จะได้ถ่ายรูปในหมู่บ้านแซนต้าครอส แล้วก็จะมีกิจกรรมเสริมพวกนั่งรถลากเลื่อนของน้องหมาไซบีเลียน ขี่กวางเลนเดียร์ เข้าซาวน่าที่นั่น แล้วก็ถ่ายรูปกับแซนต้า ตัวจริง .. แต่ทั้งหมดทั้งมวล กิจกรรมเสริมพวกนี้ ก็จะต้องเสียตังค์เพิ่ม .. ซึ่งโอ้โหหหหห .. แต่จุดนั้นก็ตัดสินใจว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเว้ย เอาว่ะ นัดเพื่อนคนจีนเลยคร้า ว่าจะไปโน้นนี่นั่น ทำกิจกรรมเสริมอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายรวมๆ นี่ประมาณ ไม่เกิน 600 ยูโร ก็ประมาณคร่าวๆ สองหมื่นกว่าบาท แม่เจ้า!! .... พอตกลงกันเสร็จ ก็เดินกลับห้อง (คิดในใจ .. นี่ข้าคิดดีแล้ว ชิมิ 55+) แต่ก็เอาวะ ไปก็ไป ครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะถ้าให้มาเองใหม่ ก็คงไม่มีโอกาสแล้ว และคงจะแพงกว่านี้แน่...
.. พอถึงวันจองบัตร ป๊าดดดดด ในวันที่เค้ากำหนดการเดินทาง อาจารย์นัดเรียนจร้า แล้วถ้าเป็นแลคเชอร์นี่ก็พอจะโดดได้ แต่นี่ดันเป็นเลป แถมงานกลุ่มอีกตังหากกก .. คือแบบ แซนต้าครอสสส ของฉ้านนนนน .. สรุป อดไป!! เซ็งสุดๆ ตอนบอกเพื่อนนี่ เพื่อนทำหน้าช๊อค!! ไปเลย เพราะนางอยากไปมากกว่าฉัน 555+ (ดีนะที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน เหอๆ)
แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่ง ความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น!!!!!!!
วันนั้นจำได้ว่านั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะ ข้างหน้าต่างในห้อง .. อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน เยอะแยะไปหมด (เพราะหอที่นักเรียนต่างชาติอยู๋นี่จะอยู่ติดๆกันเลย ในระแวกนั้น) ไอ้เราก็ว่า เค้าคุยอะไรกัน เสียงโวกแวกโวยวาย .. ก็ชะโงกหน้าไปดู อ้าว!! คนเยอะไปหมด แล้วก็แหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า แล้วก็ชี้โน้นชี้นี่ .. ด้วยความเป็นคนชั่งสังเกตุ (จิงๆ คือ อยากรู้อยากเห็น 55+) ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าตรงขอบหน้าต่าง อ้าว ก็มืดๆ นี่หว่า ..แล้วดูอะไรกันอะ!! สักพักคือทนไม่ไหว วิ่งไปที่ห้องครัว ที่อยู่ติดกับระเบียง เปิดประตูออกไปนี่ หนาวววแทบขาดใจ .. แต่พอเดินออกไปแล้วนั้น ร้องเลยค้าบบบ โอ้โหหหหหหหห .. แสงเหนืออออออ เท่านั้นแหละ ตะโกนทั่วห้อง .. วิ่งไปเรียกพี่ที่เรียนคณะพยาบาลที่อยู่ในห้องให้ออกมาดู แล้วก็วิ่งงงง ไปหยิบกล้อง (ดิจิตอลธรรมดา) กะโทรศัพท์ ของตัวเองออกมา ถ่าย ถ่าย ถ่าย .. แต่..สิ่งที่ได้คือ มืดดด สนิท!!! เห็นแต่แสงเขียวๆ มะเรืองๆ แบบเซ็งมากกกก จำได้ว่ายืนดูอยู่ตรงนั้นนานมากกก (ในสภาพอากาศหนาว หนาว กะชุดนอนกะลั่วๆ 55+) ในมือก็ไลน์หาพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องทั้งหลาย ใครก็ได้ที่นึกออกในตอนนั้นที่เมืองไทย ตื่นเต้นไปหมด .. ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นกะตาตัวเอง .. แสงมันเขียวๆ ยาวววววไปหมด มีการเต้นระบำพลิ้วๆ เพลินไปเลย .. เพื่อนบางคนจับกลุ่มกันแล้วออกเดินเข้าไปในป่า (เพราะหลังหอพักทีเราอยู่นี่ติดกับป่าเลย) เพราะแสงส่วนใหญ่มันสว่างมาก มาจากตรงนั้น .. เรานี่ใจนึงก็อยากไป ใจนึงก็กลัว .. แล้วก็บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร เรายืนดูอยู่ตรงนี้ก็ได้เน๊าะ สวยเหมือนกัน

... หลังจากคืนนั้น หัวข้อการสนทนาในตอนเช้าของนักเรียนและอาจารย์ก็มีแต่ประสบการณ์ แสงเหนือ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน .. ทุกคนคุยไปยิ้มไปที่ได้เห็น เพราะส่วนใหญ่ มันจะเกิดในแถบทางตอนเหนือของฟินแลนด์ ในแถบระแวกเมืองที่เราไปอยู่มันเป็นฝั่งตะวันออก นานๆ ถึงจะเกิดสักครั้ง ซึ่งเมื่อคืนแบบโชคดีมักมากกก .. แต่เสียดายที่กล้องอิฉันถ่ายไม่ติด เพลียจิต จิงๆ .. แต่ก็ไปเอารูปของเพื่อนมานะ เพราะเพื่อนใช้กล้องตัวใหญ่ มีทั้งรูปที่เกิดบริเวณหอพัก

แล้วก็รูปที่เกิดในแถบบ้านเรือนในป่า .. พอเห็นรูปที่เพื่อนถ่ายมาคือแบบ เสียดายมากกกก ที่ไม่ได้ไปด้วย .. แต่ก็โอเครอยู่ พอใจ และดีใจแหละ ที่ครั้งหนึ่งได้เจอประสบการณ์ดีๆ นี้ กับตาตัวเองจิงๆ .. แล้วก็คิดว่า นี่แหละ .. "ฉันถึงฟินแลนด์ แว้ววววววววว"

หลังจากช่วงแรกๆ ของเดือนผ่านไป เราก็ได้รับอีเมลว่า เงินจากผู้ให้ทุน ออกแว้ววววววว ... จุดนั้นดีใจสุดๆ เพราะตังค์ที่ติดตัวไป นี่เริ่มร่อยหรอ
หลังจากได้รับอีเมลฉบับนั้น จำได้ว่าสิ่งแรกๆที่ทำนี่คือ รีบส่ง email หา กัปตัน เลย .. บอกเค้าว่าเงินทุนฉันออกแล้วนะคะ ส่งไปขอเลขทีบัญชีเค้า แล้วเราก็ส่งเงินกลับไปคืนให้เค้าทั้งหมดทั้งค่าแท๊กซี่และค่าโรงแรม ..แล้วหลังจากนั้นก็มีส่งไปสอบถามสาระทุกข์สุกดิบบ้าง เรื่อยๆ ขนาดตอนกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว ก็ยังส่งกลับไปบอกเค้า ว่าฉันถึงบ้านโดยสวัสดิภาพปลอดภัยแล้วนะคร้าาา .. ทางกัปตันก็จะส่งเมลล์ตอบกลับมาเสมอ พูดคุยว่าช่วงนี้เค้าทำงานที่ไหน (บางครั้งเจอประสบการณ์น่าตื่นเต้นก็จะมาแชร์ให้ฟัง เช่น กำลังบินก็เจอปรากฏการณ์สุริยุปาราคา) ย้ายไปประเทศอะไร บางทีเค้ามีช่วงพักร้อนเค้าก็จะเดินทางเที่ยวไปในหลายๆประเทศ มีทั้งยุโรป เอเชีย แล้วก็แวะเวียนมาเที่ยวเมืองไทยกับแฟนเค้าบ้าง แต่เราไม่มีโอกาสได้เคยพบกันอีกหรอก .. แต่รู้สึกขอบคุณสิ่งศักดิ์ ที่ทำให้เราได้รู้จักกับคนดีๆ มีจิตใจที่ดีแบบนี้ ... สาาาาาธุ๊!!! ค่ะ
ติดตามตอนต่อไปลิ้งนี้คะ >>
https://pantip.com/topic/36968199
[CR] ฟินแลนด์ดินแดนมหัศจรรย์ ตอน: มีคนเคยถามว่า...ไปฟินแลนด์ แล้วถึงฟินแลนด์ มั๊ย?? (ดินแดน มูมิน+แสงเหนือ)
ต่อจาก ความเดิมตอนที่แล้ว >> ฟินแลนด์ดินแดนมหัศจรรย์ ตอน: เริ่มต้นชีวิตใหม่ ในดินแดน พระอาทิตย์เที่ยงคืน
https://pantip.com/topic/36892736
นั่นแหละคะ มีคนเคยถามเราว่า .. ไปฟินแลนด์ แล้วถึงฟินแลนด์ มั๊ย??
ครั้งแรกที่ได้ฟังก็ งง? ไปเลยยย .. อ้าว ก็ ก็ ก็ถึงสิ .. แล้วก็ตอบกลับเค้าไปว่า ถึงคะ ... ข้อความต่อไปที่ได้ยินกลับมาคือ สรุปถึงใช่มั๊ย?? เค้าก็หัวเราะ แล้วก็จากไป ... หนักเลยทีนี้ งง? เต๊ก!! หนักกว่าเดิม (แล้วก็ก้มหน้าลง พูดกับตัวเองว่า!!.. ข้าก็ว่าข้าก็ถึงนะ เครื่องบินก็จอดที่ฟินแลนด์นี่หว่า หรือไม่ถึงวะ อ้าว!! สับสนกับตัวเองไปเลยพักนึง...555+)
ก่อนเรามาฟินแลนด์ ก็เหมือนๆ กับคนอื่นทั่วไป คือ ตามหาหนังสือตามร้านขายหนังสือชั้นนำ เกี่ยวกับประเทศนี้ ว่ามีอะไรบ้างน้าาาา .. แต่พบว่า น้อยมาก (ก็พอมีอยู่นะแต่น้อยมาก) ที่จะมีคนเขียนรีวิวเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การท่องเที่ยวแบบเจาะลึก หรือวัฒนธรรมที่สำคัญๆ ของฟินแลนด์ .. ส่วนใหญ่ที่ได้เจอก็จะเป็นเรื่องการศึกษา เพราะการศึกษาของที่นี่จัดเป็นระบบการศึกษาที่ดีอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ (ไม่แน่ใจว่าใช่อันดับที่หนึ่งมั๊ย?) .. เราก็หาอ่านในเว็ปไซด์บ้าง ดูยูทูปบ้าง จากคำบอกเล่าบ้าง ส่วนใหญ่จะทราบจากรุ่นพี่ที่ได้ทุนเดียวกัน แล้วมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ .. ข้อมูลพื้นฐานคราวๆ ที่ได้เสพมาก็จะประมาณว่า เป็นประเทศเล็กๆ ในแถบยุโรป เกือบจะติดแถบขั้วโลกเหนือ มีอากาศหนาวเย็น ถึงหนาวมว๊ากกกก ตลอดทั้งปี ประชากรในประเทศนี้มีไม่มากนัก ประมาณ 5 ล้านกว่าคนเท่านั้น ...ไฮไลท์ หลักๆ ที่จำได้นี่คือ แซนต้าครอสเลย ที่นี่เป็นดินแดนต้นกำเนิดของเหล่าแซนต้าครอส เป็นต้นกำเนิดของ ตัวการ์ตูนมูมิน ด้วย .. ตอนก่อนมานี่ไม่ได้คิดเล๊ย!! ว่าจะเจออะไร กะการเดินทาง หรือเรื่องเรียนบ้างนะ มีแต่ความอยากกกก .. อยากเจอแซนต้าคอสจัง อยากได้ตัวการ์ตูนมูมินของแท้จัง อยากเห็นแสงเหนือจุง อ๊ากกก!! อยากไปหมด (เหมือนเด็กอยากไปเที่ยว ก็จะเพ้อๆ หน่อยอะนะ 55+)
กิจกรรมส่วนใหญ่ที่เราเข้าร่วมกับทางมหาลัยก็จะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับนักเรียนต่างชาติที่มาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เราได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมเล่นเกมกับนักเรียนต่างชาติอื่นๆ แล้วก็ได้พบกับพี่สาวชาวไทยอีกหนึ่งคน (ที่รู้ว่าเป็นคนไทยเพราะพี่เค้าเพ้นรูปธงชาติไทยที่แก้มทั้งสองข้าง ไอ้เราก็โอ๊ะ!! ธงประเทศไทยนี่ เดินเข้าไปถามเลยคร้า ว่ามาจากประเทศไทยหรอค่ะ สรุปว่าใช่ พี่เค้ามาจากมหาลัยชื่อดังทางภาคอิสาน เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนกัน จะมาอยู่ที่นี่ 4 เดือน) เย้ๆๆ ดีใจที่มีเพื่อนคนไทยเพิ่มอีกแว้ววว พี่เค้าชื่อพี่ฟ้า (นามสมมติคะ) คุยกันอยู่นาน (แล้วการแชร์ประสบการณ์ความวุ่นวายในช่วงแรกๆ ที่มาอยู่ที่นี่แก่กัน 55+ .. แต่พี่เค้าพักคนละ ละแวกกับหอพักเรา) ก่อนกลับก็ยังกอดล่ำลา แล้วก็แลกไลน์กัน เผื่อจะนัดกันไปเดินในเมืองบ้าง
วันนั้นเรานัดกะพี่ฟ้า เพื่อไปเดินในเมือง แต่ว่ายังไม่มีจุดหมายเท่าไหร่ ว่าจะไปที่ไหนแน่ .. วันนั้นเราก็เลยแนะนำให้พี่ฟ้า ไปรู้จักกับร้านอาหารไทย และร้านขายของไทยด้วยเลย (ขากลับนี่ได้กับข้าวมาคนละถุงสองถุง กันเลยทีเดียว เอิ๊กๆ) พี่ฟ้าบอกว่า พี่เคยมาเดินในเมืองบ้าง แต่ก็ไม่ทั่วเท่าไหร่ .. วันนั้นเราก็เลยจัดกันยาวววว ท้างงง วันไปเลย เข้าออกร้านค้ากันอย่างเมามัน ... แล้วอยู่ๆ พี่ฟ้าก็บอกว่า เราไปกินขนมที่ร้าน มูมิน คาเฟ่ กันมั๊ย .. เราก็ห๊ะ!! อะไรนะ ร้าน มูมิน หรือค่ะ ที่นี่มีหรือค่ะ หนูนึกว่ามีแต่ที่เมืองหลวง (คือข้อมูลอิฉันไม่แน่นเลย พลาดมากกก ไม่งั้น คงจะมาจัดไปตั้งแต่มาแรกๆแว้ววว) ตอนนั้นดีใจสุดๆ จะได้เจอร้าน มูมินคาเฟ่ แว้ววว ... แล้วพี่ฟ้าก็พาเดินไปที่ร้าน ... เข้าไปถึงนี่ ละลานตามากกก มูมิน เต็มไปหมด ตั้งแต่ป้ายหน้าร้าน จาน ช้อน แก้ว ให้เลือกหยิบเอาเลย ว่าจะสั่งอาหารเมนูไหน แล้วใส่ในจาน ในแก้ว ลายมูมินแบบไหน
ระหว่างช่วงที่เราเรียนที่นั่น มหาวิทยาลัย ก็จะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย ที่แพลนเอาไว้ในทุกๆ เดือน มีทั้งทริปในประเทศและต่างประเทศที่เราสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับเค้าได้ (แค่จ่ายเงิน) เค้าก็จะมีโบว์ชัวว์มาแจกให้ ว่าไปที่ไหน ราคาเท่าไหร่ เช่นไปเที่ยวสวีเดน ไปเที่ยวอบซาวน่าและตากหิมะ ไปเที่ยวรัซเซีย ไปเลปแลนด์ อะไรประมาณนี้ แต่คือที่สะดุดตา!! สุดๆ ก็การไปเลปแลนด์นี่แหละ เพราะว่าเป็นดินแดนต้นกำเนิดของแซนต้าครอส ในใบกิจกรรมเค้าก็จะอธิบายว่า ไปเลปแลนด์ต้องเสีย 450 ยูโรนะ จะได้ถ่ายรูปในหมู่บ้านแซนต้าครอส แล้วก็จะมีกิจกรรมเสริมพวกนั่งรถลากเลื่อนของน้องหมาไซบีเลียน ขี่กวางเลนเดียร์ เข้าซาวน่าที่นั่น แล้วก็ถ่ายรูปกับแซนต้า ตัวจริง .. แต่ทั้งหมดทั้งมวล กิจกรรมเสริมพวกนี้ ก็จะต้องเสียตังค์เพิ่ม .. ซึ่งโอ้โหหหหห .. แต่จุดนั้นก็ตัดสินใจว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเว้ย เอาว่ะ นัดเพื่อนคนจีนเลยคร้า ว่าจะไปโน้นนี่นั่น ทำกิจกรรมเสริมอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายรวมๆ นี่ประมาณ ไม่เกิน 600 ยูโร ก็ประมาณคร่าวๆ สองหมื่นกว่าบาท แม่เจ้า!! .... พอตกลงกันเสร็จ ก็เดินกลับห้อง (คิดในใจ .. นี่ข้าคิดดีแล้ว ชิมิ 55+) แต่ก็เอาวะ ไปก็ไป ครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะถ้าให้มาเองใหม่ ก็คงไม่มีโอกาสแล้ว และคงจะแพงกว่านี้แน่...
.. พอถึงวันจองบัตร ป๊าดดดดด ในวันที่เค้ากำหนดการเดินทาง อาจารย์นัดเรียนจร้า แล้วถ้าเป็นแลคเชอร์นี่ก็พอจะโดดได้ แต่นี่ดันเป็นเลป แถมงานกลุ่มอีกตังหากกก .. คือแบบ แซนต้าครอสสส ของฉ้านนนนน .. สรุป อดไป!! เซ็งสุดๆ ตอนบอกเพื่อนนี่ เพื่อนทำหน้าช๊อค!! ไปเลย เพราะนางอยากไปมากกว่าฉัน 555+ (ดีนะที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน เหอๆ)
แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่ง ความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น!!!!!!!
วันนั้นจำได้ว่านั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะ ข้างหน้าต่างในห้อง .. อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน เยอะแยะไปหมด (เพราะหอที่นักเรียนต่างชาติอยู๋นี่จะอยู่ติดๆกันเลย ในระแวกนั้น) ไอ้เราก็ว่า เค้าคุยอะไรกัน เสียงโวกแวกโวยวาย .. ก็ชะโงกหน้าไปดู อ้าว!! คนเยอะไปหมด แล้วก็แหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า แล้วก็ชี้โน้นชี้นี่ .. ด้วยความเป็นคนชั่งสังเกตุ (จิงๆ คือ อยากรู้อยากเห็น 55+) ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าตรงขอบหน้าต่าง อ้าว ก็มืดๆ นี่หว่า ..แล้วดูอะไรกันอะ!! สักพักคือทนไม่ไหว วิ่งไปที่ห้องครัว ที่อยู่ติดกับระเบียง เปิดประตูออกไปนี่ หนาวววแทบขาดใจ .. แต่พอเดินออกไปแล้วนั้น ร้องเลยค้าบบบ โอ้โหหหหหหหห .. แสงเหนืออออออ เท่านั้นแหละ ตะโกนทั่วห้อง .. วิ่งไปเรียกพี่ที่เรียนคณะพยาบาลที่อยู่ในห้องให้ออกมาดู แล้วก็วิ่งงงง ไปหยิบกล้อง (ดิจิตอลธรรมดา) กะโทรศัพท์ ของตัวเองออกมา ถ่าย ถ่าย ถ่าย .. แต่..สิ่งที่ได้คือ มืดดด สนิท!!! เห็นแต่แสงเขียวๆ มะเรืองๆ แบบเซ็งมากกกก จำได้ว่ายืนดูอยู่ตรงนั้นนานมากกก (ในสภาพอากาศหนาว หนาว กะชุดนอนกะลั่วๆ 55+) ในมือก็ไลน์หาพ่อแม่พี่น้องเพื่อนพ้องทั้งหลาย ใครก็ได้ที่นึกออกในตอนนั้นที่เมืองไทย ตื่นเต้นไปหมด .. ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นกะตาตัวเอง .. แสงมันเขียวๆ ยาวววววไปหมด มีการเต้นระบำพลิ้วๆ เพลินไปเลย .. เพื่อนบางคนจับกลุ่มกันแล้วออกเดินเข้าไปในป่า (เพราะหลังหอพักทีเราอยู่นี่ติดกับป่าเลย) เพราะแสงส่วนใหญ่มันสว่างมาก มาจากตรงนั้น .. เรานี่ใจนึงก็อยากไป ใจนึงก็กลัว .. แล้วก็บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร เรายืนดูอยู่ตรงนี้ก็ได้เน๊าะ สวยเหมือนกัน
แล้วก็รูปที่เกิดในแถบบ้านเรือนในป่า .. พอเห็นรูปที่เพื่อนถ่ายมาคือแบบ เสียดายมากกกก ที่ไม่ได้ไปด้วย .. แต่ก็โอเครอยู่ พอใจ และดีใจแหละ ที่ครั้งหนึ่งได้เจอประสบการณ์ดีๆ นี้ กับตาตัวเองจิงๆ .. แล้วก็คิดว่า นี่แหละ .. "ฉันถึงฟินแลนด์ แว้ววววววววว"
หลังจากช่วงแรกๆ ของเดือนผ่านไป เราก็ได้รับอีเมลว่า เงินจากผู้ให้ทุน ออกแว้ววววววว ... จุดนั้นดีใจสุดๆ เพราะตังค์ที่ติดตัวไป นี่เริ่มร่อยหรอ
หลังจากได้รับอีเมลฉบับนั้น จำได้ว่าสิ่งแรกๆที่ทำนี่คือ รีบส่ง email หา กัปตัน เลย .. บอกเค้าว่าเงินทุนฉันออกแล้วนะคะ ส่งไปขอเลขทีบัญชีเค้า แล้วเราก็ส่งเงินกลับไปคืนให้เค้าทั้งหมดทั้งค่าแท๊กซี่และค่าโรงแรม ..แล้วหลังจากนั้นก็มีส่งไปสอบถามสาระทุกข์สุกดิบบ้าง เรื่อยๆ ขนาดตอนกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว ก็ยังส่งกลับไปบอกเค้า ว่าฉันถึงบ้านโดยสวัสดิภาพปลอดภัยแล้วนะคร้าาา .. ทางกัปตันก็จะส่งเมลล์ตอบกลับมาเสมอ พูดคุยว่าช่วงนี้เค้าทำงานที่ไหน (บางครั้งเจอประสบการณ์น่าตื่นเต้นก็จะมาแชร์ให้ฟัง เช่น กำลังบินก็เจอปรากฏการณ์สุริยุปาราคา) ย้ายไปประเทศอะไร บางทีเค้ามีช่วงพักร้อนเค้าก็จะเดินทางเที่ยวไปในหลายๆประเทศ มีทั้งยุโรป เอเชีย แล้วก็แวะเวียนมาเที่ยวเมืองไทยกับแฟนเค้าบ้าง แต่เราไม่มีโอกาสได้เคยพบกันอีกหรอก .. แต่รู้สึกขอบคุณสิ่งศักดิ์ ที่ทำให้เราได้รู้จักกับคนดีๆ มีจิตใจที่ดีแบบนี้ ... สาาาาาธุ๊!!! ค่ะ
ติดตามตอนต่อไปลิ้งนี้คะ >>https://pantip.com/topic/36968199