/// เพลงพิณปลิดวิญญาณ /// - ตอนที่ 3 -

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 1 = https://pantip.com/topic/36682658

ตอนที่ 2 = https://pantip.com/topic/36689592

เป่ยจิงตอนเหนือ ประชิดติดชายแดนมองโกล...

หยิวต้าหยง ยืนอยู่หน้าสุสานแห่งหนึ่ง มีป้ายขนาดใหญ่เขียนชื่อไว้เหนือประตูว่า "สุสานผู้ทรงธรรม" อักษรนั้นลบเลือนไปหลายส่วนเนื่องจากกาลเวลาที่ผ่านมานานหลายสิบปี...

จอมพิณใช้เวลาเดินทางมาถึงที่นี่ประมาณสามเดือนเศษ หลังจากร่ำลาสองสหายฝาแฝดจากเทือกเขาจูฟง สามเดือนเศษนี้เขาเร่งรีบใช้วิชาตัวเบาช่วยร่นระยะเวลาแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลามากถึงปานนี้

เขายังระลึกถึงถ้อยคำของท่านยายแม่ชีผู้เป็นอาจารย์ ซึ่งเคยบอกตนไว้ ก่อนจะจากกันเมื่อครั้งกระโน้น...

" วันหน้า หากเจ้าทราบข่าวการตายของข้า และประสงค์จะกราบกรานคารวะศพของข้า จงเดินทางไปเป่ยจิงตอนเหนือ หาสุสานผู้ทรงธรรมให้พบเถิด และเมื่อพบที่ฝังศพของข้าแล้ว จงหาบันทึกเคล็ดวิชา 'ฝ่ามือไตรสมาธิ' ให้พบ แล้วฝึกวิชาให้สำเร็จ "

นึกทบทวนทุกคำพูดของอาจารย์แล้วก็ให้รู้สึกหม่นหมอง เขาแหงนหน้ามองป้ายชื่อสุสานด้วยน้ำตาคลอเบ้า

"ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้..." เขาพึมพำ ก่อนจะก้าวเดินผ่านประตูสุสานเข้าไปสู่ภายในสุสานที่รกร้าง บรรยากาศเงียบสงบวังเวง แม้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ท้องฟ้าก็มืดมัวหม่น .... แหงนมองพระอาทิตย์ซึ่งเคลื่อนคล้อยไปทางทิศตะวันตกมากแล้ว นั่นแสดงว่าอีกไม่นานอาทิตย์ก็จะอัศดงคต ดังนั้นเขาต้องรีบหาที่ฝังศพอาจารย์ให้พบโดยเร็ว

ต้าหยงเที่ยวค้นหาไปทั่ว มีหลุมฝังศพมากมาย อยู่ห่างกันเป็นระยะๆ ในที่สุด ก็พบกับหลุมหนึ่งอยู่บนเนินดินสูง เบื้องหลังเนินทางทิศเหนือ เป็นต้นไผ่ขึ้นอยู่หนาแน่น...และบนหลุมนั้นมีป้ายวิญญาณปักไว้ จารึกอักษรคำว่า "แม่ชีไร้กังวล"

จอมพิณคุกเข่าลง ก้มกราบกรานสามครั้ง น้ำตาไหลหลั่งและพร่ำครวญ

"อาจารย์ยาย....ต้าหยง ศิษย์เลวคนนี้ มาหาท่านแล้ว น่าเสียดาย...เราไม่อาจสนทนากันเหมือนเมื่อก่อนนี้ได้อีก อภัยให้ศิษย์ด้วยที่จากท่านไปนานเกินไป ที่จริงศิษย์สมควรอยู่ปรนนิบัติท่าน...ท่านคงลำบากมิใช่น้อย หลังจากศิษย์จากท่านไป..."

เขาคุกเข่าร้องไห้คร่ำครวญอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน  ครั้นบรรเทาความโทมนัสลงได้บ้างแล้ว จึงค่อยสำรวจดูทั่วบริเวณนั้น แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีสิ่งใดจะบอกได้ว่า บันทึกเคล็ดวิชาที่อาจารย์บอกให้ค้นหา สมควรอยู่ ณ ที่ใด

ต้าหยงมองหลุมศพอาจารย์อีกครั้ง พลางเอ่ยขึ้นเบาๆ

"อาจารย์ยาย...ศิษย์นี้ช่างโง่เขลานัก มองมิเห็นร่องรอยการเก็บบันทึกของท่านเลยว่าอยู่ที่ใดกันแน่ เห็นที...ศิษย์คงไร้วาสนาที่จะได้ฝึกวิชาอันเป็นมรดกจากท่านเสียแล้ว"

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน สายลมพัดโชยกระหน่ำเสียงหวีดหวิวมาพร้อมกับหิมะโปรยปรายไม่หยุดยั้ง เขาได้ยินเสียงหนึ่งเข้ามาในมโนทวาร

"นั่งสมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญา!!"

"อาจารย์ยาย..." จอมพิณนึกในใจ.....ใช่แล้ว...อาจารย์กำลังบอก...กำลังสอน ด้วยดวงจิตซึ่งยังคงสถิตย์อยู่ ณ ที่ตรงนี้

เขานั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย เหมือนที่เคยได้รับการสั่งสอนให้ฝึกฝนจากอาจารย์ในอดีต แล้วหลับตาลง ค่อยๆ กำหนดลมหายใจเข้าออกพร้อมกับนึกภาวนา ด้วยคำว่า "ออมีทอฝู" (อมิตพุทธ)

ไม่นานนัก ก็เกิดสมาธิชั้นต้นซึ่งเรียกว่า "ขณิกะ" ขึ้นมา มาเรื่อยๆ เป็นพักๆ ครั้นเนิ่นนานเข้า จึงแปรเปลี่ยนเป็นสมาธิระดับกลางซึ่งเรียกว่า "อุปจาระ" บังเกิดภาพนิมิตรในมโนทวาร เห็นภาพหลุมศพอาจารย์เปล่งรัศมีสีขาวนวลสว่างไสว และสว่างเจิดจ้าที่ป้ายวิญญาณเป็นพิเศษ

"ใช่แล้ว....ป้ายวิญญาณ ต้องมีสิ่งพิเศษเป็นแน่ !!!"

ต้าหยงรู้ได้ด้วยใจ ณ บัดนั้น .... เขาผ่อนลมหายใจออกยาวๆ ออกจากสมาธิ แล้วค่อยๆคลานเข้าไปใกล้ๆป้ายวิญญาณ สายตาเพ่งมองอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่ก็มองไม่เห็นสิ่งใดเป็นพิเศษ นอกจากอักษรจารึกคำว่า "แม่ชีไร้กังวล"

จอมพิณมองป้ายวิญญาณครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุด ก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง จึงเม้มปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

"อาจารย์ยาย...ศิษย์ขออนุญาตล่วงเกินท่านแล้ว ได้โปรดอภัยให้ศิษย์ด้วย..."

พูดจบ เขาก็เอื้อมมือขวา ดึงป้ายวิญญาณนั้นถอนขึ้นมาดู !!

แล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เมื่อเห็นอีกข้อความหนึ่งสลักเป็นอักษรตัวเล็กๆ 5 ตัวไว้ใกล้ ๆ ส่วนแหลมของป้ายวิญญาณซึ่งจะจมอยู่ใต้พื้นดินหลังจากปักป้ายเรียบร้อยแล้ว

" ซื่อ เซิ่ง ตี้ จู๋ จง (กลางต้นไผ่อริยสัจ) "

ครั้นอ่านเสร็จ ต้าหยงใช้นิ้วมือลบอักษรทั้ง 5 นั้นออกทันที แล้วปักป้ายวิญญาณไว้บนหลุมฝังศพอาจารย์ตามเดิม จากนั้นจึงกล่าวเบาๆ

"ขอบพระคุณครับ อาจารย์ยาย..."

เขาลุกขึ้นยืน น้อมกายประสานมือคารวะอาจารย์อีกครั้ง ก่อนจะก้าวเข้าไปในดงไผ่ มองหาต้นไผ่ 4 ต้นซึ่งจะตรงกับความหมาย "กลางต้นไผ่อริยสัจ" นั้น แล้วก็ได้พบต้นไผ่ 4 ต้นนั้นซึ่งมีระยะห่างใกล้เคียงกัน มีช่องว่างอยู่ตรงกลาง....เขาก้าวเข้าไป ณ จุดกึ่งกลางนั้นโดยเร็ว และเมื่อไม่เห็นมีสิ่งใดบนพื้นดินจึงใช้มือทั้งสองขุดดินตรงนั้น...ครู่เดียว มือก็สัมผัสกระดาษม้วนหนึ่ง !!

ต้าหยงค่อยๆดึงกระดาษม้วนนั้นขึ้นมา...และขณะที่กำลังจะคลี่ออกอ่าน ก็ได้ยินเสียงบุรุษผู้หนึ่งดังมาจากข้างหลัง

"ช้าก่อน !!! อย่าเพิ่งเปิดอ่าน !!!"


ต้าหยงหันขวับมามอง แล้วก็ต้องตกตะลึง...

ผู้ส่งเสียงร้องห้ามนั้น เป็นชายวัยเดียวกันกับเขา ไว้หนวดเครา สวมชุดดำ มาพร้อมกับพรรคพวกอีกประมาณสิบคน ทุกคนมีอาวุธคือกระบี่ในมือ สิ่งที่ีทำให้จอมพิณตกใจคือ คนพวกนั้น คุมตัวชายหญิงคู่หนึ่งมาด้วย คือสองคนที่เขาลาจากมานั่นเอง

"ชุนเอ๋อร์, คุณชายหม่าลี่ !!!" จอมพิณร้องตะโกนเรียก

"ท่านอาจารย์ !!!", "จอมยุทธหยิว !!!" สองหนุ่มสาวต่างตะโกนร้องเรียกเขาเช่นกัน และทำท่าจะวิ่งเข้าไปหา แต่ก็ถูกบรรดาบริวารของบุรุษชุดดำถือกระบี่ขวางกั้นไว้

บุรุษชุดดำ แบมือซ้ายยื่นมาทางต้าหยงแล้วกล่าวด้วยเสียงก้อง

"มอบบันทึกนั้นมาให้ข้าเสีย แล้วข้าจะสั่งบริวารให้ปล่อยตัวสองคนนี้ หาไม่แล้ว พวกมันต้องตาย !!!"

"ท่านอาจารย์จัดการกับพวกมันเลย ไม่ต้องห่วงศิษย์หรอกค่ะ !!!" ศิษย์สาวร้องตะโกนสอดแทรก

"ใช่แล้วจอมยุทธหยิว ไม่ต้องห่วงพวกเรา พวกเรามีโอกาสตายพร้อมกัน ตายด้วยกันเพื่อท่าน นับว่าประเสริฐแล้ว!!" คุณชายหม่าลี่กล่าวสนับสนุน

"เฮ่ย....บัดซบ!!" บุรุษชุดดำสบถ แล้วสั่งบริวาร "พวกเจ้า เอาผ้ามัดปิดปากเจ้าเด็กสองคนนี้เสีย ณ บัดนี้ !!!"

บริวารสองคน เอาแถบผ้าดำมาคนละผืน แล้วมัดปากสองหนุ่มสาวไว้มิให้พูดอะไรอีก

บุรุษชุดดำออกคำสั่งอีก

"เอากระบี่พาดที่คอหอยพวกมันทั้งสองคนแล้วรอคำสั่งจากข้า ถ้าข้าบอกว่า "ฆ่า" ก็จงเชือดคอพวกมันทันที !!!"

"ครับ!!!" ทั้งสองบริวารรับคำ

บุรุษชุดดำ หันมาหาจอมพิณ และยื่นมือซ้ายให้อีกครั้ง พร้อมกล่าวถามเร่งเร้า

"ว่าไง ? จะยอมมอบบันทึกม้วนนั้นมาให้ข้าแต่โดยดีหรือไม่ ???"

"ท่านเป็นใคร ? และเหตุใดจึงต้องการบันทึกของแม่ชีไร้กังวล ??" จอมพิณถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่สะทกสะท้าน

"ผู้ปรารถนาสุดยอดวรยุทธ ย่อมต้องการบันทึกนั่นกันทั้งนั้น !!!" บุรุษชุดดำตอบ "ฟังว่า หากผู้ใดฝึกเคล็ดวิชาที่แม่ชีไร้กังวลได้จารึกไว้สำเร็จ จะไม่มีศาสตราวุธใดๆ ทำร้ายได้เลย! ผู้มีวรยุทธใดก็มิอาจทำร้ายได้ !!!"

"ข้าว่า ท่านอาจเข้าใจผิด" ต้าหยงกล่าวแย้ง

" เข้าใจผิดอย่างไร ? "

" แม่ชีไร้กังวล มีแต่จะจารึกข้อความอันเป็นธรรมของพระพุทธองค์เท่านั้น หาใช่เคล็ดลับวรยุทธอันใดไม่ !!"

" เฮอะ !! วาจาผายลม !!!" ชายในชุดดำร้องสบถ " เจ้าไม่ต้องมาหลอกข้า...ส่งม้วนกระดาษนั่นมา เดี๋ยวนี้ !! มิฉะนั้น เด็กน้อยสองคนนี้ตายแน่ !!!" ข่มขู่พลางพยักเพยิดมาทางสองหนุ่มสาวซึ่งต่างคนต่างถูกคมกระบี่จ่อที่คอ

ต้าหยงส่ายหน้าช้าๆ

"ในเมื่อท่านอยากได้นัก ก็ลองรับไปอ่านดูด้วยตัวท่านเองเถิด!!!" กล่าวจบ ก็โยนม้วนกระดาษนั้นไปให้ ด้วยความมั่นใจว่า ข้อความบนแผ่นกระดาษนั้นต้องมีลักษณะเป็นข้อธรรม ซึ่งจะต้องใช้สติปัญญาในการทำความเข้าใจ เขารู้จักแม่ชีผู้เป็นอาจารย์เป็นอย่างดี เพราะเคยร่ำเรียนหลายสิ่งหลายอย่างมาจากท่าน บุรุษชุดดำไหนเลยจะสามารถเข้าใจข้อธรรมอันลึกซึ้งด้วยตนเองได้

บุรุษนั้นรับม้วนกระดาษมาแล้วคลี่ออกอ่านทันที และก็เป็นเหมือนอย่างที่จอมพิณคาดคะเน มันส่ายหน้าไปมา คิ้วขมวด พร้อมกับอ่านออกเสียงด้วยความมึนงง

" บทที่หนึ่ง โคถึกดิ้นรน แต่ไปไหนไม่ได้ เพราะถูกผูกมัดไว้กับเสา จำต้องนอนอิงเสานั้นเรื่อยไป..."

" นี่มัน นิทานสำหรับเด็กหรือไรกัน ??? !!! " ชายชุดดำสั่นศรีษะแล้วมองหน้าจอมพิณ เห็นเขายิ้ม และบอกให้มันอ่านต่อ

"ท่านลองอ่านต่อไปสิ..."

มันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดยิ่งกว่าเดิม แล้วอ่านต่อ

" บทที่สอง...ลิงตัวหนึ่ง ซ่อนตัวอยู่ในดงต้นตาล สามสิบสองต้น นายพรานมาร้องตะเพิดคราหนึ่ง มันก็กระโจนไปที่ต้นตาลอื่น ครั้นนายพรานนั้นร้องตะเพิดอีก มันก็กระโจนไปอีกต้นหนึ่ง เป็นเช่นนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายลิงก็เหนื่อย หมอบอยู่ที่ต้นตาลต้นสุดท้าย ไม่โผล่ออกมาอีก แม้นายพรานจะร้องตะเพิดมากเพียงใด ก็หายอมโผล่ไม่..."

ชายชุดดำ หยุดอ่าน หันมามองหน้าจอมพิณอีกครั้งและส่งเสียงตะคอก

"นี่มันเคล็ดวิชาอันใดกันแน่ ??? เจ้าทราบดีใช่ไหม ? บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ !!!"

ต้าหยงส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะตอบ

"ต่อให้ข้าบอกท่าน ท่านก็ไม่สามารถบรรลุเคล็ดวิชาได้ ไม่มีวัน !!!"

"เพราะเหตุใดเล่า ??" มันแยกเขี้ยวด้วยความโมโห

"เพราะท่านผิดศีล ท่านชมชอบการตีรันฟันแทง แม้กระทั่งบัดนี้ ท่านก็ยังข่มขู่จะสังหารหนุ่มสาวสองคนนั้นอยู่ คนทุศีลอย่างท่าน ไม่มีวันจะบรรลุเคล็ดวิชาจากข้อธรรมได้ !! "

"เหลวไหล !!!" มันตะคอกย้อน "ถ้ารู้วิธีการ ก็ย่อมต้องบรรลุได้ เจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ว่าข้าต้องทำเช่นไร มิฉะนั้น ลูกศิษย์ของเจ้าสองคนนี้ต้องตาย!!!" แล้วหันไปกำชับบริวารสองคนซึ่งถือกระบี่รออยู่ "พวกเจ้าเตรียมตัว ถ้าข้ากล่าวว่า 'ฆ่า' ก็จงเชือดคอพวกมันเสีย !!!"

"รับทราบขอรับ!!" บริวารทั้งสองรับคำหนักแน่น

ต้าหยงถอนใจ...ก่อนจะนั่งลงกับพื้นดิน และบอกบุรุษชุดดำให้ทำตาม

"ถ้าอย่างนั้น ท่านนั่งลงก่อนเถิด"

มันนั่งลงแต่โดยดี และฟังจอมพิณกล่าวต่อไป

"ก่อนที่ข้าจะเริ่มสอนท่าน ท่านต้องสัญญากับข้าก่อน ว่าจะปล่อยชายหญิงทั้งสองคนนั้น หลังจากที่ข้าบอกเคล็ดวิชาแก่ท่านแล้ว"

"ได้แน่นอน....ข้าสัญญา !!" มันรับคำด้วยอาการแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

"เอาละ...ถ้าเช่นนั้น จงฟังให้ดี และทำตามที่ข้าบอก ทีละขั้นตอน" ต้าหยงเริ่มกล่าวเพื่อให้คนชุดดำเตรียมตัวรับการถ่ายทอดวิชา

ทันใดนั้นเอง ยังไม่ทันที่จอมพิณจะเริ่มสอนบทเรียนแรก ก็มีเสียงหนึ่งที่คุ้นหู ดังก้องไปทั่วดงไผ่

"ไม่ต้องสอนให้มัน !!! ต้าหยง !!!"

ทุกคน หันไปมองรอบทิศ ฉับพลัน ก็มีก้อนกรวดสองก้อน พุ่งมา ณ บริเวณที่บริวารสองคนของคนชุดดำยืนถือกระบี่จ่อคอหอยชุนเอ๋อร์และคุณชายหม่าลี่อยู่ และกระทบบริเวณใกล้ปลายกระบี่

"ปิ๊งง, ปิ๊งง "

แรงปะทะจากก้อนกรวดทั้งสองที่พุ่งมา ผลักกระบี่ทั้งสองเล่มเบนออกห่างจากตัวคนทั้งสองแล้วร่วงลงสู่พื้น

เหล่าทรชนตื่นตะลึง และทันทีที่กระบี่สองเล่มตกพื้น ชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสองก็สะบัดหลุดจากการถูกควบคุมตัวและวิ่งเข้ามาหาจอมพิณ

"พวกเจ้าไม่เป็นไรนะ ?" เขามองหน้าคนทั้งสอง

"ไม่เป็นไรค่ะท่านอาจารย์" ชุนเอ๋อร์ตอบ และคุณชายหม่าลี่ก็สั่นศีรษะ

จากนั้น คนทั้งสองฝ่าย ก็มองเห็นชายสองคนใช้วิชาตัวเบากระโดดลงมาจากยอดไผ่เบื้องบน ลงมายืนอยู่ระหว่างกลาง

จอมพิณร้องเรียกชื่อออกไปอย่างตื่นเต้นปนฉงน

" อาเป่า, อากวาง !!! "

สองพี่น้องฝาแฝดแยกเขี้ยวยิ้ม ก่อนที่แฝดผู้น้องจะกล่าว

" เป็นพวกเราเอง....ต้าหยง ....พวกเราปรึกษากันหลังจากที่เจ้าจากพวกเราว่า สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ พวกเราจึงเห็นพ้องต้องกัน ตัดสินใจมอบหมายงานให้หัวหน้าพ่อครัวและหัวหน้าเสี่ยวเอ้อร์ช่วยดูแลกิจการโรงเตี๊ยม แล้วรีบตามเจ้ามานี่"

ต้าหยงพยักหน้าพลางกล่าว "ขอบคุณมาก สหาย"

บุรุษชุดดำแค้นเคืองจนหนวดกระดิก ร้องตะโกน

" พวกเจ้า อย่าหมายจะออกไปจากดงไผ่แห่งนี้ได้, พวกเรา !!!" หันไปมองเหล่าบริวาร แล้วชูกระบี่ในมือขึ้น

" ฆ่าพวกมันให้หมด !!! "
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่