สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ วันนี้ MC จะลองพูดถึง พรบ. ตัวใหม่ ที่รัฐบาลเตรียมจัดเก็บภาษีคนใช้น้ำสาธารณะ สองกลุ่มหลักกระทบแน่ ใครอยู่ในข่ายตรวจสอบด่วน
หลังจากรัฐบาลเสนอร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรนํ้า ฉบับใหม่ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. พิจารณา ซึ่งขณะนี้อยู่ในวาระ 2 ของการพิจารณากฎหมาย หากมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย หนึ่งในนั้นมีหลักการที่ระบุว่าใครใช้น้ำสาธารณะต้องรับภาระค่าใช้จ่าย
นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยว่า ร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ จะทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงน้ำสาธารณะ ที่หมายถึง แม่น้ำ ลำคลอง บึง แหล่งน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติอื่นๆ ทั้งที่รัฐจัดสร้างหรือพัฒนาขึ้น เพื่อให้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างเท่าเทียมกัน
จึงมีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้น้ำออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มที่ 1 ใช้น้ำเพื่อการดำรงชีพ ซึ่งหมายถึงประชาชนทั่วไป ไม่ต้องเสียค่าใช้น้ำ
กลุ่มที่ 2 การใช้น้ำเพื่อประกอบธุรกิจการเกษตร เลี้ยงสัตว์ เพื่อการพาณิชย์ เสียค่าน้ำอัตราลูกบาศก์เมตรละไม่เกิน 50 สตางค์ การอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาหรือกิจการอื่น เก็บค่าน้ำในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 1-3 บาท
กลุ่มที่ 3 สำหรับกิจการขนาดใหญ่ ได้แก่ สนามกอล์ฟ โรงไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจขายน้ำดิบเชิงพาณิชย์ จะเก็บค่าน้ำอัตราลูกบาศก์เมตรละ 3 บาท
โดยมีคณะกรรมการลุ่มแม่น้ำ 25 ลุ่มน้ำ กำหนดการจัดสรรน้ำโควตาแต่ละกลุ่มประเภทผู้ใช้น้ำ และอัตราจัดเก็บภายใน ลุ่มน้ำของตนเอง ภายใต้เพดานค่าจัดเก็บตามที่กำหนด
หลังจากที่มีการเสนอ พรบ. นี้ และกำลังพิจารณาในวาระ 2 ก็มีเสียงคัดค้านจากกลุ่มปลูกผักบุรีรัมย์ไม่เห็นด้วย พ.ร.บ.เก็บเงินผู้ใช้น้ำสาธารณะ ชี้เพิ่มภาระ วอนยกเว้นเกษตรกร
กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ ตำบลบ้านด่าน อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ ที่รวมกลุ่มกันกว่า 30 ครัวเรือน ปลูกพืชผักแบบผสมผสานในที่สาธารณประโยชน์บนเนื้อที่ 34 ไร่หมุนเวียนตลอดทั้งปี โดยใช้น้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาลในการเพาะปลูก เพื่อนำผลผลิตไปบริโภคและส่งขายตลาดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว ไม่เห็นด้วยกับที่ทางรัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ ซึ่งในเนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวจะมีการจัดเก็บภาษีจากผู้ที่นำน้ำสาธารณะ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง บึง แหล่งน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติอื่นๆ
ทั้งนี้ เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กลุ่มเกษตรกร หากจะมีการจัดเก็บควรจะเป็นกลุ่มที่ประกอบธุรกิจ หรือเพื่ออุตสาหกรรม ควรจะมีการยกเว้นให้กับกลุ่มเกษตรกร เพราะปัจจุบันเกษตรกรก็เสี่ยงทั้งเรื่องภาวะราคาและภัยธรรมชาติอยู่แล้ว จึงอยากให้รัฐบาลได้มีการทบทวนการออกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร
นางทองปาน กระจางจิตร์ ประธานกลุ่มผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ กล่าวว่า เดิมชาวบ้านมีอาชีพทำนาเป็นหลัก หลังจากทำนาไม่มีอาชีพอื่นต้องไปทำงานต่างจังหวัด จึงได้มีการรวมกลุ่มกันปลูกพืชผักผสมผสานในที่สาธารณะกว่า 30 ไร่เพื่อนำผลผลิตไปจำหน่ายเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว ปัจจุบันใช้น้ำใต้ดินในการสูบขึ้นมาหล่อเลี้ยงพืชผัก จะเก็บค่าใช้จ่ายจากสมาชิกเพียงหน่วยละ 1 บาทเพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาระบบน้ำใต้ดิน แต่หากจะมีการออกร่าง พ.ร.บ.จัดเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำสาธารณะเพิ่มอีกจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้เกษตรกร ซึ่งก็ต้องรอดูความชัดเจนหลักเกณฑ์เงื่อนไขอีกครั้ง
ด้านนางบังอร อัปปะมะโต หนึ่งในสมาชิกกลุ่มผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ บอกว่า เดิมมีรายได้จากการทำนาเพียงอย่างเดียวทำให้ไม่เพียงพอใช้จ่ายในครอบครัว แต่หลังจากสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มปลูกผักก็ทำให้มีรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลจะออกร่าง พ.ร.บ.เก็บเงินจากผู้ใช้น้ำสาธารณะนั้นก็ไม่เห็นด้วยเพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้เกษตรกร จึงอยากให้มีการยกเว้นให้กับกลุ่มเกษตรกรด้วย หากจะจัดเก็บควรจะเก็บผู้ที่ทำในเชิงธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมมากกว่า
โดยส่วนตัวของ MC แล้ว แม้จะไม่เห็นด้วยกับ พรบ. ฉบับนี้ แต่คงไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆเพื่อไปคัดค้าน แต่อยากจะนำเสนอให้ท่านผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้รับทราบถึงการได้มาของน้ำนั้นไม่ใช่จะได้มาฟรีๆเช่นเดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องล้วนมีการลงทุน บางที่แหล่งน้ำเข้าไม่ถึง ประชาชนต้องยอมลงทุนหาน้ำเองในพื้นที่ของตนเองซึ่งใช้เงินลงทุนเฉพาะแค่หาน้ำก็ตั้งแต่หลักหมื่นขึ้นไปจนไปถึงหลักแสนบาท เหตุและผลของร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ จะทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงน้ำสาธารณะ จึงมองดูแปลกๆสำหรับการจัดทำ พรบ.นี้
และประเทศไทยของเรานี้ยังมี กรมชลประทานที่เป็นหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน้าที่จัดให้ได้มาซึ่งน้ำเพื่อกักเก็บรักษา ควบคุม ส่ง ระบาย หรือ แบ่งน้ำเพื่อการเกษตร การพลังงาน การสาธารณูปโภค หรือการอุตสาหกรรม และหมายรวมถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำ กับการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในเขตชลประทาน
วิสัยทัศน์กรมชลประทาน
" กรมชลประทานเป็นองค์กรนำด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ให้มีพื้นที่ชลประทาน อยู่ในลำดับ 1 ใน 10 ของโลก"
กรมชลประทานจึงควรทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงน้ำสาธารณะ มากกว่าทุกหน่วยงาน
MC ไม่ได้มาคัดค้านหรือมาโจมตี แต่อยากให้ทุกคนได้มองเห็นถึงการได้มาที่ยากลำบากของน้ำที่นำมาใช้นอกเหนือไปจากน้ำประปาที่ส่งมาให้ใช้ตามครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งปั๊มพ์ เดินท่อที่มีทั้ง ท่อ PVC PE HDPE สายยางแข็ง สายยางอ่อน ข้อต่อ ข้อแยก ข้อลดต่างๆ ฯลฯ ต้นทุนจากการขุดเจาะหาน้ำหรือเปิดทางมาจากแหล่งน้ำที่มีราคาสูง ต้นทุนจากการติดตั้งปั๊มพ์ สรรหาแหล่งจ่ายไฟ หรือเติมน้ำมันในการเดินเครื่องปั๊ม ต้นทุนในการสร้างแหล่งพักน้ำที่สูบมาอีกครั้ง เพื่อควบคุมการจ่ายน้ำไปยังจุดที่ต้องการใช้น้ำ ไม่ว่าจะเป็นพวก Storage Tank บ่อพักน้ำคอนกรีต+กันซึม หรือทำเป็น Tower Tank เพื่อปล่อยให้น้ำ Over Flow ลงมา ปั๊มพ์ส่งแรงดัน อุปกรณ์เพิ่มแรงดัน Discharge Pipe อุปกรณ์กระจายน้ำเช่น sprinkler จ่ายน้ำ ภาคอุปกรณ์ควบคุมน้ำ เช่น ตู้คอนโทรล ,switch ต่างๆ, timer , solenoid valve ฯลฯ เป็นต้น ยังไม่นับรวมต้นทุนในการบำรุงรักษาและการซ่อม ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อย มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่ MC ไล่ให้ฟังทั้งวันก็ไล่ไม่หมด จึงอยากให้ท่านผุ้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้มองเห็นในภาระของชาวบ้านผุ้ใช้น้ำที่ต้องแบกรับเช่นกัน หาได้มาซึ่งทรัพยากรฟรีๆ หรือมรคนอำนวยความสะดวกมาป้อนน้ำให้ถึงบ้านอย่างเช่นน้ำประปาไม่
ในอีกมุมหนึ่งขอฝากเพิ่มเติมไปยังเกษตรกรผู้คัดค้านด้วยเช่นกันว่า หากคัดค้านก็คือคัดค้านทั้งหมด ไม่ใช่จะโยนมาให้ภาคธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมมารับแทนอยู่กลุ่มเดียว เพราะตอนนี้ทุกภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมก็ร่อแร่พอๆกัน ภายใต้เปลือกนอกที่ดูสวยงาม แต่ใครจะรู้ว่าข้างในนั้นก็กำลังหนีเจ๊งกันอยู่ถ้วนหน้า ไม่ได้สุขสบายไปกว่ากันหรอกครับ
บ่นมากๆไปก็เท่านั้นแหละ ขอย้ำว่าไม่ได้มาคัดค้านหรือโจมตี เพราะไม่มีผลอะไรแน่ๆ หากคิดว่าดีก็ทำไปครับ MC ขอแค่ได้ให้ท่านผู้ใหญ่มองให้ลึกถึงความลำบากเท่านั้นเองไม่อยากมีภาระใดๆที่ต้องมารับเพิ่มอีก
บ่นพอละ นึกต่อไม่ออก บันเทิงกันดีกว่าครับ
ขอบคุณเนื้อข่าวต้นเรื่องจากผู้จัดการออนไลน์
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ต้องหากินกันทั้งนั้น เราเคยมีแนวคิดที่จะอยุ่ร่วมกันระหว่าคนกับสัตว์อย่างสันติและไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน แต่ในทางกลับกัน มนุษย์กับมนุษย์ต้องหลีกเลี่ยงการเบียดเบัยนซึ่งกันและกันด้วยครับผม
ชีวิตสัมพันธ์ - รวมศิลปิน [อีสานเขียว]

ห้องเพลง*คนรากหญ้า*พักยกการเมือง มุมเสียงเพลงมุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่มมีแต่เสียง 8/9/2017 "พ.ร.บ.เก็บเงินผู้ใช้น้ำสาธารณะ"
หลังจากรัฐบาลเสนอร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรนํ้า ฉบับใหม่ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. พิจารณา ซึ่งขณะนี้อยู่ในวาระ 2 ของการพิจารณากฎหมาย หากมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย หนึ่งในนั้นมีหลักการที่ระบุว่าใครใช้น้ำสาธารณะต้องรับภาระค่าใช้จ่าย
นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยว่า ร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ จะทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงน้ำสาธารณะ ที่หมายถึง แม่น้ำ ลำคลอง บึง แหล่งน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติอื่นๆ ทั้งที่รัฐจัดสร้างหรือพัฒนาขึ้น เพื่อให้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างเท่าเทียมกัน
จึงมีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้น้ำออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มที่ 1 ใช้น้ำเพื่อการดำรงชีพ ซึ่งหมายถึงประชาชนทั่วไป ไม่ต้องเสียค่าใช้น้ำ
กลุ่มที่ 2 การใช้น้ำเพื่อประกอบธุรกิจการเกษตร เลี้ยงสัตว์ เพื่อการพาณิชย์ เสียค่าน้ำอัตราลูกบาศก์เมตรละไม่เกิน 50 สตางค์ การอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาหรือกิจการอื่น เก็บค่าน้ำในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 1-3 บาท
กลุ่มที่ 3 สำหรับกิจการขนาดใหญ่ ได้แก่ สนามกอล์ฟ โรงไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจขายน้ำดิบเชิงพาณิชย์ จะเก็บค่าน้ำอัตราลูกบาศก์เมตรละ 3 บาท
โดยมีคณะกรรมการลุ่มแม่น้ำ 25 ลุ่มน้ำ กำหนดการจัดสรรน้ำโควตาแต่ละกลุ่มประเภทผู้ใช้น้ำ และอัตราจัดเก็บภายใน ลุ่มน้ำของตนเอง ภายใต้เพดานค่าจัดเก็บตามที่กำหนด
หลังจากที่มีการเสนอ พรบ. นี้ และกำลังพิจารณาในวาระ 2 ก็มีเสียงคัดค้านจากกลุ่มปลูกผักบุรีรัมย์ไม่เห็นด้วย พ.ร.บ.เก็บเงินผู้ใช้น้ำสาธารณะ ชี้เพิ่มภาระ วอนยกเว้นเกษตรกร
กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ ตำบลบ้านด่าน อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ ที่รวมกลุ่มกันกว่า 30 ครัวเรือน ปลูกพืชผักแบบผสมผสานในที่สาธารณประโยชน์บนเนื้อที่ 34 ไร่หมุนเวียนตลอดทั้งปี โดยใช้น้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาลในการเพาะปลูก เพื่อนำผลผลิตไปบริโภคและส่งขายตลาดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว ไม่เห็นด้วยกับที่ทางรัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ ซึ่งในเนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวจะมีการจัดเก็บภาษีจากผู้ที่นำน้ำสาธารณะ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง บึง แหล่งน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติอื่นๆ
ทั้งนี้ เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กลุ่มเกษตรกร หากจะมีการจัดเก็บควรจะเป็นกลุ่มที่ประกอบธุรกิจ หรือเพื่ออุตสาหกรรม ควรจะมีการยกเว้นให้กับกลุ่มเกษตรกร เพราะปัจจุบันเกษตรกรก็เสี่ยงทั้งเรื่องภาวะราคาและภัยธรรมชาติอยู่แล้ว จึงอยากให้รัฐบาลได้มีการทบทวนการออกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร
นางทองปาน กระจางจิตร์ ประธานกลุ่มผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ กล่าวว่า เดิมชาวบ้านมีอาชีพทำนาเป็นหลัก หลังจากทำนาไม่มีอาชีพอื่นต้องไปทำงานต่างจังหวัด จึงได้มีการรวมกลุ่มกันปลูกพืชผักผสมผสานในที่สาธารณะกว่า 30 ไร่เพื่อนำผลผลิตไปจำหน่ายเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว ปัจจุบันใช้น้ำใต้ดินในการสูบขึ้นมาหล่อเลี้ยงพืชผัก จะเก็บค่าใช้จ่ายจากสมาชิกเพียงหน่วยละ 1 บาทเพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาระบบน้ำใต้ดิน แต่หากจะมีการออกร่าง พ.ร.บ.จัดเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำสาธารณะเพิ่มอีกจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้เกษตรกร ซึ่งก็ต้องรอดูความชัดเจนหลักเกณฑ์เงื่อนไขอีกครั้ง
ด้านนางบังอร อัปปะมะโต หนึ่งในสมาชิกกลุ่มผู้ปลูกผักบ้านโนนสวรรค์ บอกว่า เดิมมีรายได้จากการทำนาเพียงอย่างเดียวทำให้ไม่เพียงพอใช้จ่ายในครอบครัว แต่หลังจากสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มปลูกผักก็ทำให้มีรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลจะออกร่าง พ.ร.บ.เก็บเงินจากผู้ใช้น้ำสาธารณะนั้นก็ไม่เห็นด้วยเพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้เกษตรกร จึงอยากให้มีการยกเว้นให้กับกลุ่มเกษตรกรด้วย หากจะจัดเก็บควรจะเก็บผู้ที่ทำในเชิงธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมมากกว่า
โดยส่วนตัวของ MC แล้ว แม้จะไม่เห็นด้วยกับ พรบ. ฉบับนี้ แต่คงไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆเพื่อไปคัดค้าน แต่อยากจะนำเสนอให้ท่านผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้รับทราบถึงการได้มาของน้ำนั้นไม่ใช่จะได้มาฟรีๆเช่นเดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องล้วนมีการลงทุน บางที่แหล่งน้ำเข้าไม่ถึง ประชาชนต้องยอมลงทุนหาน้ำเองในพื้นที่ของตนเองซึ่งใช้เงินลงทุนเฉพาะแค่หาน้ำก็ตั้งแต่หลักหมื่นขึ้นไปจนไปถึงหลักแสนบาท เหตุและผลของร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ จะทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงน้ำสาธารณะ จึงมองดูแปลกๆสำหรับการจัดทำ พรบ.นี้
และประเทศไทยของเรานี้ยังมี กรมชลประทานที่เป็นหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน้าที่จัดให้ได้มาซึ่งน้ำเพื่อกักเก็บรักษา ควบคุม ส่ง ระบาย หรือ แบ่งน้ำเพื่อการเกษตร การพลังงาน การสาธารณูปโภค หรือการอุตสาหกรรม และหมายรวมถึงการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากน้ำ กับการคมนาคมทางน้ำซึ่งอยู่ในเขตชลประทาน
วิสัยทัศน์กรมชลประทาน
" กรมชลประทานเป็นองค์กรนำด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ให้มีพื้นที่ชลประทาน อยู่ในลำดับ 1 ใน 10 ของโลก"
กรมชลประทานจึงควรทำให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงน้ำสาธารณะ มากกว่าทุกหน่วยงาน
MC ไม่ได้มาคัดค้านหรือมาโจมตี แต่อยากให้ทุกคนได้มองเห็นถึงการได้มาที่ยากลำบากของน้ำที่นำมาใช้นอกเหนือไปจากน้ำประปาที่ส่งมาให้ใช้ตามครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งปั๊มพ์ เดินท่อที่มีทั้ง ท่อ PVC PE HDPE สายยางแข็ง สายยางอ่อน ข้อต่อ ข้อแยก ข้อลดต่างๆ ฯลฯ ต้นทุนจากการขุดเจาะหาน้ำหรือเปิดทางมาจากแหล่งน้ำที่มีราคาสูง ต้นทุนจากการติดตั้งปั๊มพ์ สรรหาแหล่งจ่ายไฟ หรือเติมน้ำมันในการเดินเครื่องปั๊ม ต้นทุนในการสร้างแหล่งพักน้ำที่สูบมาอีกครั้ง เพื่อควบคุมการจ่ายน้ำไปยังจุดที่ต้องการใช้น้ำ ไม่ว่าจะเป็นพวก Storage Tank บ่อพักน้ำคอนกรีต+กันซึม หรือทำเป็น Tower Tank เพื่อปล่อยให้น้ำ Over Flow ลงมา ปั๊มพ์ส่งแรงดัน อุปกรณ์เพิ่มแรงดัน Discharge Pipe อุปกรณ์กระจายน้ำเช่น sprinkler จ่ายน้ำ ภาคอุปกรณ์ควบคุมน้ำ เช่น ตู้คอนโทรล ,switch ต่างๆ, timer , solenoid valve ฯลฯ เป็นต้น ยังไม่นับรวมต้นทุนในการบำรุงรักษาและการซ่อม ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อย มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่ MC ไล่ให้ฟังทั้งวันก็ไล่ไม่หมด จึงอยากให้ท่านผุ้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้มองเห็นในภาระของชาวบ้านผุ้ใช้น้ำที่ต้องแบกรับเช่นกัน หาได้มาซึ่งทรัพยากรฟรีๆ หรือมรคนอำนวยความสะดวกมาป้อนน้ำให้ถึงบ้านอย่างเช่นน้ำประปาไม่
ในอีกมุมหนึ่งขอฝากเพิ่มเติมไปยังเกษตรกรผู้คัดค้านด้วยเช่นกันว่า หากคัดค้านก็คือคัดค้านทั้งหมด ไม่ใช่จะโยนมาให้ภาคธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมมารับแทนอยู่กลุ่มเดียว เพราะตอนนี้ทุกภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมก็ร่อแร่พอๆกัน ภายใต้เปลือกนอกที่ดูสวยงาม แต่ใครจะรู้ว่าข้างในนั้นก็กำลังหนีเจ๊งกันอยู่ถ้วนหน้า ไม่ได้สุขสบายไปกว่ากันหรอกครับ
บ่นมากๆไปก็เท่านั้นแหละ ขอย้ำว่าไม่ได้มาคัดค้านหรือโจมตี เพราะไม่มีผลอะไรแน่ๆ หากคิดว่าดีก็ทำไปครับ MC ขอแค่ได้ให้ท่านผู้ใหญ่มองให้ลึกถึงความลำบากเท่านั้นเองไม่อยากมีภาระใดๆที่ต้องมารับเพิ่มอีก
บ่นพอละ นึกต่อไม่ออก บันเทิงกันดีกว่าครับ
ขอบคุณเนื้อข่าวต้นเรื่องจากผู้จัดการออนไลน์
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ต้องหากินกันทั้งนั้น เราเคยมีแนวคิดที่จะอยุ่ร่วมกันระหว่าคนกับสัตว์อย่างสันติและไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน แต่ในทางกลับกัน มนุษย์กับมนุษย์ต้องหลีกเลี่ยงการเบียดเบัยนซึ่งกันและกันด้วยครับผม