น้ำหนักที่ลดไปแต่ได้โรคร้ายมาแทน

สวัสดีค่ะ
   นี่เป็นกระทู้แรกที่เขียน อาจจะเรียงประโยคไม่ค่อยสวยนะคะ อยากเล่าประสบการณ์ที่เจอกับตัวเองคะ และเตือนทุกคนที่อยู่ในจุดเดียวกับเรา
เกี่ยวกับยาลดน้ำหนัก ตอนนี้เราอายุ 25 ปีค่ะ เริ่มกินยาลดน้ำหนักมาตั้งแต่อายุ 17 ปี เนื่องจากเราเป็นนคนอ้วนตั้งแต่เด็ก ในตอนนั้นเราน้ำหนัก 77 คะ และสูงแค่ 155 ซม. ที่ตัดสินใจกินยาลดน้ำหนักอับดับแรกเลยคือเราอยากสวยคะ และโดนเพื่อนล้อมาตลอด ด้วยความที่เป็นวัยรุ่นและยังคิดอะไรไม่ได้ ก็เลยหาซื้อยาลดมากิน ตอนนั้นเรียนอยู่บ้านนอกยาลดก้ไม่ได้มีให้เลือกมากมาย และ เงินเราก็ไม่ได้มีมากพอจะซื้อยาแพงๆ เลยได้ยาตามตลาดนัดมากินยี่ห้อนึง เป็นแผงๆมีแคปซูนประมาณ 6 หรือ 8 เม็ด สรรพคุณคือมีผงบุกช่วยให้ อิ่มเร็วไม่หิวบ่อย พอซื้อมากินได้ 1 แผง น้ำหนักก็ลดไป 3 กิโล ภายใน 7 วัน คือวันนึงกินน้อยมากแทบไม่กินข้าวเลย (ไม่ได้ออกกำลังกายด้วย) ซึ่งตอนนั้นดีใจมากค่ะที่ลดได้ อาการเริ่มออกคือตัวสั่น เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง หายใจถี่ขึ้น เหนื่อยเร็ว
แต่ด้วยความอยากผอมมากก้ไม่หยุดค่ะ ยังกินต่อประมาณเดือนนึงจนน้ำหนักลดเหลือ 70 กิโล พอตอนนี้เริ่มไม่ไหวค่ะ เลยหยุดกินซักพัก กลายเป็นว่าเราหิวข้าวหนักกว่าปกติมากกเลยกินเยอะกว่าเดิมทำให้น้ำหนักเราพุ่งเกือบ 80 กิโล ในเกือบ 3 เดือน (เป็นช่วงสงกรานต์ทำให้มีแต่ของอร่อยๆที่แม่และญาติทำและหมูกระทะหนักมากช่วงนั้น) ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองกินเยอะแล้วแต่ยังไม่รู้สึกอิ่มซักทีมีแต่อร่อยกว่าเดิมอีก
  พอน้ำหนักถึง 80 ก็จิตตกค่ะ มีแต่โทษตัวเองว่า"กินเยอะเกินไปทำไมไม่กินยาต่อเนื่อง" เราตัดสินใจกินยาลดความอ้วนอีกรอบ พูดกับตัวเองว่าครั้งนี้จะตั้งใจกว่าเดิมจะอดทนให้นานกว่าเดิม ครั้งนี้ก็กินยาตามตลาดนัดเหมือนเดิม เป็นกล่องเหล็กสีฟ้าๆ แม่ค้าแนะนำมาว่าลดเร็วและดี บลาๆๆๆ เราก็ไม่ลังเลค่ะ
ซื้อทันทีกินไปได้ 3 วัน มีอาการนอนไม่หลับ พลิกไปมา เหงื่อท่วมคะ ทั้งที่อากาศไม่ร้อนเลย จะหลับก้เกือบเช้าทุกวัน ตอนกลางวันมีอาการสั่นตลอดเวลา จับปากกานี่ดูออกเลยคะว่าสั่นมาก แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองยังทนได้อยู่ ก็ทนต่อไปเพื่อหุ่นดี และผลลัพก็ออกมาเหมือนที่ต้องการ เราน้ำหนักลดถึง 70 kg อีกรอบบ ในระยะเวลาเดือนกว่าๆ ก็ยังคิดว่าลดเร็วกว่าเดิมแฮะ  (เรื่องกินนี้แทบไม่ได้แตะข้าวเลยทั้งวันกินแต่น้ำทนไม่ได้อย่างมากก็ลูกชิ้น 1 ไม้แค่นั้น)
พอถึง 70 กิโล ก็ไม่หยุดค่ะ บอกกับตัวเองจะไม่กลับไปกินเยอะเหมือนเดิม ยังคงกินยาต่อเรื่อยๆ ครั้งนี้กินยาเพิ่มเป็น 2 เม็ดค่ะ คือแรงกว่าเดิม และตัดสินใจกินข้าวด้วยวันละ 1 มื้อ แค่ตอนเช้าเพราะแม่ขอ
     #ขอพูดถึงแม่ก่อน แม่ไม่รู้ว่าเรากินยาลดน้ำหนักคะ เพราะแม่บอกตลอดว่าห้ามกิน และแม่รู้ว่าเราลดน้ำหนักค่ะ เพราะเรากลับบ่นมาจะไม่กินข้าวเลย แม่ก็เป็นห่วงก็ขอให้กินวันละ 1 มื้อก็ยังดี#
    ต่อค่ะ พอกินยาเพิ่มเป็น 2 เม็ด ก็เริ่มมีอาการเพิ่มมากขึ้น ตัวสั่น ปากแห้งแตก มีกลิ่นปาก นอนไม่หลับ ผมร่วงหนักกว่าปกติ สิวขึ้นเต็มหน้า หน้ามืดบ้างบางครัง เห็นภาพซ้อนกัน(อย่างกับเห็นผี) สภาพเราอย่างกะศพเดินได้ ตานี่โบ๋เลยค่ะ เราก้กินต่อมาเกือบเป้นปีๆเลยคะ มีอาการแบบนี้มาตลอด น้ำหนักเราก็ลดลงถึงประมาณ 60 กิโล(ไม่แน่ใจว่าระยะเวลานานเท่าไหร่แต่กินมาตลอดมากกว่า1ปี) อาจไม่ได้ลดเยอะเหมือนตอนแรกๆเพราะน่าจะมีอาการดื้อยาบ้าง และ นน
ในตอนนั้นเราก้ค่อนข้างพอใจแล้ว แต่ยังไม่หยุดกินคะกลัวว่าจะหิวหนักกว่าเดิม กินมาจนกระทั้งเราเรียนอยู่ปี 3 น้ำหนักเท่าเดิมคะ 60 กิโล แต่มีอาการหนักว่าเดิมค่ะ ตอนนั้นจำได้ว่าเราเข้าห้องน้ำ(ที่บ้าน)เสร็จแล้วเดินออกมาจะเราหน้ามืดล้มลงกับพื้น เราไม่รู้ว่าใครมาเห็นตอนไหน พอตื่นมาก็อยู่ รพ แล้ว
และมีเรื่องเซอร์ไพร์เราเยอะเลยคะ หมอบอกเราเป็นโรคหัวใจค่ะ!!! และมีโรคเครียดสะสม !!! และโรคหอบ !!! ตอนนั้นช็อกมาก เห็นแม่อยู่ข้างๆน้ำตาคลออ รู้สึกผิดไปหมด เรานอน รพ อาทิตย์นึงคะ ก็ดีขึ้นนิดหน่อยเลยได้กลับบ้าน หมอสั่งให้เลิกกินยาลดความอ้วนทุกชนิด ให้กลับมากินข้าวเหมือนเดิม 3 มื้อ และออกกำลังกาย
     ตั้งแต่นั้นมาเราก็เลิกเด็ดขาดเลยค่ะ เราเสียใจกับเรื่องนี้มากๆ จากยาลดความอ้วนราคาไม่เท่าไหร่ ทำให้เราได้โรคร้ายๆมาแทน ไม่คุ้มเลยคะ เลยมาเขียนเตือนคนที่ยังไม่เป็นถึงกับเรา ให้เลิกตอนนี้เลยค่ะยังไม่สายเกินไป หันมาออกกำลังกายแทนดีกว่าค่ะ ตอนนี้เราอายุ 25 ปี ไม่มีอาการเหมือนเดิมแล้ว ดีขึ้นทุกอย่างแต่ก็ยังมีกินยารักษาโรคทุกวันค่ะ น้ำหนักตอนนี้ยังอยู่ที่ 67 กิโล ค่ะ
#### กับน้ำหนักที่ลดไปแต่ได้โรคร้ายมาแทนไม่คุ้มนะค่ะ ขอเตือน !!!!
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
เราก็เป็นอาการคล้ายๆ จขกท.เลยค่ะ แต่ไม่หนักขนาดนั้น เราก็เหงืออกเยอะมาก โดยเฉพาะที่มือที่เท้า ร้อนก็ออกเย็นก็ออก อยากทราบว่า จขกท.เป็นแบบนี้มั้ยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่