ประสบการณ์ eating disorder รักตัวเองคือคำตอบ

สวัสดีค่ะ เริ่มเลยนะคะ
เมื่อประมาณ 1 ปีก่อนนะคะ เป็นช่วงเครียด สอบนู่นนี่ ก็กินเยอะ น้ำหนักก็ขึ้นมาค่ะ ประมาณ 2-3 กก มีคนทัก ว่าอ้วนขึ้นนะ ซึ่งจริงๆก็ปกติ ของคนที่กำลังเรียนอะเนาะ ขึ้นๆลงๆ อยู่แล้ว แต่พอดีช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราเพิ่งเลิกกับแฟน ไม่รู้ว่าเกี่ยวมั้ยนะคะ จากเดิมที่เราไม่เคยกังวลกับรูปร่างตัวเอง ช่วงไหนอ้วนขึ้น เสื้อผ้าเริ่แน่น เราก็รู้สึกตัว ก็ลดๆนิดหน่อย ก็ปกติ เราเป็นคนขาใหญ่ มีพุงตลอด ตามประสาคนไม่เคยออกกำลังกาย ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร มีความสุขกับชีวิต แต่ตอนนั้นเราก็หันมาสนใจรูปร่างตัวเองมากขึ้น หาข้อมูลออกกำลังกาย กินคลีน ช่วงแรกก็ยังโอเคค่ะ ทำอาหารเอง กินคลีน ออกกำลัง cardio วันละ 20-30 นาที บางวันก็มีโยคะอีก ก็ดูเป็นวิธีที่ถูกต้องใช่มั้ยคะ น้ำหนักก็เริ่มลดลง คนเริ่มทัก แต่มันไม่พอค่ะ

เราเริ่มจริงจังมากขึ้น จนเรียกว่าหมกมุ่นเลยค่ะ เราต้องวิ่งทุกวัน วันไหนไม่ได้วิ่งจะรู้สึกแย่มากๆ มันอาจจะดูเหมือนคนเสพย์ติดการออกกำลังกายทั่วไป แต่มันมีมากกว่านั้นค่ะ เรากินคลีน แบบจริงจัง มากขึ้นเรื่อยๆ ทำอาหารไปกินเองที่ทำงาน ถ้ามื้อไหนหลุดก็จะรู้สึกผิดมาก แค่กินซาลาเปาไปครึ่งลูกก็รู้สึกผิดแล้วค่ะ อาหารปกติแทบจะไม่แตะ แต่ถ้าเผลอกินนี่จะเหมือนเราหยุดตัวเองไม่ได้ค่ะ จะกินจนหมด แล้วก็รู้สึกผิด นอยด์มาก จำกัดแคลมาก มื้อเช้าจะไม่กินค่ะ ไม่ก้กินน้ำเต้าหู้จืด ขนมปังสองคำถ้าหิว มื้อเที่ยงเย็นจะทำกินเองจะกินข้าว 1 ทัพพี อกไก่ 100 กรัม แค่นี้ค่ะ ทั้งวันได้พลังงานน้อยมาก

มีเดือนนึงไปทำงานนอกสถานที่ ทำอาหารเองไม่ได้ ตอนไปแรกๆคือนอยมาก กินไม่ได้ จะกินแต่กับข้าว ที่ไม่มัน ไม่ทอด ผัดผักเรายังไม่กินเลยค่ะ เพราะมัน แต่ละวันนี้ได้พลังงานไม่ถึง 800 kcal แน่ค่ะ จนผอมลงๆ ตอนนั้น หนาวง่ายมาก รู้สึกไม่มีแรง ชีวิตหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องนี้

จนช่วงที่งานหนัก เราก็ใช่งานเป็นข้ออ้าง อาหารที่เค้ามีให้ เราก็แทบไม่กิน ทั้งวันบางทีกินข้าวมื้อเดียว แล้วคือกินข้าวไม่ถึง 1 ทัพพี กับข้าวก็ไม่มัน ไม่ทอด ขนาดกินสุกี้ เรายังไม่กินวุ้นเส้นเลยค่ะ ตอนนั้นผอมมาก โทรม ดูป่วยมาก เสือผ้านี่ใส่ไม่ได้เลยค่ะ มีแต่คนทัก คนรู้จักนี่ตกใจ พ่อแม่ก็เป็นห่วง กังวลมากค่ะ แต่เราไม่รู้สึกตัวนะ รู้สึกภูมิใจนิดๆด้วยซ้ำที่ผอม (แต่ตอนนี้มาย้อยดูรูปแล้วดูป่วยมากจริงๆค่ะ เรายังตกใจตัวเอง) ตอนนั้นก็ยังออกกำลังกายต่อเนื่องนะคะ ทั้งๆที่กินข้าววันละมื้อนั่นแหละ ลืมบอกไปคือตั้งแต่เราเริ่มออกกำลัง ลดน้ำหนัก จำกัดอาหาร ประจำเดือนเราหายไปเลยค่ะ

จนช่วงเครียดๆ เราก็เริ่มมีข้ออ้างให้ตัวเองค่ะ ว่าเครียดแล้วต้องกิน เราผอมอยู่เรากินได้ แต่กินแต่ของไม่มีประโยชน์นะคะ ข้าวนี่ยังไม่กินเหมือนเดิม แต่จะกินขนม อะไรที่ไม่ดีๆ ที่เมื่อก่อนเราไม่เคยอยากกิน ตอนนี้ก็คืออยากกิน กินทุกวันอ่ะค่ะ อดข้าว เพื่อมากินขนม แต่ยังนับแคล ออกกำลังกายนะคะ แล้วทีนี้พอเริ่มหลุด เราก็เป็นต่อเนื่อง แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวนะคะ ว่าเรากินผิดปกติ จนช่วงงานหนักดีขึ้น ตอนนี้น้ำหนักเริ่มขึ้นแล้วค่ะ พอมีคนทัก ตอนนั้นนอยด์มากๆๆๆๆๆๆ จำได้ว่าเครียด คิดว่าต้องลดๆๆ ต้องอด ต้องออกกำลัง ทั้งๆที่เราก็แค่อ้วนขึ้นจากเดิมอะค่ะ แต่ไม่ได้อ้วนเลย คือหมกมุ่นมาก วันๆคิดแต่เรื่องนี้ เรื่องกิน ออกกำลังลัง ความอ้วน

เราเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ คือต่อหน้าคนอื่นจะอด จะรู้สึกอายถ้ากินเยอะต่อหน้าคนอื่น ถ้าจะกินเราก็จะมีข้ออ้าง เช่น หิวมากเลย ไม่ได้กินข้าวเช้ามา อะไรแบบนี้อะค่ะ แล้วพอไม่มีคนอยู่เราก็จะกินเยอะ แบบมากๆ หยุดไม่ได้ จนกว่าจะหมด บางทีสี่ทุ่ม เราเดินออกไปซื้อขนมมานั่งกินๆๆ งอะค่ะ เราเริ่มจิตตกมากขึ้นเรื่อยๆ เวลามองคนอื่นเราก็รู้สึกแย่ ว่าทำไมเค้ากินปกติได้ เค้าไม่เห็นอ้วนเลย ทำไมเรากินไม่ได้ เราวนเวียนอยู่แบบนี้อ่ะค่ะ ราวๆหกเดือน กิน อด ออกกำลัง เครียด คือชีวิตแย่มากๆ ไม่สดใสเลย คือเรารู้ตัวเลยค่ะ เดิมเราเป็นคนร่าเริง ก็เริ่มเก็บตัว ไม่ไปไหน เพราะกลัวว่าไปกินกับเพื่อนแล้วจะกินเยอะ เรากำหนดไม่ได้ว่าจะกินอะไร แต่อยู่คนเดียวก็ยัดๆๆอยู่ดี

จนมีช่วงที่เราไม่สบายค่ะ ออกกำลังกายไม่ได้ เรายิ่งจิตตก ทีนี้หลุดยาวเลยค่ะ เช้ากินซาลาเปาสามลูก เที่ยงกินกับคนอื่นจะจำกัดได้ เย็นก็พยายามจำกัด แต่ก่อนนอนนี่ค่ะ คือเราจะรอๆๆจนอยู่คนเดียว เพื่อที่เราจะได้กินอะค่ะตอนนั้น กินข้าวสองจาน เค้กสองชิ้น นม โรตี ยังงี้อะค่ะ คือกินๆๆจนกว่าอาหารจะหมดอะค่ะ ตอนกินนี่ไม่มีสติเลยนะคะ กินเร็วมาก จนหมด แล้วก็จะรู้สึกอิ่ม แน่นท้องมากๆๆๆ แล้วก็รู้สึกผิด เครียด แ้วก็กิน เป็นอย่างนี้อ่ะค่ะ วนเวียนอยู่สองเดือน น้ำหนีกเราขึ้นมา 5 กก ในสองเดือนค่ะ คนเริ่มทักว่าอ้วนขึ้น ไปทำไรมา ช่วงนั้นยิ่งนอยด์ เป็นสิวด้วย ชีวิตคือดาร์คมาก เคยคิดว่าแบบไม่อยากไปไหนไม่อยากเจอใคร รู้สึกแย่มาก ว่าทำไมเรามันแย่ เรื่องแค่นี้ก็คุมตัวเองไม่ได้ ร้องไห้เลยก็มีนะคะ แต่ก็ไม่หายค่ะ ตอนนี้รู้ตัวแล้วนะคะว่าเราเป็นโรค eating disorder พยายามหาข้อมูล ก็ตามๆอ่านในพันทิปนี่แหละค่ะ ก็มีหายบ้างไม่หายบ้าง แนะนำพบจิตแพทย์บ้าง ตอนนั้นก็พยายามทำตามนะคะ แต่ก็ยังเป็นเรื่อย มีช่วงที่พีคคือเป็นทุกวัน ทุกมื้อเลยค่ะ ตอนนั้นชีวิตแย่สุดๆ เป็นช่วงที่ไม่มีความสุข มันหม่นหมองมันไม่แจ่มใส ทำงานอะไรก็ไม่เต็มที่ ไม่มีสมาธิ คือแย่อะค่ะ

ข้ามมาที่ปัจจุบันนะคะ เรารู้สึกมีความสุขมากขึ้น เราสดใสขึ้น โลกของเราไม่มืดมัวเหมือนเดิม ทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพมากขึ้น หมกมุ่นกับเรื่องนี้ลดลง เรายังไม่หายสนิทหรอกค่ะ เราก็ยังมีอาการอยากกิน เรายังมีหลุดกินขนม กินโดนัทตอนกลางคืน แต่เราไม่เครียด ไม่ไปหมกมุ่นกับมันค่ะ เรากินแล้วก็คือจบ คนปกติก็มีอารมณ์ที่อยากกินเค้กตอนเที่ยงคืนได้ค่ะ ไม่แปลก เราไม่มองว่าตัวเองผิดปกติ ตัวเองแย่ เราไม่หมกมุ่น หิวเราก็กิน แต่ก็พยายามเลือกกินนะคะ ออกกำลังกายถ้าวันไหน เราเหนื่อย เราขี้เกียจ เราก็ไม่ออกค่ะ ชีวิตมันไม่จำเป็นต้อง strict ขนาดนั้นค่ะ

เราก็ไม่รู้ว่าจุดเปลี่ยนเราอยู่ตรงไหนนะคะ เราพยายามมองโลกแง่ดี เรารักตัวเองมากขึ้น เราคิดทุกวันค่ะ ว่าเราไม่สนว่าเราจะอ้วนหรือผอม เราเลือกที่จะมีความสุขค่ะ เราอยากจะมีสุขภาพที่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ได้อยากผอมสวย เหมือนดารา เราไม่จำเป็นต้องมีกุ่นเป๊ะขนาดนั้น เราคือคนธรรมดานี่คะ คนเราผอมได้อ้วนได้ค่ะ

สรุปนะคะ
1. เราต้องเริ่มจากรักตัวเองค่ะ เรารักตัวเอง เราต้องเลือกสิ่งดีๆให้ตัวเอง กินแต่สิ่งดีๆ อะไรไม่ดีก็กินได้ค่ะ อย่าไปเข้มงวดมากนัก ถ้าเราผอม หุ่นเป๊ะ แต่ข้างในใจเราทุกข์เหลือเกิน แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร อย่าไปเครียดค่ะ เราจะอ้วน มีพุง ขาใหญ่ ก็ไม่เป็นไรค่ะ เรามีความสุขมั้ย มีสุขภาพที่ดีมั้ย อันนั้นสำคัญกว่าค่ะ
2. ไม่เอาคุณค่าของตัวเองไปฝากไว้ที่คนอื่นค่ะ ที่ผ่านมาคือเรากังวลว่าคนอื่นจะมองเรายังไง เราอยากให้ภาพมัน perfect แต่เราลืมไปค่ะ ว่ามันก็แค่ภายนอก คนพวกนั้นไม่ได้แคร์อะไรข้างในใจเราหรอก ต้องเลิกสนใจค่ะ อย่าเอาคนที่ชอบวิจารณ์มาตัดสินคุณค่าเราค่ะ ต่อให้ภายนอกเราเป็นยังไง ภายในเราก็ยังเป็นคนเดิม เป็นเราคนนี้ คุณค่าในตัวเรายังเหมือนเดิม
3. เราไม่จำเป็นต้องมีหุ่นเป๊ะ หน้าท้องปัง เลิกเสพย์ social ค่ะ ดาราอัพรูปกินเค้ก แต่ทำไมหุ่นยังเป๊ะเว่อร์ คือเค้าต้องพยายามแค่ไหนกันคะ กว่าจะเป็นได้แบบนั้น เค้าจำเป็นค่ะ มันคืออาชีพของเค้า ซึ่งเราไม่ใช่ เราเป็นคนธรรมดา เรามีอย่างอื่นต้องทำ เหนื่อยบ้าง ขี้เกียจบ้าง อยากกินบ้าง เรื่องธรรมดาค่ะ
4. อย่าไปเข้มงวดกับตัวเองมากค่ะ ทำอะไรที่ทำได้เรื่อยๆ การมีสุขภาพดี ต้องทำไปตลอดชีวิตค่ะ เราคงไม่สามารถวิ่งวันละสี่ km ทุกวัน กินข้าวกับอกไก่วันละสามมื้อ ไปตลอดชีวิตหรอกค่ะ พยายามเลือกกิน กินที่อยากบ้าง ออกกำลังกายตามที่สะดวก แต่อย่าขาดหายก็พอค่ะ

สุดท้าย อาจจะเขียนแล้วงงๆ อ่านยากแต่ก็เป็นประสบการณที่อยากแชร์นะคะ คือคนที่เคยเป็นจะรู้ว่ามันทุกข์มาก ไม่มีใครช่วยเราได้ อยากจะบอกว่า สู้ๆนะคะ เราจะผ่านมันไปได้ค่ะ เราเลือกได้ค่ะที่จะมีความสุข ยิ้ม)

ปล.กระทู้แรก ผิดพลาดยังไง ขออภัยด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่