วันนี้เฮียจะพาทุกคนไปชาร์จแบตท้องของพวกเรากันซะหน่อยนะ เพราะว่าท้องเฮียมันเรียกร้องโหยหาอย่างโหยหวนอยากจะโดนบุฟเฟต์อร่อยๆมากระแทกใส่เหลือเกิน
สำหรับร้านที่เฮียจะยกพลไปถล่มในครั้งนี้ก็คือร้าน NATSU RAMEN & CURRY นั่นเอง ร้านนี้เขาตั้งอยู่บนชั้น 4 ห้าง Seacon Square ศรีนครินทร์ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เน้นเมนูพวกราเมงและข้าวแกงกะหรี่ เฮียเคยมาลองชิมราเมงที่ร้านนี้ทีนึงแล้วเมื่อหลายปีก่อน เพราะที่ร้านนี้เขาจะจัดเมนูราคาพิเศษประจำวันกันวันละ 1 เมนู ซึ่งเฮียยังจำได้แม่นเลยว่าไข่ที่ใส่ในราเมงของร้านนี้ “อร่อยมากกกก”
หลังจากไม่เจอกันนาน ปรากฎว่าวันนี้ร้าน NATSU RAMEN เขาได้ลองเปิดเป็นบุฟเฟต์เพื่อเรียกลูกค้ากลุ่มกระเพาะเหล็ก ให้มาทดสอบพลังการกินกันแล้ว แถมทางร้านยังทำราคามาได้สุดแสนจะเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าเหลือเกิน เพราะว่าแค่ 299 บาทเอง และปล่อยให้เรานั่งฟาดฟันกันได้ 90 นาทีเต็ม
อันนี้จะเป็นเมนูที่เราสามารถสั่งได้นะ ซึ่งก็มีเยอะแยะมากมายหลายเมนูเต็มไปหมด
จริงๆแล้วเมนูที่สามารถสั่งมาทานแบบบุฟเฟต์ได้ก็แทบจะทุกเมนูของเล่มเมนูปกติที่ทางร้านใช้ขายอยู่ ยังไงถ้าเกิดใครดูจากแผ่นด้านบนแล้วไม่รู้ว่าหน้าตาจริงๆเป็นยังไงก็สามารถมาเปิดดูได้ในเล่มเมนูปกตินะ จะได้ไม่ต้องคาดเดาหน้าตาอาหารกันไปเอง
โดยพวกเครื่องดื่มจะไม่รวมอยู่ในบุฟเฟต์นะจ๊ะ ต้องสั่งเพิ่มเอา เฮียจึงสั่งเป็นน้ำชาเขียวรีฟิล (49 บาท) ไป ตอนที่เฮียเห็นพนักงานยกแก้วน้ำชามาเสิร์ฟบนโต๊ะ พอเฮียเห็นสีอ่อนๆแบบนี้ในใจก็แอบคิดไปก่อนแล้วว่า น่าจะเป็นน้ำชาแบบเดียวกับร้านอาหารญี่ปุ่นราคาถูกๆที่ไม่มีความเข้มข้นเลย แต่พอเฮียได้ดูดไปเท่านั้นแหละ “อั๊ยย่ะ!!! อร่อยอ่ะ” คือ มันจะมีรสชาเขียวเข้มข้นเลยนะ แต่ที่เด็ดคือจะมีกลิ่นของข้าวคั่วผสมมาด้วยคล้ายๆกับชาเขียวของร้าน OOTOYA ยังไงยังงั้น เรียกว่างานนี้ผิดคาดกันตั้งแต่เริ่มต้นเลย
เครื่องปรุงต่างๆที่ทางร้านเตรียมเอาไว้ให้บนโต๊ะ
สำหรับเมนูชุดแรกที่เฮียสั่งมาก็จะเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยของทางร้าน นั่นก็คือ เกี๊ยวซ่าและไก่คาราอาเกะ
เริ่มชิมเกี๊ยวซ่ากันก่อน (จานนี้ราคาเต็ม 89 บาท) ตอนเฮียเห็นพนักงงานยกมาเสิร์ฟก็คิดไว้แล้วว่าอร่อยแน่ๆหน้าตาแบบนี้ แล้วก็อร่อยจริงๆด้วย เกี๊ยวซ่าของทางร้านจะทอดเกี๊ยวซ่าแบบญี่ปุ่นแท้ๆคือเอาไปทอดแบบแนบกับกระทะด้านเดียว ตัวแป้งหนากำลังดี ส่วนตัวไส้ที่ทางร้านบอกในเมนูว่ามีส่วนผสมของหมู กุ้ง กับปลาหมึก ก็อร่อยกลมกล่อมมากๆ
ลองกัดโชว์ไส้ของเกี๊ยวซ่ากันซะหน่อย ไส้เขาเยอะกำลังดีนะไม่เยอะไปจนกลบรสแป้งและไม่น้อยจนเกินไปจนไร้สัมผัส ถ้าเทียบกับเกี๊ยวซ่าร้านเลขแปดที่เฮียชอบกินมากๆแล้ว เฮียให้เกี๊ยวซ่าที่นี่เฉือนชนะเข้าเส้นชัยแบบต้องดูภาพช้า
จานต่อไปคือไก่ทอดคาราอาเกะ (จานนี้ราคาเต็ม 89 บาท) สำหรับจานนี้ทางร้านทอดไก่มาได้กลมและใหญ่ดีมากๆ ตัวแป้งจะหนากว่าไก่ทอดคาราอาเกะปกติแต่ก็ทอดมาได้สุกแบบกรอบพอดี หลังจากได้กัดชิมไปเฮียเจอเรื่องประหลาดใจมากๆเข้าให้คือเนื้อไก่ที่อยู่ด้านในมันฉ่ำมากๆ คือปกติเวลากินไก่คาราอาเกะที่เมืองไทยนี่เฮียจะเจอแต่เนื้อไก่ค่อนข้างแห้งๆมาโดยตลอดเลย ซึ่งจริงๆไก่คาราอาเกะมันต้องเนื้อฉ่ำๆหน่อย
ลองโชว์เนื้อไก่ทอดให้ดูแบบเต็มๆ ตัวเนื้อไก่นี่นอกจากจะฉ่ำแล้ว ตัวเนื้อไก่ก็ยังนุ่มมากๆกัดเบาๆนิดเดียวก็ขาดเลย แถมเนื้อไก่ก็ผ่านการหมักมาอย่างดีมีรสชาติไม่ได้เป็นเนื้อไก่ธรรมดา งานนี้ Karaagenist ทั้งหลายน่าจะต้องอยากไปลองแน่ๆ
หลังจากจัดการออร์เดิร์ฟชุดแรกไปจนหมดแล้ว เฮียก็จัดการสั่งอาหารหลักชุดแรกมาชิมกันอย่างต่อเนื่องทันที โดยรอบนี้จะมี คุโระทงคตสึมายุราเมน (179 บาท) และ หม้อไฟชิโสะชีสสไตล์นัทสึ (289 บาท)
สำหรับเมนูคุโระทงคตสึมายุราเมนชามนี้ เขาเป็นราเมงน้ำซุปทงคตสึที่โดดเด่นด้วยการใช้เส้นดำที่สุดแสนจะแปลกตา ซึ่งราเมนเส้นดำนี้น่าจะเป็นการใช้หมึกดำจากปลาหมึกเหมือนกับเส้นสปาเกตตี้นะ ถือว่าเป็นของแปลกที่เดียว ส่วนตัวซุปทงคตสึของที่นี่จะไม่ได้เป็นแบบแนวข้นคลั่กอย่างพวกร้าน Bankara แต่ก็ยังเข้มมากอยู่นะ
ตัวหมูชาชูของเขาจะแตกต่างจากเจ้าอื่นๆคือที่นี่ชิ้นจะหนาและใหญ่มาก และใช้เป็นเนื้อล้วนไม่ได้ใช้เนื้อหมูส่วน 3 ชั้นที่มีไขมันเยอะๆแบบร้านราเมงส่วนใหญ่ ตัวเนื้อหมูชาชูถูกต้มมาจนนุ่มมากแม้ว่าจะหนาขนาดนี้ เรียกว่าแค่ใช้ตะเกียบคีบก็ยังขาดเลย
ส่วนไข่ของที่นี่คืออีกหนึ่งทีเด็ดที่ทำให้ราเมงชามนี้อร่อยเลย เพราะว่านอกจากจะต้มมาแบบยางมะตูมแล้ว ตัวไข่ขาวก็จะมีรสเค็มๆหวานๆจากการต้มที่เข้าเนื้อ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกเพราะว่าไม่ค่อยมีร้านไหนที่สามารถต้มไข่ให้มีรสแบบนี้ได้โดยที่ตัวไข่แดงยังเป็นมะตูมอยู่ ถือว่าเป็น “ของดี” ที่ต้องมาลองจริงๆสำหรับน้องไข่
ชามต่อไปคือ “หม้อไฟชิโสะชีสสไตล์นัทสึ” จริงๆถ้าดูเรื่องราคาอย่างเดียว ถ้าเราแค่กินชามนี้ชามเดียวก็เกือบจะคุ้มแล้ว เพราะว่าราคาชามนี้ 289 บาท กันเลย ชามนี้จริงๆตอนยกมาเสิร์ฟนี่น้ำซุปจะเดือดปุดๆเลยนะ แต่ด้วยความที่มัวแต่ใช้มือถือถ่าย VDO อัพลง IG กว่าจะได้หยิบกล้องมาถ่ายก็หายร้อนกันซะแล้ว ชามนี้ดูในรูปแล้วอาจจะดูเล็กแต่ของจริงค่อนข้างใหญ่เลยนะเพราะว่าทำไว้สำหรับทานได้ 1-2 คน
เรื่องรสชาติ ตัวนี้ตอนชิมไปคำแรกนี่เฮียนึกถึงพวกเมนู Tokpokki ที่ใส่เส้นมาม่าของเกาหลีเลยนะ เพราะว่ามันมีความเผ็ดและมีชีสเข้ามาผสมผสานด้วย ตัวไส้กรอกที่ใช้จะเป็นแบบสโมครมควันเกรดดีเลยเข้มข้นมาก ส่วนตัวไข่ออนเซนพอเจาะแตกแล้วคลุกเส้นทั่วๆกินแล้วฟินมากๆ
เมนูนี้ทางร้านเขาจะโปะชีสมาให้ด้วยเพื่อเพิ่มความฟิน เลยกลายเป็นราเมงแบบชีสยืดๆ ด้านล่างก็จะมีหมูชาชูชิ้นเล็กๆมารองเอาไว้อีกที
หลังจากจบชุดจานหลักชุดแรกไป ตอนนี้เฮียเริ่มรู้สึกอิ่มแล้วเพราะว่ากินเจ้า “หม้อไฟชิโสะชีสสไตล์นัทสึ” ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เข้าไป แต่ถ้าจะกินแค่นี้มันก็ไม่ใช่บุฟเฟต์แล้ว เลยจัดการสั่งเมนู “แฮมเบิร์กด้ง” (160 บาท) มาลุยกันต่อ สำหรับ “แฮมเบิร์กด้ง” ชามนี้มีขนาดเล็กกำลังดีเลย
เฮียลองใช้ช้อนหั่นตัวแฮมเบิร์กหมูมาให้ดูว่าเนื้อนุ่มกำลังดี สำหรับจานนี้ต้องบอกว่าอร่อยแบบมาตรฐานร้านอาหารญี่ปุ่นคล้ายๆฮัมบากุของร้านยาโยอิที่เฮียเพิ่งไปลองมาซึ่งถือว่า OK เลย แต่ที่นี่จะใช้ไข่ออนเซน Level ความฟินเลยจะมากกว่า
อีกจานที่เฮียสั่งมาในรอบนี้คือ “ปลาชุบเกล็ดขนมปังกระทะร้อน” (169 บาท) ก็จะเป็นเส้นราเมง ปลาดอลลี่ชุบเกล็ดขนมปังทอดกรอบ และพวกผักต่างๆ ตัวกระทะนี่มาแบบร้อนฉ่าเลยนะ
เสิร์ฟมาพร้อมกับแกงกะหรี่ซึ่งเราสามารถเลือกระดับความเผ็ดของแกงกะหรี่ได้ด้วยนะเหมือนร้าน coco เลย
เรื่องรสชาติเส้นราเมงแห้งกินพร้อมกับแกงกะหรี่เข้ากันได้ดีมาก ตัวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นของที่ร้าน NATSU ก็จะเข้มข้นกว่าของร้าน coco นิดหน่อย คือไม่ได้ข้นคลั่กจนเกินไป เข้มระดับพอดีๆ แต่ของร้าน NATSU เราจะสามารถสัมผัสพวกรสเครื่องเทศได้อย่างชัดเจนกว่า คนชอบแกงกะหรี่ญี่ปุ่นน่าจะชอบเมนูนี้ แต่เฮียแนะนำว่าถ้าสั่งจานนี้ให้เปลี่ยนจากปลาเป็นหมูน่าจะดีกว่า เพราะว่าปลาทอดกินคู่กับแกงกะหรี่อาจจะยังไม่ฟินเท่ากับหมูทอดนะจ๊ะ
จริงๆตามแผนเดิมเฮียว่าจะสั่ง “ทันทันเมน” กับ “คาเระออมไรซ์หมูชุบเกล็ดขนมปังทอด” มาต่อด้วยแต่ว่าตอนนี้ท้องแน่นมากๆ เฮียเลยต้องเปลี่ยนแผนเปลี่ยนจากของหนักมาเป็นของกินเล่นอย่าง “เฟรนฟรายพิซซ่าชีส” (99 บาท) แทน
จานนี้จะเป็นมันฝรั่งแบบหั่นหนานำไปทอดแล้วโรยด้วยผงพิซซ่า ก่อนจะเอา mozzarella ชีสมาวางแล้วก็จัดการกริลล์ชีสอีกทีนึง ชีสเลยยืดๆ สำหรับเรื่องรสชาติของจานนี้ เฮียว่าจานนี้ออกจะธรรมดาที่สุดในทุกเมนูที่สั่งมา นั่นเป็นเพราะว่ามันไม่ได้มีการปรุงอะไรที่ซับซ้อนเพิ่มเติมเลย ก็อร่อยแบบเฟรนฟรายโรยผงพิซซ่านั่นเอง แต่ทางร้านก็ทอดตัวเฟรนฟรายมาได้กรอบดีนะแม้ว่าจะหั่นมาชิ้นใหญ่และหนาขนาดนี้
สำหรับของหวาน ทางร้าน NATSU เขาก็จะมีไอศครีมให้ทานกันอย่างเดียว โดยจะมีให้เลือก 2 รส คือ ช็อคโกแล็ต และ วนิลา (55 บาท) ซึ่งจากการที่เฮียได้ชิมไปก็เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นไอศครีมของ Nestle นั่นเองเพราะว่ารสช็อคโกแลตอันอร่อยเป็นเอกลักษณ์ของเขามันบ่งบอกเหลือเกิน
สรุป
เฮียว่าจุดเด่นของร้าน NATSU คือ การที่เขาทำอาหารสดใหม่ทุกจานและใช้วัตถุดิบเกรดดีในการทำอาหาร เลยทำให้อาหารแต่ละจานรสชาติอร่อย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการรออาหารนิดนึง ถามว่าคุ้มไหมสำหรับราคา 299 บาท เฮียตอบแบบไม่ต้องคิดเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีว่า “คุ้มมาก” เพราะแค่กินเกี๊ยวซ่ากับไก่ทอดคาราอาเกะที่อร่อยมากๆอย่างละ 2 จาน แค่นี้ก็ราคาเกิน 299 บาท แล้วนะ ถือว่าเป็นบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นขึ้นห้างที่น่าจะราคาถูกที่สุดเท่าที่เฮียเคยเห็นมา แต่เรื่องความอร่อยนี่เฮียว่าเกินราคา 299 บาทไปเยอะเลยนะ
สำหรับความอร่อยและคุ้มค่าจากการได้ชิมบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นร้าน NATSU RAMEN & CURRY ในครั้งนี้ เฮียขอมอบเหรียญทองให้กันไปเลยครับ
**********
สุดท้ายนี้ ต้องขอบอกทุกคนว่า รีวิวนี้เป็นการรีวิวจากการที่เฮียได้ไปลองชิมแบบจริงๆ ซึ่งบางทีการที่เฮียชมว่าเมนูนี้อร่อย หรือเมนูนี้ยังไม่โดน อาจจะไม่ตรงกับความคิดของคนอื่นๆก็ได้ เพราะว่าแต่ละคนต่างก็มีความชอบไม่เหมือนกัน
แล้วถ้าใครไม่อยากพลาดโปรลดราคาร้านอาหารต่างๆ หรือว่ามีร้านอร่อยๆอยากจะแนะนำให้เฮียตามไปชิมก็มาบอกได้เลยนะที่
Facebook =
https://www.facebook.com/eatbypro
Instagram =
https://www.instagram.com/eatbypro
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวตอนต่อไป SEE YOU AGAIN SOON
[SR] ไม่น่าเชื่อ!!! BUFFET อาหารญี่ปุ่น “ราคาแค่ 299 บาท” @ NATSU RAMEN & CURRY
สำหรับร้านที่เฮียจะยกพลไปถล่มในครั้งนี้ก็คือร้าน NATSU RAMEN & CURRY นั่นเอง ร้านนี้เขาตั้งอยู่บนชั้น 4 ห้าง Seacon Square ศรีนครินทร์ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เน้นเมนูพวกราเมงและข้าวแกงกะหรี่ เฮียเคยมาลองชิมราเมงที่ร้านนี้ทีนึงแล้วเมื่อหลายปีก่อน เพราะที่ร้านนี้เขาจะจัดเมนูราคาพิเศษประจำวันกันวันละ 1 เมนู ซึ่งเฮียยังจำได้แม่นเลยว่าไข่ที่ใส่ในราเมงของร้านนี้ “อร่อยมากกกก”
หลังจากไม่เจอกันนาน ปรากฎว่าวันนี้ร้าน NATSU RAMEN เขาได้ลองเปิดเป็นบุฟเฟต์เพื่อเรียกลูกค้ากลุ่มกระเพาะเหล็ก ให้มาทดสอบพลังการกินกันแล้ว แถมทางร้านยังทำราคามาได้สุดแสนจะเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าเหลือเกิน เพราะว่าแค่ 299 บาทเอง และปล่อยให้เรานั่งฟาดฟันกันได้ 90 นาทีเต็ม
อันนี้จะเป็นเมนูที่เราสามารถสั่งได้นะ ซึ่งก็มีเยอะแยะมากมายหลายเมนูเต็มไปหมด
จริงๆแล้วเมนูที่สามารถสั่งมาทานแบบบุฟเฟต์ได้ก็แทบจะทุกเมนูของเล่มเมนูปกติที่ทางร้านใช้ขายอยู่ ยังไงถ้าเกิดใครดูจากแผ่นด้านบนแล้วไม่รู้ว่าหน้าตาจริงๆเป็นยังไงก็สามารถมาเปิดดูได้ในเล่มเมนูปกตินะ จะได้ไม่ต้องคาดเดาหน้าตาอาหารกันไปเอง
โดยพวกเครื่องดื่มจะไม่รวมอยู่ในบุฟเฟต์นะจ๊ะ ต้องสั่งเพิ่มเอา เฮียจึงสั่งเป็นน้ำชาเขียวรีฟิล (49 บาท) ไป ตอนที่เฮียเห็นพนักงานยกแก้วน้ำชามาเสิร์ฟบนโต๊ะ พอเฮียเห็นสีอ่อนๆแบบนี้ในใจก็แอบคิดไปก่อนแล้วว่า น่าจะเป็นน้ำชาแบบเดียวกับร้านอาหารญี่ปุ่นราคาถูกๆที่ไม่มีความเข้มข้นเลย แต่พอเฮียได้ดูดไปเท่านั้นแหละ “อั๊ยย่ะ!!! อร่อยอ่ะ” คือ มันจะมีรสชาเขียวเข้มข้นเลยนะ แต่ที่เด็ดคือจะมีกลิ่นของข้าวคั่วผสมมาด้วยคล้ายๆกับชาเขียวของร้าน OOTOYA ยังไงยังงั้น เรียกว่างานนี้ผิดคาดกันตั้งแต่เริ่มต้นเลย
เครื่องปรุงต่างๆที่ทางร้านเตรียมเอาไว้ให้บนโต๊ะ
สำหรับเมนูชุดแรกที่เฮียสั่งมาก็จะเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยของทางร้าน นั่นก็คือ เกี๊ยวซ่าและไก่คาราอาเกะ
เริ่มชิมเกี๊ยวซ่ากันก่อน (จานนี้ราคาเต็ม 89 บาท) ตอนเฮียเห็นพนักงงานยกมาเสิร์ฟก็คิดไว้แล้วว่าอร่อยแน่ๆหน้าตาแบบนี้ แล้วก็อร่อยจริงๆด้วย เกี๊ยวซ่าของทางร้านจะทอดเกี๊ยวซ่าแบบญี่ปุ่นแท้ๆคือเอาไปทอดแบบแนบกับกระทะด้านเดียว ตัวแป้งหนากำลังดี ส่วนตัวไส้ที่ทางร้านบอกในเมนูว่ามีส่วนผสมของหมู กุ้ง กับปลาหมึก ก็อร่อยกลมกล่อมมากๆ
ลองกัดโชว์ไส้ของเกี๊ยวซ่ากันซะหน่อย ไส้เขาเยอะกำลังดีนะไม่เยอะไปจนกลบรสแป้งและไม่น้อยจนเกินไปจนไร้สัมผัส ถ้าเทียบกับเกี๊ยวซ่าร้านเลขแปดที่เฮียชอบกินมากๆแล้ว เฮียให้เกี๊ยวซ่าที่นี่เฉือนชนะเข้าเส้นชัยแบบต้องดูภาพช้า
จานต่อไปคือไก่ทอดคาราอาเกะ (จานนี้ราคาเต็ม 89 บาท) สำหรับจานนี้ทางร้านทอดไก่มาได้กลมและใหญ่ดีมากๆ ตัวแป้งจะหนากว่าไก่ทอดคาราอาเกะปกติแต่ก็ทอดมาได้สุกแบบกรอบพอดี หลังจากได้กัดชิมไปเฮียเจอเรื่องประหลาดใจมากๆเข้าให้คือเนื้อไก่ที่อยู่ด้านในมันฉ่ำมากๆ คือปกติเวลากินไก่คาราอาเกะที่เมืองไทยนี่เฮียจะเจอแต่เนื้อไก่ค่อนข้างแห้งๆมาโดยตลอดเลย ซึ่งจริงๆไก่คาราอาเกะมันต้องเนื้อฉ่ำๆหน่อย
ลองโชว์เนื้อไก่ทอดให้ดูแบบเต็มๆ ตัวเนื้อไก่นี่นอกจากจะฉ่ำแล้ว ตัวเนื้อไก่ก็ยังนุ่มมากๆกัดเบาๆนิดเดียวก็ขาดเลย แถมเนื้อไก่ก็ผ่านการหมักมาอย่างดีมีรสชาติไม่ได้เป็นเนื้อไก่ธรรมดา งานนี้ Karaagenist ทั้งหลายน่าจะต้องอยากไปลองแน่ๆ
หลังจากจัดการออร์เดิร์ฟชุดแรกไปจนหมดแล้ว เฮียก็จัดการสั่งอาหารหลักชุดแรกมาชิมกันอย่างต่อเนื่องทันที โดยรอบนี้จะมี คุโระทงคตสึมายุราเมน (179 บาท) และ หม้อไฟชิโสะชีสสไตล์นัทสึ (289 บาท)
สำหรับเมนูคุโระทงคตสึมายุราเมนชามนี้ เขาเป็นราเมงน้ำซุปทงคตสึที่โดดเด่นด้วยการใช้เส้นดำที่สุดแสนจะแปลกตา ซึ่งราเมนเส้นดำนี้น่าจะเป็นการใช้หมึกดำจากปลาหมึกเหมือนกับเส้นสปาเกตตี้นะ ถือว่าเป็นของแปลกที่เดียว ส่วนตัวซุปทงคตสึของที่นี่จะไม่ได้เป็นแบบแนวข้นคลั่กอย่างพวกร้าน Bankara แต่ก็ยังเข้มมากอยู่นะ
ตัวหมูชาชูของเขาจะแตกต่างจากเจ้าอื่นๆคือที่นี่ชิ้นจะหนาและใหญ่มาก และใช้เป็นเนื้อล้วนไม่ได้ใช้เนื้อหมูส่วน 3 ชั้นที่มีไขมันเยอะๆแบบร้านราเมงส่วนใหญ่ ตัวเนื้อหมูชาชูถูกต้มมาจนนุ่มมากแม้ว่าจะหนาขนาดนี้ เรียกว่าแค่ใช้ตะเกียบคีบก็ยังขาดเลย
ส่วนไข่ของที่นี่คืออีกหนึ่งทีเด็ดที่ทำให้ราเมงชามนี้อร่อยเลย เพราะว่านอกจากจะต้มมาแบบยางมะตูมแล้ว ตัวไข่ขาวก็จะมีรสเค็มๆหวานๆจากการต้มที่เข้าเนื้อ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกเพราะว่าไม่ค่อยมีร้านไหนที่สามารถต้มไข่ให้มีรสแบบนี้ได้โดยที่ตัวไข่แดงยังเป็นมะตูมอยู่ ถือว่าเป็น “ของดี” ที่ต้องมาลองจริงๆสำหรับน้องไข่
ชามต่อไปคือ “หม้อไฟชิโสะชีสสไตล์นัทสึ” จริงๆถ้าดูเรื่องราคาอย่างเดียว ถ้าเราแค่กินชามนี้ชามเดียวก็เกือบจะคุ้มแล้ว เพราะว่าราคาชามนี้ 289 บาท กันเลย ชามนี้จริงๆตอนยกมาเสิร์ฟนี่น้ำซุปจะเดือดปุดๆเลยนะ แต่ด้วยความที่มัวแต่ใช้มือถือถ่าย VDO อัพลง IG กว่าจะได้หยิบกล้องมาถ่ายก็หายร้อนกันซะแล้ว ชามนี้ดูในรูปแล้วอาจจะดูเล็กแต่ของจริงค่อนข้างใหญ่เลยนะเพราะว่าทำไว้สำหรับทานได้ 1-2 คน
เรื่องรสชาติ ตัวนี้ตอนชิมไปคำแรกนี่เฮียนึกถึงพวกเมนู Tokpokki ที่ใส่เส้นมาม่าของเกาหลีเลยนะ เพราะว่ามันมีความเผ็ดและมีชีสเข้ามาผสมผสานด้วย ตัวไส้กรอกที่ใช้จะเป็นแบบสโมครมควันเกรดดีเลยเข้มข้นมาก ส่วนตัวไข่ออนเซนพอเจาะแตกแล้วคลุกเส้นทั่วๆกินแล้วฟินมากๆ
เมนูนี้ทางร้านเขาจะโปะชีสมาให้ด้วยเพื่อเพิ่มความฟิน เลยกลายเป็นราเมงแบบชีสยืดๆ ด้านล่างก็จะมีหมูชาชูชิ้นเล็กๆมารองเอาไว้อีกที
หลังจากจบชุดจานหลักชุดแรกไป ตอนนี้เฮียเริ่มรู้สึกอิ่มแล้วเพราะว่ากินเจ้า “หม้อไฟชิโสะชีสสไตล์นัทสึ” ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เข้าไป แต่ถ้าจะกินแค่นี้มันก็ไม่ใช่บุฟเฟต์แล้ว เลยจัดการสั่งเมนู “แฮมเบิร์กด้ง” (160 บาท) มาลุยกันต่อ สำหรับ “แฮมเบิร์กด้ง” ชามนี้มีขนาดเล็กกำลังดีเลย
เฮียลองใช้ช้อนหั่นตัวแฮมเบิร์กหมูมาให้ดูว่าเนื้อนุ่มกำลังดี สำหรับจานนี้ต้องบอกว่าอร่อยแบบมาตรฐานร้านอาหารญี่ปุ่นคล้ายๆฮัมบากุของร้านยาโยอิที่เฮียเพิ่งไปลองมาซึ่งถือว่า OK เลย แต่ที่นี่จะใช้ไข่ออนเซน Level ความฟินเลยจะมากกว่า
อีกจานที่เฮียสั่งมาในรอบนี้คือ “ปลาชุบเกล็ดขนมปังกระทะร้อน” (169 บาท) ก็จะเป็นเส้นราเมง ปลาดอลลี่ชุบเกล็ดขนมปังทอดกรอบ และพวกผักต่างๆ ตัวกระทะนี่มาแบบร้อนฉ่าเลยนะ
เสิร์ฟมาพร้อมกับแกงกะหรี่ซึ่งเราสามารถเลือกระดับความเผ็ดของแกงกะหรี่ได้ด้วยนะเหมือนร้าน coco เลย
เรื่องรสชาติเส้นราเมงแห้งกินพร้อมกับแกงกะหรี่เข้ากันได้ดีมาก ตัวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นของที่ร้าน NATSU ก็จะเข้มข้นกว่าของร้าน coco นิดหน่อย คือไม่ได้ข้นคลั่กจนเกินไป เข้มระดับพอดีๆ แต่ของร้าน NATSU เราจะสามารถสัมผัสพวกรสเครื่องเทศได้อย่างชัดเจนกว่า คนชอบแกงกะหรี่ญี่ปุ่นน่าจะชอบเมนูนี้ แต่เฮียแนะนำว่าถ้าสั่งจานนี้ให้เปลี่ยนจากปลาเป็นหมูน่าจะดีกว่า เพราะว่าปลาทอดกินคู่กับแกงกะหรี่อาจจะยังไม่ฟินเท่ากับหมูทอดนะจ๊ะ
จริงๆตามแผนเดิมเฮียว่าจะสั่ง “ทันทันเมน” กับ “คาเระออมไรซ์หมูชุบเกล็ดขนมปังทอด” มาต่อด้วยแต่ว่าตอนนี้ท้องแน่นมากๆ เฮียเลยต้องเปลี่ยนแผนเปลี่ยนจากของหนักมาเป็นของกินเล่นอย่าง “เฟรนฟรายพิซซ่าชีส” (99 บาท) แทน
จานนี้จะเป็นมันฝรั่งแบบหั่นหนานำไปทอดแล้วโรยด้วยผงพิซซ่า ก่อนจะเอา mozzarella ชีสมาวางแล้วก็จัดการกริลล์ชีสอีกทีนึง ชีสเลยยืดๆ สำหรับเรื่องรสชาติของจานนี้ เฮียว่าจานนี้ออกจะธรรมดาที่สุดในทุกเมนูที่สั่งมา นั่นเป็นเพราะว่ามันไม่ได้มีการปรุงอะไรที่ซับซ้อนเพิ่มเติมเลย ก็อร่อยแบบเฟรนฟรายโรยผงพิซซ่านั่นเอง แต่ทางร้านก็ทอดตัวเฟรนฟรายมาได้กรอบดีนะแม้ว่าจะหั่นมาชิ้นใหญ่และหนาขนาดนี้
สำหรับของหวาน ทางร้าน NATSU เขาก็จะมีไอศครีมให้ทานกันอย่างเดียว โดยจะมีให้เลือก 2 รส คือ ช็อคโกแล็ต และ วนิลา (55 บาท) ซึ่งจากการที่เฮียได้ชิมไปก็เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นไอศครีมของ Nestle นั่นเองเพราะว่ารสช็อคโกแลตอันอร่อยเป็นเอกลักษณ์ของเขามันบ่งบอกเหลือเกิน
เฮียว่าจุดเด่นของร้าน NATSU คือ การที่เขาทำอาหารสดใหม่ทุกจานและใช้วัตถุดิบเกรดดีในการทำอาหาร เลยทำให้อาหารแต่ละจานรสชาติอร่อย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการรออาหารนิดนึง ถามว่าคุ้มไหมสำหรับราคา 299 บาท เฮียตอบแบบไม่ต้องคิดเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีว่า “คุ้มมาก” เพราะแค่กินเกี๊ยวซ่ากับไก่ทอดคาราอาเกะที่อร่อยมากๆอย่างละ 2 จาน แค่นี้ก็ราคาเกิน 299 บาท แล้วนะ ถือว่าเป็นบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นขึ้นห้างที่น่าจะราคาถูกที่สุดเท่าที่เฮียเคยเห็นมา แต่เรื่องความอร่อยนี่เฮียว่าเกินราคา 299 บาทไปเยอะเลยนะ
สำหรับความอร่อยและคุ้มค่าจากการได้ชิมบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นร้าน NATSU RAMEN & CURRY ในครั้งนี้ เฮียขอมอบเหรียญทองให้กันไปเลยครับ
สุดท้ายนี้ ต้องขอบอกทุกคนว่า รีวิวนี้เป็นการรีวิวจากการที่เฮียได้ไปลองชิมแบบจริงๆ ซึ่งบางทีการที่เฮียชมว่าเมนูนี้อร่อย หรือเมนูนี้ยังไม่โดน อาจจะไม่ตรงกับความคิดของคนอื่นๆก็ได้ เพราะว่าแต่ละคนต่างก็มีความชอบไม่เหมือนกัน
แล้วถ้าใครไม่อยากพลาดโปรลดราคาร้านอาหารต่างๆ หรือว่ามีร้านอร่อยๆอยากจะแนะนำให้เฮียตามไปชิมก็มาบอกได้เลยนะที่
Facebook = https://www.facebook.com/eatbypro
Instagram = https://www.instagram.com/eatbypro
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวตอนต่อไป SEE YOU AGAIN SOON
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น