[CR] กาลครั้งหนึ่งคิดถึง ‘สามย่าน’ กับร้านดังทั้ง 7 ที่เค้าว่าเด็ดตั้งแต่รุ่นพ่อ

การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นจากความคิดถึง : )


ความคิดถึงแรกคือความคิดถึงเพื่อนค่ะ เพื่อนสนิทที่คบกันมายาวนาน 10 กว่าปีแล้ว แต่ช่วงหลังต่างคนต่างยุ่งกับชีวิตส่วนตัว นานๆได้เจอกันที พอจะนัดเจอกันก็อยากทำอะไรที่พิเศษร่วมกันเป็นการสะสมความทรงจำเพิ่ม ความคิดถึงที่สองคือความคิดถึงกรุงเทพฯค่ะ เราเคยชินกับการออกไปเที่ยวต่างจังหวัดที่สามารถไปเช้า-เย็นกลับได้อย่างสบายๆ จนลืมไปว่ากรุงเทพฯยังมีสถานที่อีกมากที่สามารถสัมผัสธรรมชาติของผู้คนได้อีกมาก

เรากับเพื่อนเป็นผู้หญิงทั่วไปที่ชอบเที่ยว ชอบกิน ชอบถ่ายรูปค่ะ แต่การเที่ยวของพวกเราไม่ใช่การเที่ยวตามห้างสรรพสินค้า ช้อปปิ้งของสวยๆงามๆแบบสาวสมัยใหม่ เรามักถูกดึงดูดจากสถานที่ที่เก่าแก่ ซึ่งเสน่ห์ของมันคือเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านตัวของมันเอง ความงดงามคือร่องรอยของอดีตที่ยังดำเนินมาจนถึงปัจจุบันจนมานั่งสำรวจรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารที่ตั้งใจว่าจะไปให้ได้ก่อนแก่ในไดอารี่ของตัวเอง สรุปว่าความคิดถึงสุดท้ายก็ไปลงเอยที่ “สามย่าน” ชื่อที่ได้ยินมานาน นั่งรถผ่านบ้างบางโอกาส แต่ไม่มีโอกาสเข้าไปเที่ยวจริงๆจังๆซักที

เมื่อแผนวันเดย์ทริปลงตัว ความคิดถึงจึงพาคนหิวสองคนให้มาเจอกัน ถ้าพร้อมจะหิวไปพร้อมๆพวกเราแล้วก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ

*** การเดินทางไปสามย่านก็ง่ายมากๆ จะ MRTสถานีสามย่าน, MRTสถานีหัวลำโพง, BTS สนามกีฬา หรือรถเมล์สาย 36 ก็สามารถเลือกได้ตามสะดวกเลยค่ะ ***

เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทาง ร้านแรกที่เรามุ่งหน้าไปเลยคือร้านข้าวขาหมูจุฬา ที่จุฬาซอย 5 ค่ะ ในอดีตตรงนี้เป็นที่ตั้งของตลาดสามย่าน  แต่ปัจจุบันไม่หลงเหลือภาพของความเป็นตลาดเลยค่ะ เป็นเพียงซอยที่มีถนนและตึกแถวเหมือนซอยทั่วไป ยังแอบเสียดายที่ไม่มีโอกาสมาสัมผัสบรรยากาศของตลาดสามย่านเก่า ได้แต่ดูรูปจากในอินเตอร์เน็ทที่ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้าง เราขอนำภาพ

ตลาดสามย่านและร้านค้าต่างๆในอดีตมาลงให้ชมกันนะคะ คิดว่าพี่ๆหลายคนน่าจะคิดถึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ร้านข้าวขาหมูจุฬาในอดีต
ถึงอะไรๆจะเปลี่ยนแปลงและหลายร้านอาจจะเปลี่ยนไป แต่ร้านข้าวขาหมูจุฬา ร้านนี้ยังอยู่ที่เดิมค่ะ บรรยากาศภายในร้านก็ยังคงความเก่าแก่อยู่บ้าง ใช้กระเบื้องฉลุกำแพงแบบที่นึกถึงบ้านคนจีนสมัยก่อน แถมยังมีป้ายประกาศที่การันตีถึงความอร่อยหลายใบเลยค่ะ

สิ่งที่เราประทับใจอย่างมากคือ แต่ละโต๊ะจะมีฝาชีที่เป็นเหมือนมุ้งเล็กๆ ครอบปิดพริกน้ำส้มและเครื่องเคียงอยู่ เพื่อไม่ให้แมลงมาตอม ถึงแม้จะเป็นร้านอาหารเก่าแก่แต่ก็ดูแลเรื่องความสะอาดได้น่ารักมากค่ะ
ซึ่งเมนูที่เราเลือกสั่งวันนี้มี ข้าวขาหมูใส่ไข่ ข้าวคากิ และเยื่อไผ่ตุ๋น ต้องบอกว่ารสชาติของทั้ง 3 จานไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ
เนื้อของขาหมูนุ่มมาก ไม่แข็งหรือฝาดลิ้นเลยค่ะ หลังจากตักเข้าปากจะมีรสหวานนำแล้วตามด้วยเค็มนิดๆที่เข้ากันได้อย่างกลมกล่อม ไม่ต้องราดพริกน้ำส้มเพิ่มก็สามารถอร่อยจนหมดจานได้โดยไม่รู้สึกเลี่ยนเลยค่ะ

ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้คากิบอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะเนื้อของคากิ นุ่ม ลื่น มัน อร่อยมาก รสชาติหวานๆเค็มๆเหมือนกับข้าวขาหมู แต่หากกินคนเดียวทั้งจานต้องระวังเลี่ยนหน่อยนะคะ ทางที่ดีหาน้ำซุปมาช่วยตัดรสจะทำให้อร่อยยิ่งขึ้นค่ะ

สำหรับซุปเยื่อไผ่ น้ำซุปไม่รสจัดจนเกินไป มีความกลมกล่อมกำลังดี เยื่อไผ่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ มีความกรุบกรอบทำให้เคี้ยวเพลิน กระดูกอ่อนก็ถูกต้มจนเปื่อยนุ่ม เผลอแปปเดียวก็ซดจนหมดถ้วยเลยค่ะ

หลังจากที่ประทับใจในรสชาติของอาหารก็มีโอกาสได้คุยกับคุณป้าผู้เนรมิตรสชาติแสนอร่อยนี้ คุณป้าบอกว่า “ที่สามย่านเนี่ย เป็นสาขาแรกของร้านข้าวขาหมูจุฬา เปิดมาตั้งแต่ปี 2535 แล้ว ตั้ง อยู่ตรงนี้ตั้งแต่สมัยยังเป็นตลาดสามย่านอยู่เลย สูตรของอาหารก็สืบทอดมาจากรุ่นคุณพ่อของเจ้าของคนปัจจุบัน ขาหมูต้องเคี่ยวตั้งแต่ดึกจนถึงเช้าเพื่อให้เนื้อขาหมูนุ่มเปื่อย รสของน้ำขาหมูซึม เข้าเนื้อจนมีรสชาติเข้มข้น กว่าจะได้แต่ละหม้อก็ไม่ง่ายเลย”

พอถามถึงลูกค้าที่มากินเป็นประจำ เพราะวันนี้ร้านดูจะเงียบๆทั้งที่เป็นร้านดัง คุณป้าก็เล่าต่อว่า “ที่จริงเมื่อก่อนลูกค้าเยอะกว่านี้ ขายดีกว่านี้มาก แต่พอเขายกเลิกตลาดไปบางคนไม่รู้ก็คิดว่าร้าน ปิดไปแล้ว แต่จริงๆยังเปิดขายอยู่ที่เดิมนี่แหละ บางคนพึ่งกลับมาเจอว่าร้านยังเปิดอยู่เขาก็กลับมากิน อย่างตอนนี้ที่ตรงข้ามร้านก็มีโครงการที่เขาก่อสร้างอยู่ มีสัญญาตั้ง 5 ปี เราก็ไม่รู้ว่าอนาคต จะต้องย้ายไปตั้งที่อื่นรึเปล่า”
ถ้าต้องย้ายไปตั้งที่อื่นคงเสียดายแย่ เพราะที่นี่ถือเป็นที่ตั้งริเริ่มเลย ลูกค้าประจำหลายคนก็เคยชินว่าร้านข้าวขาหมูจุฬา ก็ต้องจุฬาซอย 5 และเราเชื่อว่าลูกค้าเก่าๆอีกหลายคนต้องคิดถึงรสชาติขา หมูสูตรดั้งเดิมที่อร่อยและหากินยากแบบนี้ ไม่แน่อาจจะทยอยกลับมาตามหาร้านเพื่อเป็นลูกค้าประจำอีกครั้งก็ได้นะคะ
ร้านเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 6.00 น.-16.00 น.

เดินมาเรื่อยๆไม่เกิน 5 นาที มาถึงจุฬาซอย 9 จะเจอกับร้านไฮเช็ง(Hai Cheng) ตั้งอยู่แถวหัวมุมถนน ร้านใหญ่มองหาง่ายค่ะ เป็นตึกแถว 2 คูหาตามสไตล์ร้านก๋วยเตี๋ยว ตอนที่เราไปนี่ ลูกค้าก็เยอะพอสมควรเลย ทำให้รู้สึกอยากกินมากขึ้นไปอีก

เมนูที่สั่งวันนี้มี เส้นใหญ่เย็นตาโฟต้มยำ บะหมี่แห้ง และลวกรวมค่ะ รอไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟหน้าตาน่ากินมาก ไม่รอช้ารีบลงมือชิมเลยค่ะ
รสชาติของน้ำเย็นตาโฟเข้มข้น มีรสหวานนำก่อนจะตามมาด้วยรสเผ็ดนิดๆ ใครที่ไม่กินรสจัดน่าจะถูกใจ แต่ใครที่ชอบรสเผ็ดอาจจะต้องปรุงพริกเพิ่ม แต่รสชาติโดยรวมถือว่าไม่ต้องปรุงก็อร่อยค่ะ  เส้นใหญ่ก็เหนียวนุ่มดี เสียดายส่วนตัวเราว่าเผือกทอดโดนน้ำซุปเลยทำให้นิ่มไปค่ะ แต่เพื่อนเราชอบแบบนิ่มๆ ก็แล้วแต่สไตล์นะคะ  แต่ทีเด็ดคือลูกชิ้นปลาขออนุญาติบรรยายความฟินในส่วนของลวกรวมนะคะเพราะเดี๋ยวจะซ้ำกัน

ปกติเราชอบกินก๋วยเตี๋ยวน้ำมากกว่า แต่พ่อค้าแนะนำว่าเป็นจานดั้งเดิมของร้านเลยต้องสั่งมาลิ้มลองค่ะ ชอบเส้นบะหมี่ของเขามากค่ะ เส้นมีขนาดเล็ก เหนียวนุ่มกำลังดี รับรู้ได้ทันทีว่าที่ร้านทำ เส้นเองแน่นอนเพราะรสชาติพิเศษจากที่อื่น ลองชิมแบบไม่ปรุงก็อร่อยค่ะ มีรสหวานนิดๆ กินคู่กับลูกชิ้นเข้ากันได้อย่างดีค่ะ

เป็นจานที่เราชอบมากที่สุดจากทั้ง 3 จานค่ะ เผือกทอดกรอบอร่อยโดยไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเลย ลูกชิ้นปลาทั้งนุ่มแน่นและเด้งดึ๋ง ไม่มีส่วนผสมของแป้งมากเกินไป รสชาติออกเค็มนิดๆ กินคู่กับน้ำจิ้มที่ ออกรสเปรี้ยวเผ็ดแล้วฟินมากค่ะ ส่วนฮือก้วย(ปลาเส้นทอด)ก็รสชาติเหมือนกันค่ะ ทีเด็ดอยู่ที่เกี๋ยวปลา พอกัดเข้าไปจะเจอสัมผัสชุ่มฉ่ำของการหมักไส้ ที่มีรสเค็มก่อนจะถูกรสเผ็ดแทรกจากพริกไทยเล็กน้อย เป็นความอร่อยลงตัว ส่วนเกี๊ยวทอดก็กรอบร่วนดีค่ะ

ได้ยินชื่อเสียงมานานแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวกลับยังดูใหม่อยู่เลย พูดคุยกับคุณป้าสุเจ้าของร้านคนปัจจุบันก็ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เริ่มขายก๋วยเตี๋ยวมาตั้งแต่พ.ศ. 2542 แล้วจ้ะ แต่พึ่งมีร้านไม่นาน เอง เมื่อก่อนเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางตั้งอยู่ตรงหน้าร้านนี่แหละ แต่มีโต๊ะเรียงอยู่บนฟุตบาทก็ขายดีมาก เมื่อ 8 ปีที่แล้วห้องนี้เป็นของร้านถ่ายรูปเขาก็เซ้งให้ ต่อมาซัก5-6ปีร้านขายข้าวสารข้างๆ เขาก็เซ้งให้ก็เลยมีร้านใหญ่หน่อย”
พอพูดถึงรสชาติของก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยถูกปากจนมีลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ คุณป้าสุก็เล่าให้ฟังว่า “ความจริงก๋วยเตี๋ยวนี้เป็นสูตรของอากง ชื่ออากงเหลียง(หัวเราะ) ตั้งแต่สมัย 80 กว่าปีที่แล้ว อากงจะหาบก๋วยเตี๋ยวไปขายที่สวนมะลิ ไม่มีร้านตั้งไม่มีแผง เดินหาบไปเรื่อย ขายดีมาก พอแก่ตัวลงก็ทำไม่ไหวเลิกขายไป ลูกหลานก็ไม่มีใครสืบทอดแยกย้ายกันไปทำ ธุรกิจของตัวเอง แต่ทำแล้วมันไม่รุ่ง สุดท้ายก็กลับมาขายก๋วยเตี๋ยวโดยใช้สูตรของอากงนี่แหละก็ขายดีมาจนถึงทุกวันนี้”

ยุคนี้จะหาอาหารที่มีรสชาติดั้งเดิมจริงๆก็ยากขึ้นทุกวัน โชคดีที่ลูกหลานของอากงเหลียงตัดสินใจกลับมาสืบทอดรสชาติต้นตำรับของก๋วยเตี๋ยวไฮเช็ง ไม่งั้นสูตรของอาหารอาจจะเลือนหายไปตาม กาลเวลาอย่างน่าเสียดายก็ได้เนอะ

ร้านเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 11.30 น. - 23.00 น.
ชื่อสินค้า:   ร้านอาหารชื่อดัง สามย่าน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่