🎈🎈🎈
ถ้าพูดถึงนิยายสยองขวัญที่ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ได้ทรงพลังที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก ชื่อของ IT จากปลายปากกาของ Stephen King ย่อมติดอันดับต้น ๆ เสมอ
- IT เวอร์ชันคลาสสิก (1990) ที่หลายคนจดจำ Tim Curry ในบท Pennywise ได้อย่างฝังใจ ความหลอนแบบทีวีมูฟวี่ยุค 90 ที่ติดตาแฟน ๆ มาจนถึงทุกวันนี้
- IT เวอร์ชันใหม่ (2017–2019) แบ่งเป็น Chapter One และ Chapter Two โดยได้ Bill Skarsgård มาสร้าง Pennywise เวอร์ชัน “ปีศาจแท้จริง” ที่ทั้งน่ากลัว บิดเบี้ยว และเหนือมนุษย์ยิ่งกว่าเดิม
ความสำเร็จของสองภาคทำให้จักรวาล IT ไม่ได้จบลงแค่การปราบตัวตลก
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของซีรีส์ IT: Welcome to Derry ที่พาเราย้อนกลับไปสู่รากเหง้าของ “เมืองที่ไม่เคยปลอดภัยตั้งแต่แรก”
🎈🎈🎈
เรื่องราวพาเราไปสำรวจเมือง Derry ในยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักชื่อ Pennywise
แต่ความผิดปกติ ความรุนแรง และการหายตัวไปของเด็ก ๆ เริ่มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวซีรีส์โฟกัสไปที่กลุ่มตัวละครใหม่ เด็กที่ต้องเผชิญกับบางสิ่งที่ “ซ่อนตัวอยู่ใต้เมือง” และค่อย ๆ เปิดเผยว่า Derry ไม่ได้เป็นเมืองที่ถูกปีศาจบุก แต่เป็นเมืองที่เลี้ยงปีศาจเอาไว้
🎈🎈🎈
ซีรีส์ใช้โทน “เล่าย้อนอดีต” อย่างชัดเจน ค่อย ๆ แนะนำตัวละครใหม่ทีละคน พร้อมกับ “คัดออก” ตัวละครแบบไม่ปรานี คล้ายหนัง IT ภาคแรก แต่จุดที่แตกต่างคือ การเอาหนังยาวมา “แตกเป็นตอน” ทำให้มีพื้นที่ให้ตัวละครหายใจ และทำให้ความหลอนค่อย ๆ สะสม แทนการพุ่งใส่ทันที “มันให้ฟีลเหมือนดู IT Chapter One แบบยืดออก แต่เล่าได้เนียนกว่า”
🎈🎈🎈
จุดเด่น – พีคขึ้นเรื่อย ๆ + Easter Egg จัดเต็ม
🎯 1. จังหวะเรื่องที่ไต่ระดับ ตั้งแต่ EP 1 ถึง EP 8 ความเข้มข้นเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ไม่มีตอนที่รู้สึกว่า “ดูข้ามได้” ทำให้คนดูอยากกดดูตอนต่อทันที
🎈 2. Pennywise ไม่ได้โผล่มาพร่าเพรื่อ แต่ทุกครั้งที่มา…ทำให้หลอนและน่าจดจำทุกฉาก การใช้ Pennywise อย่างประหยัด แต่ทรงพลัง ยิ่งทำให้ทุกการปรากฏตัวมีน้ำหนักและน่าขนลุก
🧩 3. Easter Egg เพียบ แฟน Stephen King จะสนุกเป็นพิเศษ เพราะมีการ อ้างอิงเหตุการณ์ใน IT ภาคหนัง เชื่อมโยงกับจักรวาล King เรื่องอื่น ๆ (เชิงสัญลักษณ์และสถานที่) รายละเอียดเล็ก ๆ ที่แฟนพันธุ์แท้เท่านั้นจะร้องอ๋อ
🎈🎈🎈
จุดด้อย ที่เห็นชัดๆ คือแก๊งเด็กยังตงใช้สูตรเดิม ที่ยังไม่ฉีกจากกรอบ แม้จะเปลี่ยนกลุ่มตัวละครใหม่ แต่แก๊งเด็กยังคงมี archetype แบบเดิม (เด็กโดนบูลลี่ / เด็กเก่ง / เด็กมีปมครอบครัว) บางตัวละครยังไม่ทันได้ขยายมิติ ก็ถูกกำจัดออกไปก่อน ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกว่า “เดาทางได้ง่าย” ถ้าเคยดู IT มาก่อน แต่ก็ไม่ใช่จุดด้อยร้ายแรง แต่ก็ทำให้ซีรีส์ยังไม่ “แหวก” เท่าที่บางคนคาดหวัง
🎈🎈🎈
**มุมมองเปรียบเทียบตรง ๆ กับ IT เวอร์ชันหนัง และทฤษฎีที่ว่า “นี่อาจไม่ใช่อดีต…แต่คือเกมของ Pennywise”** เมื่อเอา IT: Welcome to Derry มาเทียบกับ IT Chapter One & Two แบบตรงไปตรงมา จะเห็นชัดว่าซีรีส์เลือก “ทิศทางการเล่าเรื่อง” ที่ต่างจากหนังอย่างมีนัยสำคัญ
🎬 IT (ฉบับหนัง) เล่าเรื่องแบบคลาสสิก เด็ก ๆ คือศูนย์กลางของเรื่อง Pennywise เป็น “ภัย” ที่รุกเข้ามา การต่อสู้คือการเผชิญหน้าโดยตรง มีจุดเริ่ม–จุดจบที่ชัดเจน (แพ้–ชนะ)
📺 IT: Welcome to Derry (ฉบับซีรีส์) เล่าเรื่องผ่าน “เมือง” มากกว่าฮีโร่ ตัวละครเป็นเพียงเหยื่อในวัฏจักร Pennywise ไม่ได้บุก แต่ “รอ” ความสยองเกิดจากการปล่อยให้ทุกอย่างพังเอง
🎈🎈🎈
ส่วนตัวผมคิดว่า เหมือนซีรีส์ไม่ได้พยายามย้อนอดีตแบบตรง ๆ แต่กำลังเล่า “กลไกของความชั่วร้าย” มากกว่า หรือทั้งหมดนี้…คือแผนการของ Pennywise? ซึ่งหนึ่งในทฤษฎีที่ถูกพูดถึงมากในหมู่แฟน ๆ คือ สิ่งที่เราเห็นในซีรีส์อาจไม่ใช่อดีตตามเส้นเวลา แต่คือ “การบิดเวลา” ของ Pennywise เอง เพราะถ้าพิจารณาจากนิยายต้นฉบับของ Stephen King Pennywise ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ถูกจำกัดด้วยเวลาแบบมนุษย์ มันคือสิ่งมีชีวิตโบราณที่มีตัวตนข้ามกาลเวลา และ “ดำรงอยู่พร้อมกันในหลายยุค”
🎈🎈🎈
Pennywise อาจ “ย้อนกลับ” เพื่อกำจัดต้นกำเนิดของ Loosers Club หรือกำลังทดลองเส้นเวลาที่เด็กกลุ่มหนึ่งจะ “ไม่มีวันโตพอจะล้มมันได้” เด็กในซีรีส์อาจเป็น ต้นแบบ และมีความสัมพันธ์กับแก๊งที่เรารู้จักในภาคหนัง และการคัดตัวละครออกอย่างโหดเหี้ยม คือการ “ตัดภัยล่วงหน้า” เมื่อมองในมุมนี้ Welcome to Derry จะไม่ใช่แค่ prequel แต่เป็นสงครามเชิงจิตวิทยาของ Pennywise เอง
🎈🎈🎈
🎭 และทำไม Pennywise ถึงดู “ควบคุมเกม” มากกว่าหนัง? Pennywise ในซีรีส์ดู สุขุม เยือกเย็น และมั่นใจ กว่าภาคหนัง ไม่รีบเชือด ไม่รีบปรากฏตัว ปล่อยให้ความกลัวกัดกินเมืองก่อน ต่างจากภาคหนังที่มัน “พลาด” เพราะประมาทเด็กกลุ่มหนึ่ง ซีรีส์จึงเหมือนเป็นการแก้มือ เป็นเวอร์ชันที่ Pennywise ไม่อยากแพ้อีกเป็นครั้งที่สอง
🎈🎈🎈
ถ้ามอง IT: Welcome to Derry แค่ในฐานะซีรีส์ย้อนอดีต มันอาจดูเหมือนเล่าเรื่องซ้ำ และแก๊งเด็กยังคุ้นตา แต่ถ้ามองลึกลงไป นี่อาจเป็นเรื่องราวของ Pennywise ที่เรียนรู้จากความพ่ายแพ้ และกำลังเขียนกติกาใหม่ของเกมความกลัวขึ้นมาเอง และถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริง…บางทีสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในซีรีส์เรื่องนี้อาจไม่ใช่ตัวตลก 🎈แต่คือความจริงที่ว่า มันไม่เคยยอมแพ้จริง ๆ ตั้งแต่แรก
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] 🎈 [#Review] “IT: Welcome to Derry – เมื่อเมืองนี้ไม่เคยลืมความกลัว และ Pennywise ก็ไม่เคยหายไปไหน”
🎈🎈🎈
ถ้าพูดถึงนิยายสยองขวัญที่ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ได้ทรงพลังที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก ชื่อของ IT จากปลายปากกาของ Stephen King ย่อมติดอันดับต้น ๆ เสมอ
- IT เวอร์ชันคลาสสิก (1990) ที่หลายคนจดจำ Tim Curry ในบท Pennywise ได้อย่างฝังใจ ความหลอนแบบทีวีมูฟวี่ยุค 90 ที่ติดตาแฟน ๆ มาจนถึงทุกวันนี้
- IT เวอร์ชันใหม่ (2017–2019) แบ่งเป็น Chapter One และ Chapter Two โดยได้ Bill Skarsgård มาสร้าง Pennywise เวอร์ชัน “ปีศาจแท้จริง” ที่ทั้งน่ากลัว บิดเบี้ยว และเหนือมนุษย์ยิ่งกว่าเดิม
ความสำเร็จของสองภาคทำให้จักรวาล IT ไม่ได้จบลงแค่การปราบตัวตลก
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของซีรีส์ IT: Welcome to Derry ที่พาเราย้อนกลับไปสู่รากเหง้าของ “เมืองที่ไม่เคยปลอดภัยตั้งแต่แรก”
🎈🎈🎈
เรื่องราวพาเราไปสำรวจเมือง Derry ในยุคที่ยังไม่มีใครรู้จักชื่อ Pennywise
แต่ความผิดปกติ ความรุนแรง และการหายตัวไปของเด็ก ๆ เริ่มเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวซีรีส์โฟกัสไปที่กลุ่มตัวละครใหม่ เด็กที่ต้องเผชิญกับบางสิ่งที่ “ซ่อนตัวอยู่ใต้เมือง” และค่อย ๆ เปิดเผยว่า Derry ไม่ได้เป็นเมืองที่ถูกปีศาจบุก แต่เป็นเมืองที่เลี้ยงปีศาจเอาไว้
🎈🎈🎈
ซีรีส์ใช้โทน “เล่าย้อนอดีต” อย่างชัดเจน ค่อย ๆ แนะนำตัวละครใหม่ทีละคน พร้อมกับ “คัดออก” ตัวละครแบบไม่ปรานี คล้ายหนัง IT ภาคแรก แต่จุดที่แตกต่างคือ การเอาหนังยาวมา “แตกเป็นตอน” ทำให้มีพื้นที่ให้ตัวละครหายใจ และทำให้ความหลอนค่อย ๆ สะสม แทนการพุ่งใส่ทันที “มันให้ฟีลเหมือนดู IT Chapter One แบบยืดออก แต่เล่าได้เนียนกว่า”
🎈🎈🎈
จุดเด่น – พีคขึ้นเรื่อย ๆ + Easter Egg จัดเต็ม
🎯 1. จังหวะเรื่องที่ไต่ระดับ ตั้งแต่ EP 1 ถึง EP 8 ความเข้มข้นเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได ไม่มีตอนที่รู้สึกว่า “ดูข้ามได้” ทำให้คนดูอยากกดดูตอนต่อทันที
🎈 2. Pennywise ไม่ได้โผล่มาพร่าเพรื่อ แต่ทุกครั้งที่มา…ทำให้หลอนและน่าจดจำทุกฉาก การใช้ Pennywise อย่างประหยัด แต่ทรงพลัง ยิ่งทำให้ทุกการปรากฏตัวมีน้ำหนักและน่าขนลุก
🧩 3. Easter Egg เพียบ แฟน Stephen King จะสนุกเป็นพิเศษ เพราะมีการ อ้างอิงเหตุการณ์ใน IT ภาคหนัง เชื่อมโยงกับจักรวาล King เรื่องอื่น ๆ (เชิงสัญลักษณ์และสถานที่) รายละเอียดเล็ก ๆ ที่แฟนพันธุ์แท้เท่านั้นจะร้องอ๋อ
🎈🎈🎈
จุดด้อย ที่เห็นชัดๆ คือแก๊งเด็กยังตงใช้สูตรเดิม ที่ยังไม่ฉีกจากกรอบ แม้จะเปลี่ยนกลุ่มตัวละครใหม่ แต่แก๊งเด็กยังคงมี archetype แบบเดิม (เด็กโดนบูลลี่ / เด็กเก่ง / เด็กมีปมครอบครัว) บางตัวละครยังไม่ทันได้ขยายมิติ ก็ถูกกำจัดออกไปก่อน ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกว่า “เดาทางได้ง่าย” ถ้าเคยดู IT มาก่อน แต่ก็ไม่ใช่จุดด้อยร้ายแรง แต่ก็ทำให้ซีรีส์ยังไม่ “แหวก” เท่าที่บางคนคาดหวัง
🎈🎈🎈
**มุมมองเปรียบเทียบตรง ๆ กับ IT เวอร์ชันหนัง และทฤษฎีที่ว่า “นี่อาจไม่ใช่อดีต…แต่คือเกมของ Pennywise”** เมื่อเอา IT: Welcome to Derry มาเทียบกับ IT Chapter One & Two แบบตรงไปตรงมา จะเห็นชัดว่าซีรีส์เลือก “ทิศทางการเล่าเรื่อง” ที่ต่างจากหนังอย่างมีนัยสำคัญ
🎬 IT (ฉบับหนัง) เล่าเรื่องแบบคลาสสิก เด็ก ๆ คือศูนย์กลางของเรื่อง Pennywise เป็น “ภัย” ที่รุกเข้ามา การต่อสู้คือการเผชิญหน้าโดยตรง มีจุดเริ่ม–จุดจบที่ชัดเจน (แพ้–ชนะ)
📺 IT: Welcome to Derry (ฉบับซีรีส์) เล่าเรื่องผ่าน “เมือง” มากกว่าฮีโร่ ตัวละครเป็นเพียงเหยื่อในวัฏจักร Pennywise ไม่ได้บุก แต่ “รอ” ความสยองเกิดจากการปล่อยให้ทุกอย่างพังเอง
🎈🎈🎈
ส่วนตัวผมคิดว่า เหมือนซีรีส์ไม่ได้พยายามย้อนอดีตแบบตรง ๆ แต่กำลังเล่า “กลไกของความชั่วร้าย” มากกว่า หรือทั้งหมดนี้…คือแผนการของ Pennywise? ซึ่งหนึ่งในทฤษฎีที่ถูกพูดถึงมากในหมู่แฟน ๆ คือ สิ่งที่เราเห็นในซีรีส์อาจไม่ใช่อดีตตามเส้นเวลา แต่คือ “การบิดเวลา” ของ Pennywise เอง เพราะถ้าพิจารณาจากนิยายต้นฉบับของ Stephen King Pennywise ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ถูกจำกัดด้วยเวลาแบบมนุษย์ มันคือสิ่งมีชีวิตโบราณที่มีตัวตนข้ามกาลเวลา และ “ดำรงอยู่พร้อมกันในหลายยุค”
🎈🎈🎈
Pennywise อาจ “ย้อนกลับ” เพื่อกำจัดต้นกำเนิดของ Loosers Club หรือกำลังทดลองเส้นเวลาที่เด็กกลุ่มหนึ่งจะ “ไม่มีวันโตพอจะล้มมันได้” เด็กในซีรีส์อาจเป็น ต้นแบบ และมีความสัมพันธ์กับแก๊งที่เรารู้จักในภาคหนัง และการคัดตัวละครออกอย่างโหดเหี้ยม คือการ “ตัดภัยล่วงหน้า” เมื่อมองในมุมนี้ Welcome to Derry จะไม่ใช่แค่ prequel แต่เป็นสงครามเชิงจิตวิทยาของ Pennywise เอง
🎈🎈🎈
🎭 และทำไม Pennywise ถึงดู “ควบคุมเกม” มากกว่าหนัง? Pennywise ในซีรีส์ดู สุขุม เยือกเย็น และมั่นใจ กว่าภาคหนัง ไม่รีบเชือด ไม่รีบปรากฏตัว ปล่อยให้ความกลัวกัดกินเมืองก่อน ต่างจากภาคหนังที่มัน “พลาด” เพราะประมาทเด็กกลุ่มหนึ่ง ซีรีส์จึงเหมือนเป็นการแก้มือ เป็นเวอร์ชันที่ Pennywise ไม่อยากแพ้อีกเป็นครั้งที่สอง
🎈🎈🎈
ถ้ามอง IT: Welcome to Derry แค่ในฐานะซีรีส์ย้อนอดีต มันอาจดูเหมือนเล่าเรื่องซ้ำ และแก๊งเด็กยังคุ้นตา แต่ถ้ามองลึกลงไป นี่อาจเป็นเรื่องราวของ Pennywise ที่เรียนรู้จากความพ่ายแพ้ และกำลังเขียนกติกาใหม่ของเกมความกลัวขึ้นมาเอง และถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริง…บางทีสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในซีรีส์เรื่องนี้อาจไม่ใช่ตัวตลก 🎈แต่คือความจริงที่ว่า มันไม่เคยยอมแพ้จริง ๆ ตั้งแต่แรก
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้