It คือชื่อนิยายของ
Stephen King (สตีเว่น คิง) ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1986 และถูกนำมาดัดแปลงเป็นมินิซีรีส์ 2 ตอนจบ ในปี ค.ศ. 1990 เรามีโอกาสได้ดูเพียงมินิซีรีส์เท่านั้น ฉบับหนังสือยังไม่เคยได้แตะต้อง เพราะได้ยินมาว่ามีความยาวกว่า 2,000 หน้า เลยต้องขอผลัดไปก่อน (นานๆ เลย) ถ้ามีโอกาสก็ว่าจะหามาอ่านสักครั้ง
ความโดดเด่นของเรื่องราวนี้ก็คือ ตัวละครปีศาจร้ายที่ชอบโผล่มาตามท่อน้ำ ซึ่งในเรื่องเรียกว่า “มัน” ไม่มีใครรู้ว่ามันคือตัวอะไร แม้โดยส่วนใหญ่จะปรากฏรูปร่างเป็นตัวตลกที่มีชื่อว่า “Pennywise” แต่หลายครั้ง “มัน” จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปได้เรื่อยๆ เพื่อเล่นกับความกลัวของเด็กๆ ใช่แล้ว ส่วนใหญ่คนที่เห็นมันจะมีเพียงแค่บรรดาเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่จะมองไม่เห็น
เนื้อเรื่องเริ่มต้นที่เมืองเดอร์รี่ เกิดเหตุเด็กผู้หญิงถูกฆ่าตายในสวนอย่างลึกลับ เมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว ไมค์ บรรณารักษ์นายหนึ่งที่อยู่ในเมืองนี้มาตั้งแต่เด็ก ก็พลันนึกย้อนถึงเหตุการณ์สยองขวัญเมื่อ 30 ปีก่อน จากนั้นก็โทรตามเพื่อนสมัยเด็กของตนเองทีละคนๆ ได้แก่ บิล เบน เอ็ดดี้ เบเวอร์รี่ ริชชี่ และสแตน เมื่อแต่ละคนรับรู้ว่าไมค์ติดต่อมา ทุกคนก็หวนกลับไปนึกถึงเรื่องราวในเมืองเดอร์รี่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ในส่วนนี้จะเป็นแฟลชแบ็คของแต่ละตัวละคร ทำให้เราค่อยๆ เข้าใจทีละนิดว่าแต่ละคนในวัยเด็กมีนิสัยแบบไหน แล้วมาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร รวมถึงสัญญาและความลับที่ต่างคนต่างมีร่วมกันเมื่อ 30 ปีก่อนเกี่ยวกับปีศาจร้ายที่เรียกว่า “มัน” ก็ค่อยๆ เผยออกมา
ช่วงตอนแรกของซีรีส์จะเล่าด้วยวิธีนี้ และแสดงให้เห็นว่าตัวละครที่โตแล้วแต่ละคนต่างมีท่าทีตระหนกตกใจและหวาดกลัว ไม่อยากกลับไปยังเมืองสมัยเด็ก แถมยังมีตัวละครหนึ่งถึงกับตัดสินใจปลิดชีวิตทิ้ง เพียงแค่ได้ยินว่าเพื่อนสมัยเด็กติดต่อมาเท่านั้น! จุดนี้ยิ่งทำให้เราสงสัยว่า “มัน” คืออะไร น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ!
เราว่าแม้ซีรีส์จะเก่ามาก แต่บรรยากาศความลี้ลับน่ากลัวทำได้ดี แล้วยังแทรกเรื่องราวมิตรภาพของเด็กๆ ที่ก่อตัวขึ้นมาท่ามกลางการร่วมมือกันต่อสู้สิ่งร้าย เด็กแต่ละคนจะมีนิสัยที่เป็นลักษณะเฉพาะและมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง การที่ซีรีส์เล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยให้ความสำคัญกับแต่ละตัวละครทำให้คนดูได้รู้จักเด็กแต่ละคนเป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้รู้สึกอยากเอาใจช่วย จึงเป็นความรู้สึกผสมผสานกันระหว่างการลุ้นระทึกว่าเด็กๆ จะต่อสู้กับเพนนีไวส์ได้อย่างไร กับความสงสัยใคร่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ตัวตนของเพนนีไวส์คืออะไรกันแน่ วิธีการหลอกของเพนนีไวส์ในช่วงแรกก็จะมาแนวลี้ลับหลอนๆ (แต่ไม่ใช่ผีนะ) และช่วงแรกที่หน้าตัวตลกโผล่มาแสยะยิ้มให้นี่ น่ากลัวใช้ได้เลย ไม่แปลกใจเลยถ้าเด็กดูแล้วจะกลัวตัวตลกได้

ตอนที่สอง ซึ่งเป็นครึ่งหลังของเรื่อง จะเริ่มต้นที่ตัวละครที่โตแล้วมารวมตัวกันเพื่อเผชิญหน้ากับเพนนีไวส์ เราว่าช่วงนี้ไม่ค่อยลุ้นเท่าช่วงครึ่งแรก อาจเพราะตัวละครเด็กดูน่าเอาใจช่วยมากกว่าผู้ใหญ่ก็เป็นได้ เพราะเด็กยังอยู่ในวัยที่พึ่งพาตนเองไม่ได้ เล่าให้ผู้ใหญ่ฟังก็ไม่มีใครเชื่อ มันเลยดูน่าเชื่อถือมากกว่าเวลาที่กลุ่มเด็กจะต้องเผชิญหน้าเพียงลำพัง นอกจากนี้ อาจจะเพราะตัวละครที่โตแล้วมันไม่มีเสน่ห์เท่าเด็กล่ะมั้ง (ไม่ได้ว่านักแสดงนะ) สำหรับเรา ภาพของผู้ใหญ่มันผูกกับความเป็นจริงมากกว่า พอมาผสมกับความแฟนตาซีสยองขวัญอย่างตัวตลก ถ้าทำได้ไม่หลอนไปจนสุดทาง ก็จะทำให้ดูไม่ค่อยสมจริง ส่งผลให้เกิดบรรยากาศชอบกล และเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ ว่าจะหลอนหรือจะฮาดีนะ แบบนี้
ความเข้มข้นลึกลับในช่วงครึ่งหลังอ่อนลงไปมาก บวกกับตอนเฉลย “มัน” ในตอนจบ เราว่าทำได้ราบเรียบไปหน่อย ช่วงท้ายจึงแผ่วลง แต่บทสรุปของตัวละครแต่ละตัวโดยรวมถือว่าโอเค เราไปอ่านเพิ่มเติมในเว็บ IMDb มา เขาระบุว่าช่วงไคลแม็กซ์ของเรื่อง งบประมาณดันหมด (เวรกรรม) ภาพที่ออกมาเลยไม่ได้ตามที่วางแผนไว้ เลยทำให้พอเข้าใจว่าทำไมฉากช่วงท้ายถึงออกมาแปลกๆ ไม่ค่อยประณีตเท่าไร
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ถือว่าดูได้เพลินๆ ทำให้อยากอ่านนิยายต้นฉบับที่รายละเอียดน่าจะเยอะกว่ามาก นอกจากนี้ เรายังตั้งตารอดู IT ฉบับ 2017 ด้วยว่าจะออกมาเป็นยังไง ณ จุดนี้ คาดหวังกับเฉลยตอนจบจากเวอร์ชันนี้มาก เพราะเฟลกับตอนจบเวอร์ชันซีรีส์มาแล้ว
ความเห็นเล็กน้อยส่งท้าย
-- ดูแล้วรู้สึกตัวละครหน้าคุ้นบางคน เลยลองไปค้นเพิ่มเติมถึงได้รู้ว่า ดาราเด็กบางคนยังคงเล่นซีรีส์อยู่จนโตแหน่ะ เช่น Seth Green (จำได้จากเรื่อง Buffy) หรือนางเอกตอนโต (Annette O’Toole) ก็เห็นได้ไปเล่นบทแม่ของคลาร์ก เคนท์ ใน Smallville ด้วย ขนาดบทแม่ นางก็ยังสวยอยู่นะ
-- เคยจำสับสนกับเรื่อง A Wrinkle in Time อยู่สักพักหนึ่ง เพราะในนิยายเรื่องนั้นก็มีบางสิ่งที่เรียก "IT" เหมือนกัน
-- ซีรีส์ที่ให้อารมณ์คล้ายๆ กันอีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ Stranger Things (2016) เป็นเรื่องราวของกลุ่มเด็กเผชิญความลึกลับหลอนๆ เหมือนกัน สนุกมากเรื่องนั้น แต่เรื่องนั้นจะมีความเป็นไซไฟผสมอยู่บ้าง
เขียนโดย: ฟุ้งซ่านจัง
ที่มา: https://revieweryclub.wordpress.com/2017/08/29/stephen-kings-it-miniseries-1990/
Fan Page: https://www.facebook.com/RevieweryClub
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.imdb.com/title/tt0099864/trivia?ref_=tt_trv_trv
Stephen King’s IT เมื่อปีศาจร้ายในวัยเด็กกลับมาหลอกหลอน (1990)
It คือชื่อนิยายของ Stephen King (สตีเว่น คิง) ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1986 และถูกนำมาดัดแปลงเป็นมินิซีรีส์ 2 ตอนจบ ในปี ค.ศ. 1990 เรามีโอกาสได้ดูเพียงมินิซีรีส์เท่านั้น ฉบับหนังสือยังไม่เคยได้แตะต้อง เพราะได้ยินมาว่ามีความยาวกว่า 2,000 หน้า เลยต้องขอผลัดไปก่อน (นานๆ เลย) ถ้ามีโอกาสก็ว่าจะหามาอ่านสักครั้ง
ความโดดเด่นของเรื่องราวนี้ก็คือ ตัวละครปีศาจร้ายที่ชอบโผล่มาตามท่อน้ำ ซึ่งในเรื่องเรียกว่า “มัน” ไม่มีใครรู้ว่ามันคือตัวอะไร แม้โดยส่วนใหญ่จะปรากฏรูปร่างเป็นตัวตลกที่มีชื่อว่า “Pennywise” แต่หลายครั้ง “มัน” จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปได้เรื่อยๆ เพื่อเล่นกับความกลัวของเด็กๆ ใช่แล้ว ส่วนใหญ่คนที่เห็นมันจะมีเพียงแค่บรรดาเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่จะมองไม่เห็น
เนื้อเรื่องเริ่มต้นที่เมืองเดอร์รี่ เกิดเหตุเด็กผู้หญิงถูกฆ่าตายในสวนอย่างลึกลับ เมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว ไมค์ บรรณารักษ์นายหนึ่งที่อยู่ในเมืองนี้มาตั้งแต่เด็ก ก็พลันนึกย้อนถึงเหตุการณ์สยองขวัญเมื่อ 30 ปีก่อน จากนั้นก็โทรตามเพื่อนสมัยเด็กของตนเองทีละคนๆ ได้แก่ บิล เบน เอ็ดดี้ เบเวอร์รี่ ริชชี่ และสแตน เมื่อแต่ละคนรับรู้ว่าไมค์ติดต่อมา ทุกคนก็หวนกลับไปนึกถึงเรื่องราวในเมืองเดอร์รี่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ในส่วนนี้จะเป็นแฟลชแบ็คของแต่ละตัวละคร ทำให้เราค่อยๆ เข้าใจทีละนิดว่าแต่ละคนในวัยเด็กมีนิสัยแบบไหน แล้วมาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร รวมถึงสัญญาและความลับที่ต่างคนต่างมีร่วมกันเมื่อ 30 ปีก่อนเกี่ยวกับปีศาจร้ายที่เรียกว่า “มัน” ก็ค่อยๆ เผยออกมา
ช่วงตอนแรกของซีรีส์จะเล่าด้วยวิธีนี้ และแสดงให้เห็นว่าตัวละครที่โตแล้วแต่ละคนต่างมีท่าทีตระหนกตกใจและหวาดกลัว ไม่อยากกลับไปยังเมืองสมัยเด็ก แถมยังมีตัวละครหนึ่งถึงกับตัดสินใจปลิดชีวิตทิ้ง เพียงแค่ได้ยินว่าเพื่อนสมัยเด็กติดต่อมาเท่านั้น! จุดนี้ยิ่งทำให้เราสงสัยว่า “มัน” คืออะไร น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ!
เราว่าแม้ซีรีส์จะเก่ามาก แต่บรรยากาศความลี้ลับน่ากลัวทำได้ดี แล้วยังแทรกเรื่องราวมิตรภาพของเด็กๆ ที่ก่อตัวขึ้นมาท่ามกลางการร่วมมือกันต่อสู้สิ่งร้าย เด็กแต่ละคนจะมีนิสัยที่เป็นลักษณะเฉพาะและมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง การที่ซีรีส์เล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยให้ความสำคัญกับแต่ละตัวละครทำให้คนดูได้รู้จักเด็กแต่ละคนเป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้รู้สึกอยากเอาใจช่วย จึงเป็นความรู้สึกผสมผสานกันระหว่างการลุ้นระทึกว่าเด็กๆ จะต่อสู้กับเพนนีไวส์ได้อย่างไร กับความสงสัยใคร่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ตัวตนของเพนนีไวส์คืออะไรกันแน่ วิธีการหลอกของเพนนีไวส์ในช่วงแรกก็จะมาแนวลี้ลับหลอนๆ (แต่ไม่ใช่ผีนะ) และช่วงแรกที่หน้าตัวตลกโผล่มาแสยะยิ้มให้นี่ น่ากลัวใช้ได้เลย ไม่แปลกใจเลยถ้าเด็กดูแล้วจะกลัวตัวตลกได้
ตอนที่สอง ซึ่งเป็นครึ่งหลังของเรื่อง จะเริ่มต้นที่ตัวละครที่โตแล้วมารวมตัวกันเพื่อเผชิญหน้ากับเพนนีไวส์ เราว่าช่วงนี้ไม่ค่อยลุ้นเท่าช่วงครึ่งแรก อาจเพราะตัวละครเด็กดูน่าเอาใจช่วยมากกว่าผู้ใหญ่ก็เป็นได้ เพราะเด็กยังอยู่ในวัยที่พึ่งพาตนเองไม่ได้ เล่าให้ผู้ใหญ่ฟังก็ไม่มีใครเชื่อ มันเลยดูน่าเชื่อถือมากกว่าเวลาที่กลุ่มเด็กจะต้องเผชิญหน้าเพียงลำพัง นอกจากนี้ อาจจะเพราะตัวละครที่โตแล้วมันไม่มีเสน่ห์เท่าเด็กล่ะมั้ง (ไม่ได้ว่านักแสดงนะ) สำหรับเรา ภาพของผู้ใหญ่มันผูกกับความเป็นจริงมากกว่า พอมาผสมกับความแฟนตาซีสยองขวัญอย่างตัวตลก ถ้าทำได้ไม่หลอนไปจนสุดทาง ก็จะทำให้ดูไม่ค่อยสมจริง ส่งผลให้เกิดบรรยากาศชอบกล และเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ ว่าจะหลอนหรือจะฮาดีนะ แบบนี้
ความเข้มข้นลึกลับในช่วงครึ่งหลังอ่อนลงไปมาก บวกกับตอนเฉลย “มัน” ในตอนจบ เราว่าทำได้ราบเรียบไปหน่อย ช่วงท้ายจึงแผ่วลง แต่บทสรุปของตัวละครแต่ละตัวโดยรวมถือว่าโอเค เราไปอ่านเพิ่มเติมในเว็บ IMDb มา เขาระบุว่าช่วงไคลแม็กซ์ของเรื่อง งบประมาณดันหมด (เวรกรรม) ภาพที่ออกมาเลยไม่ได้ตามที่วางแผนไว้ เลยทำให้พอเข้าใจว่าทำไมฉากช่วงท้ายถึงออกมาแปลกๆ ไม่ค่อยประณีตเท่าไร
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ถือว่าดูได้เพลินๆ ทำให้อยากอ่านนิยายต้นฉบับที่รายละเอียดน่าจะเยอะกว่ามาก นอกจากนี้ เรายังตั้งตารอดู IT ฉบับ 2017 ด้วยว่าจะออกมาเป็นยังไง ณ จุดนี้ คาดหวังกับเฉลยตอนจบจากเวอร์ชันนี้มาก เพราะเฟลกับตอนจบเวอร์ชันซีรีส์มาแล้ว
ความเห็นเล็กน้อยส่งท้าย
-- ดูแล้วรู้สึกตัวละครหน้าคุ้นบางคน เลยลองไปค้นเพิ่มเติมถึงได้รู้ว่า ดาราเด็กบางคนยังคงเล่นซีรีส์อยู่จนโตแหน่ะ เช่น Seth Green (จำได้จากเรื่อง Buffy) หรือนางเอกตอนโต (Annette O’Toole) ก็เห็นได้ไปเล่นบทแม่ของคลาร์ก เคนท์ ใน Smallville ด้วย ขนาดบทแม่ นางก็ยังสวยอยู่นะ
-- เคยจำสับสนกับเรื่อง A Wrinkle in Time อยู่สักพักหนึ่ง เพราะในนิยายเรื่องนั้นก็มีบางสิ่งที่เรียก "IT" เหมือนกัน
-- ซีรีส์ที่ให้อารมณ์คล้ายๆ กันอีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ Stranger Things (2016) เป็นเรื่องราวของกลุ่มเด็กเผชิญความลึกลับหลอนๆ เหมือนกัน สนุกมากเรื่องนั้น แต่เรื่องนั้นจะมีความเป็นไซไฟผสมอยู่บ้าง
เขียนโดย: ฟุ้งซ่านจัง
ที่มา: https://revieweryclub.wordpress.com/2017/08/29/stephen-kings-it-miniseries-1990/
Fan Page: https://www.facebook.com/RevieweryClub
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.imdb.com/title/tt0099864/trivia?ref_=tt_trv_trv