รักระยะไกล...
วันเวลาผ่านเลยไป จากอาทิตย์กลายเป็นเดือน อากาศในประเทศไทยก็เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน มีฝนตกโปรยปรายติดต่อกันหลายวัน และบางวันก็มีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ นั่นทำให้เป็นอุปสรรค์เล็กน้อยในการทำงานของเรา แต่เราก็ชอบฤดูฝนนะ มันไม่ค่อยร้อนมากเท่าไหร่ ที่สำคัญคือเราคิดว่าตากฝนมันดีกว่าตากแดดเยอะเลยแหละ แฮ่ๆ ( ̄▽ ̄)
ความสัมพันธ์ของพวกเราตอนนี้ก็ดำเนินผ่าน Line ไปเรื่อยๆ เราก็แสดงความรักตามแบบฉบับของเรา คือ โพสต์เฟสหลายๆอย่างถึงพี่เค้าตลอด ไม่ว่าจะเป็นรูปคู่อัพขึ้นโปรไฟล์ในไลน์ ตั้งสเตตัส คือให้เค้ารู้ไปเลยว่าเราคิดถึงเค้ามากกกกกก (ช่วงนั้นความรักมันร้อนแรง) แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่เราไม่ชอบอยู่ดี นั่นก็คือความห่างไกล....
อันที่จริง เราว่าเราก็ชินแล้วนะกับรักระยะไกล เพราะที่ผ่านมาเราก็เจออะไรแบบนี้มาตลอด เราค่อนข้างมีความอดทนสูงกับเรื่องของความห่าง แต่ว่าอย่างน้อยคู่ที่ผ่านๆมาของเราก็แชทกันทุกวัน ส่งรูปหากัน video call เข้านอนพร้อมกันในบางครั้ง ซึ่งนั่นมันทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่... แต่รักครั้งนี้กับพ่อหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ มันกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ต่างจนทำเราเอ๋อไปเลย ต่างกันมากกกกก คือ 1 อาทิตย์เราคุยกัน ครั้งหรือสองครั้งได้ เฉลี่ยก็ 3-4 วันคุยกันที หรือไม่ก็ 5-7 วัน จะทักกันครั้งนึง ส่วนใหญ่ที่ทักไปก็เรื่องเป็นยังไงบ้าง? ทำอะไรอยู่? แล้วคุยเสร็จแต่ละคำถามก็จะเงียบกันไป แล้วก็หายไปอีก 4-5 วัน ??? โอ้ยยยยยย~~~! ( ´Д`!) อยากบอกว่ามันทรมานใจมากๆเลยค่ะ (T ^ T) ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของชนชาติญี่ปุ่น แต่ความจริงแล้วคือเราอยากคุยกับเค้านะ แต่อีกใจเราก็ไม่อยากทักไปกวนเค้า ทุกๆวันเราก็ได้แต่บอกตัวเองว่าให้อดทนนะ อย่าทักไป อย่าไปกวน ทั้งๆที่เราก็อยากจะรู้ว่าเค้าอยู่ไหนทำอะไรอยู่ในแต่ละวัน... อารมณ์ผู้หญิงอย่างเราๆเนอะ...
พูดตรงๆว่ามันไม่ง่ายเลย... เราปรับตัวยากมาก... บางครั้งเราก็เหนื่อยก็น้อยใจ เรื่องบางอย่างเราก็อยากจะเล่าให้เค้าฟัง... อยากแชร์เรื่องเล่าในแต่ละวัน เจออะไรมาบ้าง? กำลังทำอะไร? แต่เราก็ทำได้แค่ระบายกับเพื่อนสนิทแทน... ช่วงเวลานั้นคือเราพยายามที่จะเข้าใจนิสัยเค้าให้มากที่สุด เราดูรูปเค้า.. เราคิดถึงเค้า... เวลาที่เราเห็นเค้าทักเรามา เราจะดีใจและมีความสุขมาก แค่ได้คุยกันสักนิดสักหน่อย ถึงแม้จะเป็นแค่การคุยแบบสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าเรายังมีเค้าอยู่... TT'
มีเพื่อนหรือคนรู้จักหลายๆคนก็ตั้งคำถาม... ดูเหมือนเราไม่ค่อยติดโทรศัพท์ ไม่คุยกับแฟนหรอ? ไม่ถ่ายรูปส่งให้แฟนดูหรอ? เราก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆไปให้แล้วบอก 5-6 วันคุยกันครั้งได้ เพื่อนแต่ละคนก็จะตกใจแบบ ห๊ะ!? (O_O!!) ทำไมนานจัง? ไม่คิดถึงหรอ? ไม่กลัวเค้ามีคนอื่นหรอ? บลา บลา... เราก็ได้แต่ยิ้มและส่ายหัว ไม่รู้จะตอบยังไง ตอบได้แค่ว่าคนชาตินี้เค้าแปลกๆน่ะ เค้าเป็นแบบนี้แหละ โลกส่วนตัวสูง ^^
แต่ในรอยยิ้มของเรานั้นก็ยังมีความกังวลแฝงอยู่... ความจริงแล้ว ภายในใจของเราลึกๆมันก็กลัวนะ... กลัวว่าพี่เค้าจะมีคนอื่น ไปพบเจอผู้หญิงคนอื่น เค้าอาจจะเจอสาวญี่ปุ่นน่ารักๆสักคนแล้วถูกใจ คนญี่ปุ่นด้วยกันก็น่าจะเข้าใจกันได้ดีอยู่แล้ว... แต่อีกใจของเราก็รู้ว่าพี่เค้ารักเรา เราไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่เรารู้สึกได้... ตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกันเรารู้สึกได้ว่าพี่เค้ารักเรา เพราะฉะนั้นเราต้องเชื่อใจพี่เค้า... ถึงแม้จะไม่ได้เจอไม่ค่อยได้คุย เราก็ต้องเชื่อใจกันและกัน... เรายังปลอบตัวเองแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปอีกเดือนและอีกเดือน... จนกระทั่งเดือนสิงหาคมได้มาถึง... เดือนเกิดของเคคุง♡
ช่วงเดือน สิงหาคม 2015
ตอนช่วงต้นเดือน เราก็ทำบัญชีค่าใช้จ่ายแต่ละวัน แต่ละเดือนตามปกติ ตอนนี้เรามีเงินเก็บก้อนนึงไว้สำหรับทำหน้า แต่ด้วยความที่เราคิดถึงแฟนมาก เราก็วางแผนที่จะไปญี่ปุ่นโดยที่ไม่บอกพี่เค้า อยากจะเซอร์ไพรส์ (*^ω^*) โดยที่เราเอางบของการทำสวยมาใช้ก่อน ดูโปรตั๋วเครื่องบิน ซื้อไกด์บุ๊ค แลกเงิน ศึกษาเส้นทาง ตอนนั้นเราก็แอบเสียดายนิดหน่อยนะ คือตอนนั้นพร้อมผ่าตัดที่เกาหลีเลยก็ได้ แต่เราเลือกที่จะทิ้งมันไป แล้วหันไปสนใจเรื่องเที่ยวแทน (´。✪ω✪。`)
หลายวันมานี้เราฝันถึงแฟนบ่อยมากเลยค่ะ เราฝันว่าเราไปญี่ปุ่นแล้วไปเที่ยวกับแฟน ญี่ปุ่นในฝันนี่มันสวยมากจริงๆนะ บางทีฝันติดกัน 2-3 คืนเลยก็มี เราคงจะคิดถึงพี่เค้ามากจริงๆแหละ หัวสมองตอนนี้ของเราก็มีแต่เรื่องเที่ยว เรื่องแพลนวันเดินทางเต็มไปหมด แล้วเราก็ฝันว่าเราไปปราสาทโอซาก้า ไปช่วงฮัลโลวีน มีคนใส่ชุดคอสเพลย์น่ารักมากมายเต็มไปหมด ความฝันยุ่งเหยิงปะปนกันไปทั่ว สงสัยเราจะอ่านไกด์บุ๊คมากไป เก็บไปฝันซะงั้นแหนะ แฮ่ๆ (*´∀`*)
ช่วงนี้พี่เค้าก็แชทกับเราบ่อยขึ้น (ออกแนวออดอ้อน) พี่เค้าบอกอยากมาไทย เค้าคิดถึงเรานะ ไม่เจอกันนานมากแล้ว ผมไปไทยได้มั้ย? แต่เราก็ปฏิเสธเค้าไปค่ะ บอกเราทำงาน ช่วงนี้เรายังยุ่งๆอยู่ พี่เค้าก็ทักขอมาหลายครั้ง แต่เราก็ยังยืนยันคำเดิมว่า 'ไม่ได้!' เดี๋ยวแผนเซอร์ไพรส์ก็ผิดแผนหมดสิ อิอิ (^○^)//
สุดท้ายพี่แกก็งอนไปตามระเบียบค่ะ เรารู้ว่าที่เราพิมพ์ไปมันจะออกแนวใจร้ายอยู่บ้าง ดูเหมือนไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร่ ถ้าในมุมกลับกันถ้าเป็นเรา เราก็คงจะน้อยใจมากๆเลยล่ะ (TwT) เราก็รู้สึกผิดในใจนะ แต่เราก็คิดว่าถ้าถึงวันที่เราไปหาเค้า เค้าจะต้องตกใจมากแน่ๆ อิอิ อดทนน้าาาา~~! พ่อหนุ่มแดนปลาดิบของน้อง~~~! (●´ω`●)
--------------------------------------------
ปลายเดือนสิงหาคม 2015
1 วันก่อนเดินทาง ได้มาถึง...
ตอนนี้เรายังไม่ได้บอกใครสักคนเลยค่ะ ว่าเราจะไปญี่ปุ่น ใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดามาก เอาจริงๆเวลาไปต่างประเทศเราก็ไม่บอกใครแม้แต่เพื่อนสนิท เพราะเราคิดว่าเราไปเที่ยว ไปก็ไปแปปเดียว ประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์ก็กลับ ไม่ได้ไปเรียนหรือไปทำงานที่จะไปนานขนาดนั้น เพื่อนหลายๆคนก็เคยพูดว่าถ้าจะบินก็บอกกันบ้าง อยากที่จะมาส่งเรา เราก็ดีใจนะที่เพื่อนๆเห็นความสำคัญของเราขนาดนี้ (^0^) แต่เราคิดว่ามันเสียเวลาของเพื่อนเปล่าๆ ไหนจะมาส่ง ไหนจะกลับอีก เกรงใจน่ะ ไม่อยากให้ลำบากคนอื่น ขนาดคุณแม่ของเราเองก็ยังไม่รู้ เราพึ่งมาบอกแม่ก่อนวันจะเดินทางวันนึงตลอด (เราค่อนข้างนิสัยเสียค่ะ อยากทำไรก็ทำ แต่ไม่ได้เดือดร้อนใครนะ) คุณแม่ของเราคงชินแล้วกับการบอกกะทันหันบ่อยๆแบบนี้ แม่ก็ได้แต่ถามสไตล์เดิมของแม่คือ
Mom : "ไปกี่โมง? ถึงกี่โมง? ไปนานมั้ย? ให้ไปส่งรึเปล่า?"
เราก็ปฏิเสธแม่ไปบอกได้แค่ว่า
N : "ไป 10 วัน บิน 11 โมง ถึง ประมาณ 1 ทุ่ม เวลาญี่ปุ่น ถ้าแม่ว่างก็ไปส่งก็ได้ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ" ^^
Mom : "ไม่ให้ห่วงได้ยังไงล่ะ? เดี๋ยวแวะไปส่งละกันจะได้เข้าร้านต่อ แล้วเค้าโอเคแล้วหรอ? รู้จักเค้าดีรึยัง?"
N : "เค้าโอเคค่ะแม่" เราตอบแค่นี้พร้อมยิ้มเป็นการปิดท้าย เรารู้ว่าแม่อยากถามเราต่ออีกเยอะ แต่เราก็ยังไม่อยากที่จะพูดอะไรมากในตอนนี้ เป็นอันว่ารู้กันระหว่างแม่ลูก
เราว่าเราเข้าใจแม่เรานะ คือ... เรารู้ว่าแม่ของเรายังฝังใจกับเกาหลีน้อยอยู่... ถึงแม้แม่จะรู้ว่าเราคบคนใหม่แล้ว แต่ถ้ามีโอกาสแม่ก็จะพูดถึงเกาหลีน้อยอยู่เสมอ เป็นคำพูดที่เปรียบเทียบ เปรียบเปรย เพราะเรารู้ว่าแม่เอ็นดูแฟนเก่าเรามาก ยังไม่ค่อยเปิดใจ เราเลยไม่ค่อยได้เล่าเรื่องของเรากับหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้เท่าไหร่ มีแต่บอกว่าก็ไปด้วยกันได้ดี แล้วอีกอย่าง เรายังไม่คิดที่จะพามาเจอแม่แน่นอน เพราะเรายังไม่พร้อม พี่เค้าก็คงยังไม่พร้อมเหมือนกัน เราว่ามันยังเร็วเกินไป...
เราเปิดประตูเข้าห้องนอนของเราแล้วเริ่มต้นเก็บของ อันที่จริงเราก็ไม่ได้เตรียมอะไรไปมาก เพราะกะจะไปซื้อของช้อปปิ้งที่โน้นอยู่แล้ว พออาบน้ำเสร็จเราก็เช็คสภาพอากาศ ตอนนี้ตี 1 กว่าๆแล้ว เวลาที่ญี่ปุ่นก็คงจะตี 3 เราเข้าไลน์และเลื่อนดูแชทเก่าๆ นี่พวกเราก็ไม่ได้คุยกันมา 4 วันแล้ว... ความสัมพันธ์ตอนนี้เหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ... เพราะพี่เค้าก็คงกำลังน้อยใจเราอยู่ เราเลยพิมพ์ข้อความส่งไปหาพี่เค้า
N : 'おやすみ ^^' (ฝันดีนะ)
เรารู้ว่ามันคงดึกเกินที่จะส่ง พี่เค้าคงหลับไปแล้ว แต่อย่างน้อยถ้าพี่เค้าตื่นมาแล้วเห็นข้อความของเรา อย่างน้อยเค้าจะได้คิดว่าเรายังห่วงยังใส่ใจเค้าอยู่นะ.... ขอโทษที่ตอนนี้ทำให้เสียใจ... แต่พรุ่งนี้เราก็จะได้เจอกันแล้วนะ... อดทนหน่อยนะเคคุง... ฉันกำลังจะไปหาคุณ...♡
ไว้ติดตามต่อตอนหน้านะคะ ^^
อ่านตอนย้อนหลังได้ที่
https://pantip.com/topic/36786127
อ่านตอนถัดไปได้ที่
https://pantip.com/topic/36934896
ฝากเพจของพวกเราด้วยนะคะ
https://web.facebook.com/nekocouplestory/
✿✿แชร์ประสบการณ์ ♥ริรักกับหนุ่มญี่ปุ่น♥ เมื่อความบังเอิญทำให้เราได้มาเจอกัน✿✿ (●^o^●) ตอนที่ 18
วันเวลาผ่านเลยไป จากอาทิตย์กลายเป็นเดือน อากาศในประเทศไทยก็เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน มีฝนตกโปรยปรายติดต่อกันหลายวัน และบางวันก็มีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ นั่นทำให้เป็นอุปสรรค์เล็กน้อยในการทำงานของเรา แต่เราก็ชอบฤดูฝนนะ มันไม่ค่อยร้อนมากเท่าไหร่ ที่สำคัญคือเราคิดว่าตากฝนมันดีกว่าตากแดดเยอะเลยแหละ แฮ่ๆ ( ̄▽ ̄)
ความสัมพันธ์ของพวกเราตอนนี้ก็ดำเนินผ่าน Line ไปเรื่อยๆ เราก็แสดงความรักตามแบบฉบับของเรา คือ โพสต์เฟสหลายๆอย่างถึงพี่เค้าตลอด ไม่ว่าจะเป็นรูปคู่อัพขึ้นโปรไฟล์ในไลน์ ตั้งสเตตัส คือให้เค้ารู้ไปเลยว่าเราคิดถึงเค้ามากกกกกก (ช่วงนั้นความรักมันร้อนแรง) แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่เราไม่ชอบอยู่ดี นั่นก็คือความห่างไกล....
อันที่จริง เราว่าเราก็ชินแล้วนะกับรักระยะไกล เพราะที่ผ่านมาเราก็เจออะไรแบบนี้มาตลอด เราค่อนข้างมีความอดทนสูงกับเรื่องของความห่าง แต่ว่าอย่างน้อยคู่ที่ผ่านๆมาของเราก็แชทกันทุกวัน ส่งรูปหากัน video call เข้านอนพร้อมกันในบางครั้ง ซึ่งนั่นมันทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่... แต่รักครั้งนี้กับพ่อหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ มันกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ต่างจนทำเราเอ๋อไปเลย ต่างกันมากกกกก คือ 1 อาทิตย์เราคุยกัน ครั้งหรือสองครั้งได้ เฉลี่ยก็ 3-4 วันคุยกันที หรือไม่ก็ 5-7 วัน จะทักกันครั้งนึง ส่วนใหญ่ที่ทักไปก็เรื่องเป็นยังไงบ้าง? ทำอะไรอยู่? แล้วคุยเสร็จแต่ละคำถามก็จะเงียบกันไป แล้วก็หายไปอีก 4-5 วัน ??? โอ้ยยยยยย~~~! ( ´Д`!) อยากบอกว่ามันทรมานใจมากๆเลยค่ะ (T ^ T) ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของชนชาติญี่ปุ่น แต่ความจริงแล้วคือเราอยากคุยกับเค้านะ แต่อีกใจเราก็ไม่อยากทักไปกวนเค้า ทุกๆวันเราก็ได้แต่บอกตัวเองว่าให้อดทนนะ อย่าทักไป อย่าไปกวน ทั้งๆที่เราก็อยากจะรู้ว่าเค้าอยู่ไหนทำอะไรอยู่ในแต่ละวัน... อารมณ์ผู้หญิงอย่างเราๆเนอะ...
พูดตรงๆว่ามันไม่ง่ายเลย... เราปรับตัวยากมาก... บางครั้งเราก็เหนื่อยก็น้อยใจ เรื่องบางอย่างเราก็อยากจะเล่าให้เค้าฟัง... อยากแชร์เรื่องเล่าในแต่ละวัน เจออะไรมาบ้าง? กำลังทำอะไร? แต่เราก็ทำได้แค่ระบายกับเพื่อนสนิทแทน... ช่วงเวลานั้นคือเราพยายามที่จะเข้าใจนิสัยเค้าให้มากที่สุด เราดูรูปเค้า.. เราคิดถึงเค้า... เวลาที่เราเห็นเค้าทักเรามา เราจะดีใจและมีความสุขมาก แค่ได้คุยกันสักนิดสักหน่อย ถึงแม้จะเป็นแค่การคุยแบบสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าเรายังมีเค้าอยู่... TT'
มีเพื่อนหรือคนรู้จักหลายๆคนก็ตั้งคำถาม... ดูเหมือนเราไม่ค่อยติดโทรศัพท์ ไม่คุยกับแฟนหรอ? ไม่ถ่ายรูปส่งให้แฟนดูหรอ? เราก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆไปให้แล้วบอก 5-6 วันคุยกันครั้งได้ เพื่อนแต่ละคนก็จะตกใจแบบ ห๊ะ!? (O_O!!) ทำไมนานจัง? ไม่คิดถึงหรอ? ไม่กลัวเค้ามีคนอื่นหรอ? บลา บลา... เราก็ได้แต่ยิ้มและส่ายหัว ไม่รู้จะตอบยังไง ตอบได้แค่ว่าคนชาตินี้เค้าแปลกๆน่ะ เค้าเป็นแบบนี้แหละ โลกส่วนตัวสูง ^^
แต่ในรอยยิ้มของเรานั้นก็ยังมีความกังวลแฝงอยู่... ความจริงแล้ว ภายในใจของเราลึกๆมันก็กลัวนะ... กลัวว่าพี่เค้าจะมีคนอื่น ไปพบเจอผู้หญิงคนอื่น เค้าอาจจะเจอสาวญี่ปุ่นน่ารักๆสักคนแล้วถูกใจ คนญี่ปุ่นด้วยกันก็น่าจะเข้าใจกันได้ดีอยู่แล้ว... แต่อีกใจของเราก็รู้ว่าพี่เค้ารักเรา เราไม่ได้เข้าข้างตัวเอง แต่เรารู้สึกได้... ตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกันเรารู้สึกได้ว่าพี่เค้ารักเรา เพราะฉะนั้นเราต้องเชื่อใจพี่เค้า... ถึงแม้จะไม่ได้เจอไม่ค่อยได้คุย เราก็ต้องเชื่อใจกันและกัน... เรายังปลอบตัวเองแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปอีกเดือนและอีกเดือน... จนกระทั่งเดือนสิงหาคมได้มาถึง... เดือนเกิดของเคคุง♡
ช่วงเดือน สิงหาคม 2015
ตอนช่วงต้นเดือน เราก็ทำบัญชีค่าใช้จ่ายแต่ละวัน แต่ละเดือนตามปกติ ตอนนี้เรามีเงินเก็บก้อนนึงไว้สำหรับทำหน้า แต่ด้วยความที่เราคิดถึงแฟนมาก เราก็วางแผนที่จะไปญี่ปุ่นโดยที่ไม่บอกพี่เค้า อยากจะเซอร์ไพรส์ (*^ω^*) โดยที่เราเอางบของการทำสวยมาใช้ก่อน ดูโปรตั๋วเครื่องบิน ซื้อไกด์บุ๊ค แลกเงิน ศึกษาเส้นทาง ตอนนั้นเราก็แอบเสียดายนิดหน่อยนะ คือตอนนั้นพร้อมผ่าตัดที่เกาหลีเลยก็ได้ แต่เราเลือกที่จะทิ้งมันไป แล้วหันไปสนใจเรื่องเที่ยวแทน (´。✪ω✪。`)
หลายวันมานี้เราฝันถึงแฟนบ่อยมากเลยค่ะ เราฝันว่าเราไปญี่ปุ่นแล้วไปเที่ยวกับแฟน ญี่ปุ่นในฝันนี่มันสวยมากจริงๆนะ บางทีฝันติดกัน 2-3 คืนเลยก็มี เราคงจะคิดถึงพี่เค้ามากจริงๆแหละ หัวสมองตอนนี้ของเราก็มีแต่เรื่องเที่ยว เรื่องแพลนวันเดินทางเต็มไปหมด แล้วเราก็ฝันว่าเราไปปราสาทโอซาก้า ไปช่วงฮัลโลวีน มีคนใส่ชุดคอสเพลย์น่ารักมากมายเต็มไปหมด ความฝันยุ่งเหยิงปะปนกันไปทั่ว สงสัยเราจะอ่านไกด์บุ๊คมากไป เก็บไปฝันซะงั้นแหนะ แฮ่ๆ (*´∀`*)
ช่วงนี้พี่เค้าก็แชทกับเราบ่อยขึ้น (ออกแนวออดอ้อน) พี่เค้าบอกอยากมาไทย เค้าคิดถึงเรานะ ไม่เจอกันนานมากแล้ว ผมไปไทยได้มั้ย? แต่เราก็ปฏิเสธเค้าไปค่ะ บอกเราทำงาน ช่วงนี้เรายังยุ่งๆอยู่ พี่เค้าก็ทักขอมาหลายครั้ง แต่เราก็ยังยืนยันคำเดิมว่า 'ไม่ได้!' เดี๋ยวแผนเซอร์ไพรส์ก็ผิดแผนหมดสิ อิอิ (^○^)//
สุดท้ายพี่แกก็งอนไปตามระเบียบค่ะ เรารู้ว่าที่เราพิมพ์ไปมันจะออกแนวใจร้ายอยู่บ้าง ดูเหมือนไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร่ ถ้าในมุมกลับกันถ้าเป็นเรา เราก็คงจะน้อยใจมากๆเลยล่ะ (TwT) เราก็รู้สึกผิดในใจนะ แต่เราก็คิดว่าถ้าถึงวันที่เราไปหาเค้า เค้าจะต้องตกใจมากแน่ๆ อิอิ อดทนน้าาาา~~! พ่อหนุ่มแดนปลาดิบของน้อง~~~! (●´ω`●)
--------------------------------------------
ปลายเดือนสิงหาคม 2015
1 วันก่อนเดินทาง ได้มาถึง...
ตอนนี้เรายังไม่ได้บอกใครสักคนเลยค่ะ ว่าเราจะไปญี่ปุ่น ใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดามาก เอาจริงๆเวลาไปต่างประเทศเราก็ไม่บอกใครแม้แต่เพื่อนสนิท เพราะเราคิดว่าเราไปเที่ยว ไปก็ไปแปปเดียว ประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์ก็กลับ ไม่ได้ไปเรียนหรือไปทำงานที่จะไปนานขนาดนั้น เพื่อนหลายๆคนก็เคยพูดว่าถ้าจะบินก็บอกกันบ้าง อยากที่จะมาส่งเรา เราก็ดีใจนะที่เพื่อนๆเห็นความสำคัญของเราขนาดนี้ (^0^) แต่เราคิดว่ามันเสียเวลาของเพื่อนเปล่าๆ ไหนจะมาส่ง ไหนจะกลับอีก เกรงใจน่ะ ไม่อยากให้ลำบากคนอื่น ขนาดคุณแม่ของเราเองก็ยังไม่รู้ เราพึ่งมาบอกแม่ก่อนวันจะเดินทางวันนึงตลอด (เราค่อนข้างนิสัยเสียค่ะ อยากทำไรก็ทำ แต่ไม่ได้เดือดร้อนใครนะ) คุณแม่ของเราคงชินแล้วกับการบอกกะทันหันบ่อยๆแบบนี้ แม่ก็ได้แต่ถามสไตล์เดิมของแม่คือ
Mom : "ไปกี่โมง? ถึงกี่โมง? ไปนานมั้ย? ให้ไปส่งรึเปล่า?"
เราก็ปฏิเสธแม่ไปบอกได้แค่ว่า
N : "ไป 10 วัน บิน 11 โมง ถึง ประมาณ 1 ทุ่ม เวลาญี่ปุ่น ถ้าแม่ว่างก็ไปส่งก็ได้ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ" ^^
Mom : "ไม่ให้ห่วงได้ยังไงล่ะ? เดี๋ยวแวะไปส่งละกันจะได้เข้าร้านต่อ แล้วเค้าโอเคแล้วหรอ? รู้จักเค้าดีรึยัง?"
N : "เค้าโอเคค่ะแม่" เราตอบแค่นี้พร้อมยิ้มเป็นการปิดท้าย เรารู้ว่าแม่อยากถามเราต่ออีกเยอะ แต่เราก็ยังไม่อยากที่จะพูดอะไรมากในตอนนี้ เป็นอันว่ารู้กันระหว่างแม่ลูก
เราว่าเราเข้าใจแม่เรานะ คือ... เรารู้ว่าแม่ของเรายังฝังใจกับเกาหลีน้อยอยู่... ถึงแม้แม่จะรู้ว่าเราคบคนใหม่แล้ว แต่ถ้ามีโอกาสแม่ก็จะพูดถึงเกาหลีน้อยอยู่เสมอ เป็นคำพูดที่เปรียบเทียบ เปรียบเปรย เพราะเรารู้ว่าแม่เอ็นดูแฟนเก่าเรามาก ยังไม่ค่อยเปิดใจ เราเลยไม่ค่อยได้เล่าเรื่องของเรากับหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้เท่าไหร่ มีแต่บอกว่าก็ไปด้วยกันได้ดี แล้วอีกอย่าง เรายังไม่คิดที่จะพามาเจอแม่แน่นอน เพราะเรายังไม่พร้อม พี่เค้าก็คงยังไม่พร้อมเหมือนกัน เราว่ามันยังเร็วเกินไป...
เราเปิดประตูเข้าห้องนอนของเราแล้วเริ่มต้นเก็บของ อันที่จริงเราก็ไม่ได้เตรียมอะไรไปมาก เพราะกะจะไปซื้อของช้อปปิ้งที่โน้นอยู่แล้ว พออาบน้ำเสร็จเราก็เช็คสภาพอากาศ ตอนนี้ตี 1 กว่าๆแล้ว เวลาที่ญี่ปุ่นก็คงจะตี 3 เราเข้าไลน์และเลื่อนดูแชทเก่าๆ นี่พวกเราก็ไม่ได้คุยกันมา 4 วันแล้ว... ความสัมพันธ์ตอนนี้เหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ... เพราะพี่เค้าก็คงกำลังน้อยใจเราอยู่ เราเลยพิมพ์ข้อความส่งไปหาพี่เค้า
N : 'おやすみ ^^' (ฝันดีนะ)
เรารู้ว่ามันคงดึกเกินที่จะส่ง พี่เค้าคงหลับไปแล้ว แต่อย่างน้อยถ้าพี่เค้าตื่นมาแล้วเห็นข้อความของเรา อย่างน้อยเค้าจะได้คิดว่าเรายังห่วงยังใส่ใจเค้าอยู่นะ.... ขอโทษที่ตอนนี้ทำให้เสียใจ... แต่พรุ่งนี้เราก็จะได้เจอกันแล้วนะ... อดทนหน่อยนะเคคุง... ฉันกำลังจะไปหาคุณ...♡
ไว้ติดตามต่อตอนหน้านะคะ ^^
อ่านตอนย้อนหลังได้ที่ https://pantip.com/topic/36786127
อ่านตอนถัดไปได้ที่ https://pantip.com/topic/36934896
ฝากเพจของพวกเราด้วยนะคะ https://web.facebook.com/nekocouplestory/