นกน้อยโบยบิน...
กลางเดือนพฤษภาคม 2015
ช่วงเวลาที่เหลือพวกเราก็ต่างพากันออกเที่ยว เราพาพี่เค้าไปกินข้าวมันไก่แถวประตูน้ำอยู่บ่อยๆเพราะพี่เค้าชอบมาก ไหนๆก็จะกลับญี่ปุ่นแล้ว ปล่อยให้กินให้จุใจไปเลย~! ^^
ตกเย็นพวกเราก็อยู่ที่ห้องเก็บของ ตอนนั้นเราก็คุยกันเรื่องความเป็นอยู่ของเค้าที่ญี่ปุ่น จริงๆแล้วเรายังไม่รู้เลยว่าพี่เค้าทำงานอะไร ทำไมมีเวลามาอยู่กับเรามากมายขนาดนี้ อยู่เกือบเดือนแหนะ เราก็พอรู้มานะว่าคนญี่ปุ่นนี่เค้าไม่ค่อยจะว่าง แถมบ้างานมากๆ เวลาก็ไม่ค่อยจะมีให้เท่าไหร่ แต่ทำไมหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้แปลกไป ดูมีเวลาเยอะแยะมากมาย เราเลยทำเป็นเกริ่นๆถาม
N : "คุณมาอยู่กับฉันนานขนาดนี้ ที่ทำงานคุณโอเคมั้ยคะ? คุณจะโดนว่าอะไรรึเปล่า?"
K : "อ่อ โอเคนะ ไม่มีปัญหา ผมสามารถเลื่อนวันหยุดได้"
N : "คุณทำงานอะไรหรอคะ?" เราพยายามทำเหมือนถามไปเรื่อยๆ ทำหน้าตาสงสัยเล็กน้อย เหมือนเป็นคำถามลอยๆ เพื่อไม่ให้ดูอึดอัดจนเกินไป
พี่เค้ามองหน้าเราแบบชั่งใจอยู่พักนึงก่อนที่จะตอบว่า
K : "ผมทำงานทำความสะอาดน่ะ"
เรามองหน้าพี่เค้าแบบฉงน คือเราไม่ได้แปลกใจหรืออะไรนะ แต่เรากำลังคิดว่าพี่เค้าพูดจริงรึเปล่า? เพราะถ้าทำงานประจำ คงไม่ได้มีวันหยุดมากขนาดนี้ ถ้าทำงานประจำคงไม่มีเวลามาเที่ยวนานขนาดนี้แน่ๆ
N : "แล้วคุณทำงานนี้งานเดียวหรอคะ?" เราถามอีกพลางเล่นเกมส์ในมือถือ
K : "ฮืมมมม์... ผมเล่นหุ้นด้วยนิดๆหน่อยๆน่ะ เอ๋? นี่เกมส์อะไรหรอครับ? ผมเห็นคุณเล่นบ่อยมากเลย"
พี่เค้าถามเราคืน ดูเหมือนว่าเป็นการจบการสนทนาเรื่องงาน เหมือนว่าพี่เค้ายังไม่อยากคุยเท่าไหร่ แต่ก็ช่างเถอะ เค้าจะทำงานอะไรก็เรื่องของเค้า ไม่เป็นไร เรารับได้หมดแหละ แต่แค่อยากรู้ประวัติความเป็นมาของแฟนตัวเองเฉยๆ 55555
N : "อ๋อ เกมส์นี้ฉันไม่ได้เล่นบ่อยหรอกค่ะ แค่ว่างๆฉันก็จะเข้าเกมส์ไปเก็บทอง กลัวคนมาตีบ้านแล้วขโมยไปน่ะ จริงๆฉันก็ไม่ได้เล่นมาพักใหญ่แล้ว แต่ฉันเป็นหัวหน้าแคลน (กลุ่ม) ในเกมส์ของฉัน ก็เลยต้องเข้าบ่อยๆเพื่อส่งทหารให้สมาชิกคนอื่นๆน่ะ"
K : "งั้นผมโหลดมาเล่นบ้างดีกว่า" ^^
ว่าแล้ววันนั้น เราก็สอนให้หนุ่มญี่ปุ่นเล่นเกมส์ที่เราเล่น และชวนพี่เค้าให้มาอยู่กลุ่มในเกมส์กลุ่มเดียวกับเรา และวันนั้นเองเราสอนเค้าทุกอย่าง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า... เรา...กำลังได้สร้างหายนะครั้งยิ่งใหญ่ไปแล้ว.... (T▽T)
เมื่อถึงวันที่พี่เค้าจะกลับญี่ปุ่น พอพวกเรามาถึงสนามบิน อาการนอยด์ของเราก็ได้กลับมาอีกครั้ง เรารู้สึกหงุดหงิด ไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้ จะเรียกว่าเกลียดเลยก็ว่าได้... เพราะไม่ว่าจะรักครั้งไหนๆของเราก็จะวุ่นวายอยู่แต่กับสนามบิน (ช่วยไม่ได้ อยากดันมีสเป็คแบบชอบลูกครึ่งชอบต่างชาติเองนี่นา) TT'
เรารู้สึกว่าเรามาบ่อยมากเกินไป บ่อยมาก มากจนมันเบื่อแล้วกับการต้องพูดคำลา....
พอพี่เค้าเช็คอินเสร็จ ก็มานั่งเล่นกับเรา พวกเราก็ไม่ค่อยจะพูดอะไรกันมากเท่าไหร่ แต่พี่เค้าก็ถามนะ ว่าจะเจอกันอีกเมื่อไหร่ดี? เราเลยบอกเค้าแบบจริงจังว่าอยากศัลยกรรมหน้าก่อนแล้วค่อยเจอ แต่เค้าก็ไม่ยอมค่ะ บอกว่าเราห้ามทำนะ ห้ามทำเด็ดขาดเลย แต่เราก็สองจิตสองใจ และยังไม่รับปากว่าจะเจอเมื่อไหร่ แต่พี่เค้าก็พยายามกล่อมเรา เค้าบอกกับเราว่าอยากให้เราไปญี่ปุ่น พี่เค้ามีอาพาร์ทเม้นท์เล็กๆอยู่ ให้ไปพักกับเค้า เราเลยอยากรู้ว่าเค้าอยู่ตรงไหนของโอซาก้า เลยเปิด Google Maps แล้วให้พี่เค้าหาให้ พอเราเห็นเราก็แอบ Save ที่อยู่พี่เค้าไว้ ส่วนพี่เค้าก็ยังคงบิ้วเราต่อเรื่องไปญี่ปุ่น
พอสักพักพวกเรานั่งนิ่งเงียบเราก็ไม่รู้ว่าพี่เค้าคิดอะไรอยู่ พอใกล้จะถึงเวลาเข้า Gate พี่เค้าก็จับมือเราหันซ้ายทีหันขวาที แล้วบอกคนเยอะจังเลยนะ เราก็ได้แต่ขำ ก็พอจะรู้แหละว่าพี่เค้าจะทำอะไร ( ´ ▽ ` ) เราเลยบอกไม่ต้องก็ได้ อายเค้านะ พี่เค้าก็รอเวลาที่คนจะไม่มอง แล้วก็บอกไม่มีใครสนใจมองพวกเราหรอก ก่อนที่จะจับหน้าเราแล้วยื่นหน้ามาจูบ... (•///•)
กลับกลายเป็นเราที่เขินแทนซะงั้น 555 เพราะพี่แกเล่นจูบซะนานนิดนึง (*≧∀≦*) สรุปคือมีคุณป้าคนนึงมองค่ะ ป้าแกมองแรงด้วย ดูแล้วน่าจะคนไทยนะ อย่ามองเลยค่ะป้า ป้าก็น่าจะรู้ว่านี่มันสนามบิน เค้าก็ร่ำลากันแบบนี้ออกจะเยอะแยะน้าาาา~~!
พอถึงเวลาส่งพี่เค้าเข้า Gate เราก็พูดได้แค่ "เดินทางปลอดภัยนะ" และ "ดูแลตัวเองดีๆนะ" มันคิดคำพูดอื่นไม่ออกเลยจริงๆ เราอยากกอดเค้านะ แต่ทำไมมันดูยากจัง พี่เค้าก็ไม่ค่อยชอบที่จะแสดงออกเรื่องความรักในที่สาธารณะด้วยสิ... ลำบากใจจัง... แต่ก็เอาเถอะ เราก็ได้จูบเป็นของขวัญจากพี่เค้าแล้วนี่นา... เรามองหน้ากัน... พยายามเก็บอาการเอาไว้แล้วทำได้แค่ยิ้มให้และโบกมือลา... แล้วพี่เค้าก็เดินเข้า Gate ไป....
กลับมาสู่โลกแห่งความจริง... เวลาแห่งความสุขได้หมดลงแล้ว....
-------------------------------------------
เราตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน ตอนนี้เรายังพักอยู่ในอพาร์ทเมนท์เก็บของ พอหันไปมองอีกด้านของเตียง ที่ๆเค้าเคยนอน แต่ตอนนี้มันได้ว่างเปล่าไปแล้ว... ใจมันหวิวๆพิกล ในหัวคิดถึงแต่เรื่องแฟน คิดถึงพี่เค้าจังเลยนะ อยากกอดเขาอีกสักที ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากคิดถึง... TT
เราพลิกตัวนอนคว่ำ แล้วเอามือสองข้างสอดไว้ใต้หมอน แต่รู้สึกเหมือนมีอะไรเล็กๆมาทิ่มมือ พอดึงหมอนขึ้นก็เห็นสิ่งที่ทำให้เราต้องประหลาดใจ มีนกกระเรียนกระดาษญี่ปุ่นตัวจิ๋วสองตัว กับหัวใจกระดาษอีกหนึ่งดวงอยู่ใต้หมอน เราหยิบขึ้นมาดูด้วยความดีใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครพับให้ TT' ว่าแต่พี่เค้าไปแอบพับเมื่อไหร่ตอนไหนก็ไม่ทราบได้ ว่าแต่ผู้ชายญี่ปุ่น เค้าพับกระดาษเป็นด้วยเหรอเนี่ย? ข้าน้อยขอคาระวะ (-/\-) ขนาดเราเป็นผู้หญิงแท้ๆเรายังพับไม่เป็นเลยพูดจริงๆนะ (T^T)
เราก็ไม่รู้ว่ามันสื่อถึงอะไร? มันมีความหมายว่ายังไง? แต่เรารู้สึกเซอร์ไพรส์มาก ไม่คิดว่าเค้าจะมีมุมที่หวานๆแบบนี้ ปกติส่วนใหญ่จะเห็นพี่เค้าบุคคลิกแบบนิ่งๆเฉยๆ เหมือนไม่ค่อยมีความรู้สึกอะไร แต่ตอนนี้กลับทำให้เราซึ้งมากๆ น้ำตามันคลอจริงๆนะ เรามองพิจารณาน้องนกน้อยอยู่นาน ในใจก็พลางครุ่นคิด... มีนกสองตัว ตัวนึงสีเขียว ตัวนึงสีส้ม และหัวใจเป็นกระดาษสีส้ม (สงสัยไม่มีกระดาษสีอื่นแล้ว) มันจะสื่อความหมายเกี่ยวกับพวกเรารึเปล่านะ... กำลังเปรียบพวกเราเป็นนกสองตัวนี้รึเปล่า? เป็นนกคู่รักที่กำลังโบยบินไปด้วยกันในท้องฟ้า... คอยประคับประคองกันและกันแบบนี้ตลอดใช่มั้ยนะ...?
ขอบคุณนะ... ขอบคุณที่อุตส่าห์ตั้งใจพับให้ ถึงแม้พี่เค้าจะแสดงออกเรื่องความรักไม่เก่งเท่าไหร่ แต่หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้น่ารักจริงๆเลยนะ... ฮืออออออออ... ร้องห้ายยย.....อยากกอดแฟน... (T^T)
นกกระดาษที่หนุ่มญี่ปุ่นพับให้ค่ะ TT
ไว้ติดตามต่อในตอนหน้านะคะ ^^
อ่านตอนย้อนหลังได้ที่
https://pantip.com/topic/36719862
อ่านตอนต่อไปได้ที่
https://pantip.com/topic/36843831
ฝากเพจของพวกเราด้วยนะคะ ^^
https://web.facebook.com/nekocouplestory/
✿✿แชร์ประสบการณ์ ♥ริรักกับหนุ่มญี่ปุ่น♥ เมื่อความบังเอิญทำให้เราได้มาเจอกัน✿✿ (●^o^●) ตอนที่ 17
กลางเดือนพฤษภาคม 2015
ช่วงเวลาที่เหลือพวกเราก็ต่างพากันออกเที่ยว เราพาพี่เค้าไปกินข้าวมันไก่แถวประตูน้ำอยู่บ่อยๆเพราะพี่เค้าชอบมาก ไหนๆก็จะกลับญี่ปุ่นแล้ว ปล่อยให้กินให้จุใจไปเลย~! ^^
ตกเย็นพวกเราก็อยู่ที่ห้องเก็บของ ตอนนั้นเราก็คุยกันเรื่องความเป็นอยู่ของเค้าที่ญี่ปุ่น จริงๆแล้วเรายังไม่รู้เลยว่าพี่เค้าทำงานอะไร ทำไมมีเวลามาอยู่กับเรามากมายขนาดนี้ อยู่เกือบเดือนแหนะ เราก็พอรู้มานะว่าคนญี่ปุ่นนี่เค้าไม่ค่อยจะว่าง แถมบ้างานมากๆ เวลาก็ไม่ค่อยจะมีให้เท่าไหร่ แต่ทำไมหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้แปลกไป ดูมีเวลาเยอะแยะมากมาย เราเลยทำเป็นเกริ่นๆถาม
N : "คุณมาอยู่กับฉันนานขนาดนี้ ที่ทำงานคุณโอเคมั้ยคะ? คุณจะโดนว่าอะไรรึเปล่า?"
K : "อ่อ โอเคนะ ไม่มีปัญหา ผมสามารถเลื่อนวันหยุดได้"
N : "คุณทำงานอะไรหรอคะ?" เราพยายามทำเหมือนถามไปเรื่อยๆ ทำหน้าตาสงสัยเล็กน้อย เหมือนเป็นคำถามลอยๆ เพื่อไม่ให้ดูอึดอัดจนเกินไป
พี่เค้ามองหน้าเราแบบชั่งใจอยู่พักนึงก่อนที่จะตอบว่า
K : "ผมทำงานทำความสะอาดน่ะ"
เรามองหน้าพี่เค้าแบบฉงน คือเราไม่ได้แปลกใจหรืออะไรนะ แต่เรากำลังคิดว่าพี่เค้าพูดจริงรึเปล่า? เพราะถ้าทำงานประจำ คงไม่ได้มีวันหยุดมากขนาดนี้ ถ้าทำงานประจำคงไม่มีเวลามาเที่ยวนานขนาดนี้แน่ๆ
N : "แล้วคุณทำงานนี้งานเดียวหรอคะ?" เราถามอีกพลางเล่นเกมส์ในมือถือ
K : "ฮืมมมม์... ผมเล่นหุ้นด้วยนิดๆหน่อยๆน่ะ เอ๋? นี่เกมส์อะไรหรอครับ? ผมเห็นคุณเล่นบ่อยมากเลย"
พี่เค้าถามเราคืน ดูเหมือนว่าเป็นการจบการสนทนาเรื่องงาน เหมือนว่าพี่เค้ายังไม่อยากคุยเท่าไหร่ แต่ก็ช่างเถอะ เค้าจะทำงานอะไรก็เรื่องของเค้า ไม่เป็นไร เรารับได้หมดแหละ แต่แค่อยากรู้ประวัติความเป็นมาของแฟนตัวเองเฉยๆ 55555
N : "อ๋อ เกมส์นี้ฉันไม่ได้เล่นบ่อยหรอกค่ะ แค่ว่างๆฉันก็จะเข้าเกมส์ไปเก็บทอง กลัวคนมาตีบ้านแล้วขโมยไปน่ะ จริงๆฉันก็ไม่ได้เล่นมาพักใหญ่แล้ว แต่ฉันเป็นหัวหน้าแคลน (กลุ่ม) ในเกมส์ของฉัน ก็เลยต้องเข้าบ่อยๆเพื่อส่งทหารให้สมาชิกคนอื่นๆน่ะ"
K : "งั้นผมโหลดมาเล่นบ้างดีกว่า" ^^
ว่าแล้ววันนั้น เราก็สอนให้หนุ่มญี่ปุ่นเล่นเกมส์ที่เราเล่น และชวนพี่เค้าให้มาอยู่กลุ่มในเกมส์กลุ่มเดียวกับเรา และวันนั้นเองเราสอนเค้าทุกอย่าง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า... เรา...กำลังได้สร้างหายนะครั้งยิ่งใหญ่ไปแล้ว.... (T▽T)
เมื่อถึงวันที่พี่เค้าจะกลับญี่ปุ่น พอพวกเรามาถึงสนามบิน อาการนอยด์ของเราก็ได้กลับมาอีกครั้ง เรารู้สึกหงุดหงิด ไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้ จะเรียกว่าเกลียดเลยก็ว่าได้... เพราะไม่ว่าจะรักครั้งไหนๆของเราก็จะวุ่นวายอยู่แต่กับสนามบิน (ช่วยไม่ได้ อยากดันมีสเป็คแบบชอบลูกครึ่งชอบต่างชาติเองนี่นา) TT'
เรารู้สึกว่าเรามาบ่อยมากเกินไป บ่อยมาก มากจนมันเบื่อแล้วกับการต้องพูดคำลา....
พอพี่เค้าเช็คอินเสร็จ ก็มานั่งเล่นกับเรา พวกเราก็ไม่ค่อยจะพูดอะไรกันมากเท่าไหร่ แต่พี่เค้าก็ถามนะ ว่าจะเจอกันอีกเมื่อไหร่ดี? เราเลยบอกเค้าแบบจริงจังว่าอยากศัลยกรรมหน้าก่อนแล้วค่อยเจอ แต่เค้าก็ไม่ยอมค่ะ บอกว่าเราห้ามทำนะ ห้ามทำเด็ดขาดเลย แต่เราก็สองจิตสองใจ และยังไม่รับปากว่าจะเจอเมื่อไหร่ แต่พี่เค้าก็พยายามกล่อมเรา เค้าบอกกับเราว่าอยากให้เราไปญี่ปุ่น พี่เค้ามีอาพาร์ทเม้นท์เล็กๆอยู่ ให้ไปพักกับเค้า เราเลยอยากรู้ว่าเค้าอยู่ตรงไหนของโอซาก้า เลยเปิด Google Maps แล้วให้พี่เค้าหาให้ พอเราเห็นเราก็แอบ Save ที่อยู่พี่เค้าไว้ ส่วนพี่เค้าก็ยังคงบิ้วเราต่อเรื่องไปญี่ปุ่น
พอสักพักพวกเรานั่งนิ่งเงียบเราก็ไม่รู้ว่าพี่เค้าคิดอะไรอยู่ พอใกล้จะถึงเวลาเข้า Gate พี่เค้าก็จับมือเราหันซ้ายทีหันขวาที แล้วบอกคนเยอะจังเลยนะ เราก็ได้แต่ขำ ก็พอจะรู้แหละว่าพี่เค้าจะทำอะไร ( ´ ▽ ` ) เราเลยบอกไม่ต้องก็ได้ อายเค้านะ พี่เค้าก็รอเวลาที่คนจะไม่มอง แล้วก็บอกไม่มีใครสนใจมองพวกเราหรอก ก่อนที่จะจับหน้าเราแล้วยื่นหน้ามาจูบ... (•///•)
กลับกลายเป็นเราที่เขินแทนซะงั้น 555 เพราะพี่แกเล่นจูบซะนานนิดนึง (*≧∀≦*) สรุปคือมีคุณป้าคนนึงมองค่ะ ป้าแกมองแรงด้วย ดูแล้วน่าจะคนไทยนะ อย่ามองเลยค่ะป้า ป้าก็น่าจะรู้ว่านี่มันสนามบิน เค้าก็ร่ำลากันแบบนี้ออกจะเยอะแยะน้าาาา~~!
พอถึงเวลาส่งพี่เค้าเข้า Gate เราก็พูดได้แค่ "เดินทางปลอดภัยนะ" และ "ดูแลตัวเองดีๆนะ" มันคิดคำพูดอื่นไม่ออกเลยจริงๆ เราอยากกอดเค้านะ แต่ทำไมมันดูยากจัง พี่เค้าก็ไม่ค่อยชอบที่จะแสดงออกเรื่องความรักในที่สาธารณะด้วยสิ... ลำบากใจจัง... แต่ก็เอาเถอะ เราก็ได้จูบเป็นของขวัญจากพี่เค้าแล้วนี่นา... เรามองหน้ากัน... พยายามเก็บอาการเอาไว้แล้วทำได้แค่ยิ้มให้และโบกมือลา... แล้วพี่เค้าก็เดินเข้า Gate ไป....
กลับมาสู่โลกแห่งความจริง... เวลาแห่งความสุขได้หมดลงแล้ว....
-------------------------------------------
เราตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน ตอนนี้เรายังพักอยู่ในอพาร์ทเมนท์เก็บของ พอหันไปมองอีกด้านของเตียง ที่ๆเค้าเคยนอน แต่ตอนนี้มันได้ว่างเปล่าไปแล้ว... ใจมันหวิวๆพิกล ในหัวคิดถึงแต่เรื่องแฟน คิดถึงพี่เค้าจังเลยนะ อยากกอดเขาอีกสักที ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากคิดถึง... TT
เราพลิกตัวนอนคว่ำ แล้วเอามือสองข้างสอดไว้ใต้หมอน แต่รู้สึกเหมือนมีอะไรเล็กๆมาทิ่มมือ พอดึงหมอนขึ้นก็เห็นสิ่งที่ทำให้เราต้องประหลาดใจ มีนกกระเรียนกระดาษญี่ปุ่นตัวจิ๋วสองตัว กับหัวใจกระดาษอีกหนึ่งดวงอยู่ใต้หมอน เราหยิบขึ้นมาดูด้วยความดีใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครพับให้ TT' ว่าแต่พี่เค้าไปแอบพับเมื่อไหร่ตอนไหนก็ไม่ทราบได้ ว่าแต่ผู้ชายญี่ปุ่น เค้าพับกระดาษเป็นด้วยเหรอเนี่ย? ข้าน้อยขอคาระวะ (-/\-) ขนาดเราเป็นผู้หญิงแท้ๆเรายังพับไม่เป็นเลยพูดจริงๆนะ (T^T)
เราก็ไม่รู้ว่ามันสื่อถึงอะไร? มันมีความหมายว่ายังไง? แต่เรารู้สึกเซอร์ไพรส์มาก ไม่คิดว่าเค้าจะมีมุมที่หวานๆแบบนี้ ปกติส่วนใหญ่จะเห็นพี่เค้าบุคคลิกแบบนิ่งๆเฉยๆ เหมือนไม่ค่อยมีความรู้สึกอะไร แต่ตอนนี้กลับทำให้เราซึ้งมากๆ น้ำตามันคลอจริงๆนะ เรามองพิจารณาน้องนกน้อยอยู่นาน ในใจก็พลางครุ่นคิด... มีนกสองตัว ตัวนึงสีเขียว ตัวนึงสีส้ม และหัวใจเป็นกระดาษสีส้ม (สงสัยไม่มีกระดาษสีอื่นแล้ว) มันจะสื่อความหมายเกี่ยวกับพวกเรารึเปล่านะ... กำลังเปรียบพวกเราเป็นนกสองตัวนี้รึเปล่า? เป็นนกคู่รักที่กำลังโบยบินไปด้วยกันในท้องฟ้า... คอยประคับประคองกันและกันแบบนี้ตลอดใช่มั้ยนะ...?
ขอบคุณนะ... ขอบคุณที่อุตส่าห์ตั้งใจพับให้ ถึงแม้พี่เค้าจะแสดงออกเรื่องความรักไม่เก่งเท่าไหร่ แต่หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้น่ารักจริงๆเลยนะ... ฮืออออออออ... ร้องห้ายยย.....อยากกอดแฟน... (T^T)
ไว้ติดตามต่อในตอนหน้านะคะ ^^
อ่านตอนย้อนหลังได้ที่ https://pantip.com/topic/36719862
อ่านตอนต่อไปได้ที่ https://pantip.com/topic/36843831
ฝากเพจของพวกเราด้วยนะคะ ^^ https://web.facebook.com/nekocouplestory/