ตอนที่ 1-4 =
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 = https://pantip.com/topic/36682658
ตอนที่ 2 = https://pantip.com/topic/36689592
ตอนที่ 3 = https://pantip.com/topic/36698364
ตอนที่ 4 = https://pantip.com/topic/36708706
รุ่งเช้า เหล่าสหายของต้าหยง พบจอมพิณนอนหลับใหลอยู่ใต้ต้นท้อนั้น ในสภาพจับไข้ ร่างกายร้อนดังไฟ จึงรีบพาเขากลับโรงเตี๊ยม จากนั้น ชุนเอ๋อร์และคุณชายหม่าลี่พากันไปขอซื้อยาที่ร้านยาใหญ่ที่สุดในเจียงซี ครั้นหมอจัดสั่งยาให้แล้วก็จ่ายเงิน รับยาแล้วรีบกลับมาปรุงยาให้จอมพิณตามที่หมอสั่ง
หลังจากต้าหยงกินยาขนานหนึ่งเข้าไปแล้วก็นอนหลับไปอีกครา...ในห้วงนิทราของเขา ทุกคนได้ยินถ้อยคำพร่ำเพ้อออกจากปากเขาเป็นระยะๆ
"จีเอ๋อร์...เจ้ามาแล้ว ยังต้องจากข้าไปอีกหรือ ?....."
ทุกคนต่างสงสัย หันมามองหน้ากันและกัน
"ไม่มีใครทราบเลยหรือ ว่า สตรีนามว่า จีเอ๋อร์ คือผู้ใด ?" เซียนขลุ่ยไว่ซิงถามทุกคน คำตอบที่ได้รับ คือการสั่นศีรษะกันหมด ยกเว้น ชุนเอ๋อร์ ผู้เป็นศิษย์สาวของจอมพิณ
"ข้าเคยได้ยินอาจารย์เล่าให้ฟังมาบ้าง นางคืออดีตคนรักของเขา"
"มิน่าเล่า..." เซียนขลุ่ยพยักหน้า "แม่นางจีเอ๋อร์ผู้นั้น ต้องมีความหมายกับเขาอย่างลึกซึ้ง เขาจึงได้เพ้อถึงนางเช่นนี้"
พูดจบ ทุกคนก็ได้ยินต้าหยงเพ้อออกมาอีก
"ชุนเอ๋อร์...ที่แท้เจ้า...ก็มีชายในดวงใจแล้วหรือนี่...อุ๊ฟฟ.." พร่ำเพ้อละเมอจบคำก็ไอสำลักคราหนึ่ง
คราวนี้ ทุกคนหันมามองศิษย์สาวของจอมพิณ โดยเฉพาะคุณชายหม่าลี่ซึ่งจ้องนางเขม็ง
"เอ่อ....คือว่า ข้า...คือ...."
อาการของคนทุกคน เล่นเอานางตั้งตัวแทบไม่ติด ต้องรีบตั้งสติ ก่อนจะอธิบายต่อ " คือว่า อันที่จริง จอมยุทธหยิว..." นางเปลี่ยนคำเรียกจอมพิณกลับไปเป็นเหมือนตอนต้นๆที่ได้รู้จักกัน " เขาเข้ามาสู่สมาคม 'เฉ่าซื่อหยิว' (อิสระแห่งต้นหญ้า) ซึ่งข้ากับคุณชายหม่าลี่อยู่ร่วมกันมาก่อนแล้ว จึงรู้จักข้า...และ..."
"และเขาชมชอบเจ้า" คุณชายหม่าลี่ช่วยต่อประโยคให้และจ้องนางตาไม่กะพริบ
"ใช่" นางพยักหน้า ตอนนี้นางไม่ประหม่าเคอะเขินอันใดแล้ว พร้อมจะอธิบายทุกเรื่องราว "เขากับข้าพูดคุยกันนานนับเดือน และวันหนึ่งเขาบอกกับข้า อย่างที่ท่านพูด" นางจ้องหน้าชายในดวงใจอย่างไม่สะทกสะท้าน "ข้าจึงบอกกับเขาไปว่า ข้ามีชายในดวงใจแล้ว และต่อมา ก็บอกว่าคือท่าน"
คุณชายหม่าลี่พยักหน้า ลอบโล่งอก เพราะคาดคิดว่าตนคงต้องลำบากแน่หากหญิงคนรักซึ่งกำลังพูดอยู่ข้างหน้าตนในขณะนี้เกิดมีใจให้กับจอมพิณ
"แล้วหลังจากนั้น ข้าก็ขอเขาว่า ตั้งแต่เขาเข้ามาในสมาคมเฉ่าซื่อหยิวของเรา เขาให้วิชาความรู้แก่ข้ามากมาย สมควรเป็นอาจารย์ แล้วข้าก็คุกเข่าคำนับเขาเป็นอาจารย์ เราจึงเป็นศิษย์กับอาจารย์กันเรื่อยมาจนบัดนี้"
"เข้าใจแล้ว" คุณชายหม่าลี่พยักหน้าอีกครั้ง และทุกๆคนที่เหลือก็เช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น ต้าหยงละเมอเพ้อออกมาอีก ทุกคนต้องหันไปมองจอมพิณอีกครั้ง
"แม่นางหลี่....ท่านไว่ซิงเป็นบุรุษผู้มีน้ำใจประเสริฐ ท่านสมควรใส่ใจเขาให้มาก..."
หญิงชายทั้งสองคนผู้ถูกละเมอถึงมองหน้ากัน แล้วฝ่ายหลังก็ส่ายหน้าช้าๆ
"เขาห่วงใยผู้อื่นยิ่งกว่าตนเองเสียอีก"
"ใช่..." หลี่ฮวากล่าวสนับสนุน "และ...ดูเหมือนว่า หลังจากสตรีนามว่าจีเอ๋อร์จากไป เขาพยายามแสวงหาใครสักคนมาแทนที่นางอยู่"
"แต่ยังไม่พบใครเลย หลังจากนางผู้เป็นที่รักคนนั้นจากไป" อากวางแฝดผู้น้องกล่าวเสริม
ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่นั่นเอง สตรีอาภรณ์แดงนางหนึ่งก็ก้าวเดินเข้ามาในห้อง สองมือประคองหม้อยาขนาดย่อม ครั้นมาถึงโต๊ะที่ทุกคนนั่งกันอยู่ก็กล่าวทักทาย
"ทุกท่าน ขออภัยที่รบกวน"
ทุกคนหันมามอง แล้วก็ต้องแปลกใจ เปล่งเสียงเรียกชื่อนางพร้อมกัน
"ซูฮูหยิน !!!"
นางพยักหน้ายิ้มๆ
"มิผิด เป็นข้าเอง ข้าบังเอิญได้ข่าวว่าจอมยุทธหยิวไม่สบาย จึงปรุงยามาให้" นางยื่นหม้อยาออกไป "นี่คือ โสมจากประเทศเกาหลีชั้นดี ผสมน้ำผึ้งหยกและบัวหิมะ เป็นสูตรตำรับยาประจำตระกูลของข้าโดยเฉพาะ มันจะช่วยลดไข้ และฟื้นฟูพละกำลัง ไม่เกินสองวัน อาจารย์หยิวก็จะหายดีกลับมาเป็นปกติ ท่านใดก็ได้ โปรดรับไว้ให้เขารับประทานเถิด"
ทุกคนกล่าวขอบคุณนางด้วยความดีใจและซาบซึ้ง ชุนเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนรับหม้อยามาแล้วกล่าว
"อาจารย์คงดีใจและประทับใจท่านมาก ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ลำบากท่านจริงๆ ท่านปรุงยาเองและถึงกับมาด้วยตนเองถึงที่นี่"
"มิเป็นไร แม่นางชุน ไม่ลำบากเลย" ซูฮูหยินตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส "ข้าเต็มใจทำให้เขา เขาเป็นผู้หนึ่งที่เคยรจนาบทกวีร่วมกับมิตรสหายในเมืองนี้ แล้วก็เป็นหนึ่งในยอดนักกวีที่ได้ผ่านเข้ารอบจากงานชุมนุม"
"ดีจังเลย!" ศิษย์สาวของจอมพิณปรบมือด้วยความชอบใจ ทำให้ซูฮูหยินยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
"เขาอุตส่าห์พาตนเองเข้ารอบไปได้ ข้าก็ต้องช่วยเร่งให้เขาหายป่วย จะได้อ่านบทกวีของเขาในรอบสุดท้าย ถ้าขาดเขาไปก็จะน่าเสียดาย" กล่าวแล้วซูฮูหยินก็เหลียวไปมองจอมพิณซึ่งกำลังหลับสนิท ก่อนจะหันมาประสานมือ กล่าวอำลาทุกคน
"ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว มีงานที่ต้องไปตระเตรียม อย่าลืมให้อาจารย์หยิวดื่มน้ำโสมให้หมด แล้วพบกันใหม่"
ทุกคนลุกขึ้นยืน ประสานมือคารวะตอบกล่าวพร้อมกัน
"แล้วพบกันใหม่"
*************************************************************************************************************
1 สัปดาห์ผ่านพ้นไป...
หยิวต้าหยง หายจากอาการป่วยไข้เป็นปกติภายในสองวันเท่านั้นดังที่ซูฮูหยินได้บอกไว้ก่อนหน้า และงานชุมนุมกวีซ่อนลีลาจบลงไปแล้วด้วยความเรียบร้อย โดยยอดนักกวีผู้ชนะลำดับที่หนึ่ง ได้แก่กวีหญิงสาวนามว่า หม่านยเว่ (จันทรเพ็ญ) และอีกหนึ่งตำแหน่งสำหรับผู้ทายชื่อได้ถูกต้องมากที่สุดมีชื่อว่า "เสี้ยวซิน" (ใจยิ้ม) และดูเหมือนมีทีท่าว่าจะมีงานชุมนุมครั้งที่สองในอนาคตอันใกล้
สองพี่น้องฝาแฝด อาเป่าและอากวาง เดินทางกลับธิเบตไปแล้ว ส่วนคนที่เหลือ คือ ต้าหยง ชุนเอ๋อร์ คุณชายหม่าลี่ เซียนขลุ่ยไว่ซิง และหลี่ฮวา ยังคงอยู่ในเจียงซีต่อไป
และขณะนี้ ทุกคนกำลังเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาหลูซานอันหนาวเหน็บและปกคลุมด้วยหมอกขาว เพื่อส่งจอมพิณขึ้นไปฝึกวิชาของแม่ชีไร้กังวล และคอยดูแลช่วยเหลือ หากมีเหตุการณ์ใดไม่คาดฝันอันจะเป็นอุปสรรคเกิดขึ้น
ต้าหยงเลือกได้ถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดเขาเป็นที่ฝึกวิชา เขาให้ชุนเอ๋อร์และคุณชายหม่าลี่อยู่เป็นเพื่อนในถ้ำ มอบม้วนกระดาษเคล็ดวิชาที่แม่ชีไร้กังวลเขียนไว้ให้ศิษย์สาวอ่านข้อความให้ฟัง ส่วนเซียนขลุ่ยและหลี่ฮวาคอยอยู่ระวังภัยด้วยกันข้างนอก
ชุนเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างกองไฟซึ่งคุณชายหม่าลี่เพิ่งก่อเสร็จแล้วมานั่งอยู่เคียงข้าง นางเริ่มอ่านข้อความแรก หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปสองชั่วยาม ในขณะที่จอมพิณนั่งขัดสมาธิบนแผ่นหินดาดก้อนหนึ่ง
" บทที่หนึ่ง โคถึกดิ้นรน แต่ไปไหนไม่ได้ เพราะถูกผูกมัดไว้กับเสา จำต้องนอนอิงเสานั้นเรื่อยไป...จงเอาเยี่ยงอย่างมันเถิด! หากสำเร็จ ค่อยฝึกขั้นที่สอง"
ต้าหยงนึกทบทวนทุกถ้อยคำ แล้วเริ่มกำหนดจิตให้เป็นสมาธิ อย่างที่เคยได้เรียนมาจากแม่ชีผู้เป็นอาจารย์ ไม่นานนัก จิตของจอมพิณก็นิ่ง คำสอนของอาจารย์เริ่มหวนกลับเข้ามาในมโนทวาร ดุจได้ยินอยู่ ณ กาลปัจจุบัน และเหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้งกำลังฝึกวิชาสมาธิกับอาจารย์ ก็ปรากฏแจ่มแจ้งในมโนทวารอีกเช่นกัน เหมือนว่ากำลังนั่งชมศิษย์กับอาจารย์สองคนอยู่ต่อหน้าฉะนั้น
"จิตใจมนุษย์ เป็นสภาพกลับกลอก เปลี่ยนแปรได้ทุกขณะ เพราะมันชมชอบที่จะท่องเที่ยวเรื่อยไปอย่างไร้จุดหมาย จงผูกมันไว้ด้วยการระลึกถึงพระพุทธองค์ ออมี- (อมิต-) หายใจเข้า...-ทอฝู (-ตพุทธ) หายใจออก เอาจิตผูกไว้เช่นนี้เรื่อยไป เบื้องต้น จิตของเจ้าจะกระสับกระส่ายดิ้นรน เหมือนโคถึกซึ่งดิ้นรนจะให้หลุดพ้นจากพันธนาการ .... จงคอยเฝ้าดูจิตของตนไว้ ยามใดที่เผลอไผลเตลิดออกไปจากตัว จงรีบฉุดรั้งดึงกลับมา ภาวนา อมิตตพุทธ เรื่อยไป กำหนดลมหายใจเข้าและลมหายใจออกไปพร้อมกัน ต่อเมื่อใด ใจของเจ้านิ่งสงบ เหมือนโคถึกตัวนั้นซึ่งไปไหนไม่ได้ มันจึงหมอบลง แอบอิงเสา หลับไป เจ้าก็เลิกภาวนาเสีย พึงใช้ดวงตาภายใน จับตาดูลมหายใจ เมื่อมันกำลังเข้า ก็รู้ว่า กำลังเข้า เมื่อมันกำลังออก ก็รู้ว่า กำลังออก เรื่อยไป หากเกิดนิมิตรเช่นไร อย่าได้ใส่ใจ อย่าได้เพ่งมอง ปล่อยให้มันเกิด ปล่อยให้มันเป็นไป ...."
ศิษย์คนนั้น นั่งนิ่งอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งได้ยินเสียงอาจารย์ถามมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเปี่ยมเมตตา
"เจ้าพร้อมหรือยัง ?"
เขาเอ่ยปากตอบเบาๆ... "ข้าพร้อมแล้วครับ ท่านยาย..."
ฉับพลัน ท่านยายผู้เป็นอาจารย์ ก็โยนตะเกียบกำมือหนึ่งเข้าใส่ลูกศิษย์ !
เขายกสองมือไขว่คว้ารับตะเกียบเอาไว้ได้หมด ทั้งที่ยังหลับตา !!!
แล้วภาพนั้นก็หายไป....จอมพิณเอ่ยปากขึ้นมาทันใด
"ชุนเอ๋อร์ เจ้าเตรียมตะเกียบเอาไว้แล้วใช่ไหม ?"
"เตรียมไว้พร้อมแล้วค่ะ ท่านอาจารย์" ศิษย์สาวตอบ
"จงโยนตะเกียบทั้งหมดใส่ข้า!"
ครั้นได้ยินคำสั่ง ศิษย์สาวรวบตะเกียบทั้งหมดออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ แล้วโยนเข้าใส่อาจารย์ผู้นั่งนิ่งอยู่ทันที !
ต้าหยงหลับตา สองมือคว้าจับรับเอาตะเกียบไว้ได้ครบหมดเช่นเดียวกัน !!!
ชุนเอ๋อร์และคุณชายหม่าลี่ ได้ยินจอมพิณสั่งมาอีกครา
"เจ้าสองคน ช่วยกันปาก้อนหินหรือก้อนกรวดใส่ข้าเถิด ไม่ต้องยั้งมือ ต่อเมื่อข้าลุกขึ้นยืนจึงค่อยหยุด!"
สองหนุ่มสาวมองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วต่างคนต่างก้มลงหยิบก้อนกรวดบ้างก้อนหินบ้าง ระดมปาใส่ตัวต้าหยงซึ่งยังคงนั่งหลับตาสงบนิ่ง !!
ทั้งสอง เห็นจอมพิณใช้สองมือปัดป่ายก้อนหินก้อนกรวดทุกก้อนพ้นไปจากตัวได้ทั้งหมด ดุจปัดใบไม้ใบหญ้าก็ปานกัน !!!
ครู่หนึ่ง ต้าหยงก็ลุกขึ้นยืน ปัดก้อนหินก้อนกรวดกลุ่มสุดท้ายออกไป พร้อมกับที่สองหนุ่มสาวหยุดมือด้วยความเหน็ดเหนื่อย คุณชายหม่าลี่ถึงกับปาดเหงื่อบนหน้าผาก ชุนเอ๋อร์หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อทั้งใบหน้าและรอบลำคอ แต่สำหรับต้าหยง ไม่มีเหงื่อปรากฏเลย !!!
"ชุนเอ๋อร์..." จอมพิณร้องเรียกศิษย์สาว
"ข้าอยู่นี่ ท่านอาจารย์"
"เจ้าไปเชิญท่านไว่ซิงเข้ามาเถิด บอกเขาให้เข้ามาเพียงคนเดียว และนำขลุ่ยของเขาเข้ามาด้วย ส่วนเจ้ากับคุณชายหม่าลี่ จงอยู่ข้างนอกกับแม่นางหลี่ฮวา เตรียมอุดหูของพวกเจ้าด้วย!"
"ได้ค่ะท่านอาจารย์" นางพยักหน้าประสานมือคำนับพร้อมกับคุณชายหม่าลี่ แล้วทั้งสองก็หมุนตัวเดินออกไปนอกถ้ำ
ครู่หนึ่ง เซียนขลุ่ยก็เข้ามาหาแล้วเอ่ยถาม
"ท่านต้องการให้ข้ารับใช้สิ่งใดหรือ จอมยุทธหยิว ?"
จอมพิณยิ้ม ก่อนจะกล่าวตอบ
"ท่านไว่ซิง ข้าว่า ท่านเลิกเรียกข้าว่า 'จอมยุทธ' เสียทีเถิด ฟังดูห่างเหินนัก"
เซียนขลุ่ยหัวเราะ แล้วถาม
"แล้วท่านจะให้ข้าเรียกท่านเช่นไร ?"
"เรียกข้าว่า ต้าหยง ธรรมดาๆ เฉกเช่นสหายของข้า อย่างอาเป่าและอากวางเถิด" เขาตอบยิ้มๆ
ไว่ซิงส่ายหน้าช้าๆ
"ข้ายังอยากจะเรียกท่านโดยมีความเคารพนับถืออยู่บ้าง เช่นนี้เถิด....ให้ข้าเรียกท่านว่า 'พี่หยง' ก็แล้วกัน หวังว่าท่านคงมิขัดข้อง"
จอมพิณพยักหน้า แล้วถามเซียนขลุ่ยบ้าง
"ข้าเข้าใจว่า นาม 'ไว่ซิง' (ต่างดาว) ของท่าน คงเป็นฉายาหรือนามแฝง ท่านสมควรมีนามเดิม พอจะบอกข้าได้หรือไม่ ?"
เซียนขลุ่ยหัวเราะอีกครั้งอย่างชอบใจ
"ได้สิพี่หยง จะเป็นไรไปเล่า ชื่อแซ่เดิมของข้าคือ เฉิงจี*"
"ประเสริฐแท้!!" จอมพิณอุทานด้วยความยินดี "อย่างนั้น ข้าขอเรียกท่านว่า 'พี่จี' นับแต่นี้เป็นต้นไป"
"จะดีหรือนี่ ? ท่านจะไม่ตะขิดตะขวงใจกับคำว่า 'จี' หรือ ?" ไว่ซิงหรือเฉิงจีถามด้วยความเป็นห่วง เพราะคำว่า "จี" นี้ มีเสียงพ้องกับ "จี"** ซึ่งเป็นชื่อนางในดวงใจของจอมพิณ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* เฉิงจี = 成 機 แปลรวมทั้งชื่อแซ่ว่า
ผู้มีโอกาสสำเร็จ
**
จี = 雞 ซึ่งมาจากชื่อ จีเอ๋อร์ แปลว่า
ไก่
/// เพลงพิณปลิดวิญญาณ /// - ตอนที่ 5 -
รุ่งเช้า เหล่าสหายของต้าหยง พบจอมพิณนอนหลับใหลอยู่ใต้ต้นท้อนั้น ในสภาพจับไข้ ร่างกายร้อนดังไฟ จึงรีบพาเขากลับโรงเตี๊ยม จากนั้น ชุนเอ๋อร์และคุณชายหม่าลี่พากันไปขอซื้อยาที่ร้านยาใหญ่ที่สุดในเจียงซี ครั้นหมอจัดสั่งยาให้แล้วก็จ่ายเงิน รับยาแล้วรีบกลับมาปรุงยาให้จอมพิณตามที่หมอสั่ง
หลังจากต้าหยงกินยาขนานหนึ่งเข้าไปแล้วก็นอนหลับไปอีกครา...ในห้วงนิทราของเขา ทุกคนได้ยินถ้อยคำพร่ำเพ้อออกจากปากเขาเป็นระยะๆ
"จีเอ๋อร์...เจ้ามาแล้ว ยังต้องจากข้าไปอีกหรือ ?....."
ทุกคนต่างสงสัย หันมามองหน้ากันและกัน
"ไม่มีใครทราบเลยหรือ ว่า สตรีนามว่า จีเอ๋อร์ คือผู้ใด ?" เซียนขลุ่ยไว่ซิงถามทุกคน คำตอบที่ได้รับ คือการสั่นศีรษะกันหมด ยกเว้น ชุนเอ๋อร์ ผู้เป็นศิษย์สาวของจอมพิณ
"ข้าเคยได้ยินอาจารย์เล่าให้ฟังมาบ้าง นางคืออดีตคนรักของเขา"
"มิน่าเล่า..." เซียนขลุ่ยพยักหน้า "แม่นางจีเอ๋อร์ผู้นั้น ต้องมีความหมายกับเขาอย่างลึกซึ้ง เขาจึงได้เพ้อถึงนางเช่นนี้"
พูดจบ ทุกคนก็ได้ยินต้าหยงเพ้อออกมาอีก
"ชุนเอ๋อร์...ที่แท้เจ้า...ก็มีชายในดวงใจแล้วหรือนี่...อุ๊ฟฟ.." พร่ำเพ้อละเมอจบคำก็ไอสำลักคราหนึ่ง
คราวนี้ ทุกคนหันมามองศิษย์สาวของจอมพิณ โดยเฉพาะคุณชายหม่าลี่ซึ่งจ้องนางเขม็ง
"เอ่อ....คือว่า ข้า...คือ...."
อาการของคนทุกคน เล่นเอานางตั้งตัวแทบไม่ติด ต้องรีบตั้งสติ ก่อนจะอธิบายต่อ " คือว่า อันที่จริง จอมยุทธหยิว..." นางเปลี่ยนคำเรียกจอมพิณกลับไปเป็นเหมือนตอนต้นๆที่ได้รู้จักกัน " เขาเข้ามาสู่สมาคม 'เฉ่าซื่อหยิว' (อิสระแห่งต้นหญ้า) ซึ่งข้ากับคุณชายหม่าลี่อยู่ร่วมกันมาก่อนแล้ว จึงรู้จักข้า...และ..."
"และเขาชมชอบเจ้า" คุณชายหม่าลี่ช่วยต่อประโยคให้และจ้องนางตาไม่กะพริบ
"ใช่" นางพยักหน้า ตอนนี้นางไม่ประหม่าเคอะเขินอันใดแล้ว พร้อมจะอธิบายทุกเรื่องราว "เขากับข้าพูดคุยกันนานนับเดือน และวันหนึ่งเขาบอกกับข้า อย่างที่ท่านพูด" นางจ้องหน้าชายในดวงใจอย่างไม่สะทกสะท้าน "ข้าจึงบอกกับเขาไปว่า ข้ามีชายในดวงใจแล้ว และต่อมา ก็บอกว่าคือท่าน"
คุณชายหม่าลี่พยักหน้า ลอบโล่งอก เพราะคาดคิดว่าตนคงต้องลำบากแน่หากหญิงคนรักซึ่งกำลังพูดอยู่ข้างหน้าตนในขณะนี้เกิดมีใจให้กับจอมพิณ
"แล้วหลังจากนั้น ข้าก็ขอเขาว่า ตั้งแต่เขาเข้ามาในสมาคมเฉ่าซื่อหยิวของเรา เขาให้วิชาความรู้แก่ข้ามากมาย สมควรเป็นอาจารย์ แล้วข้าก็คุกเข่าคำนับเขาเป็นอาจารย์ เราจึงเป็นศิษย์กับอาจารย์กันเรื่อยมาจนบัดนี้"
"เข้าใจแล้ว" คุณชายหม่าลี่พยักหน้าอีกครั้ง และทุกๆคนที่เหลือก็เช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น ต้าหยงละเมอเพ้อออกมาอีก ทุกคนต้องหันไปมองจอมพิณอีกครั้ง
"แม่นางหลี่....ท่านไว่ซิงเป็นบุรุษผู้มีน้ำใจประเสริฐ ท่านสมควรใส่ใจเขาให้มาก..."
หญิงชายทั้งสองคนผู้ถูกละเมอถึงมองหน้ากัน แล้วฝ่ายหลังก็ส่ายหน้าช้าๆ
"เขาห่วงใยผู้อื่นยิ่งกว่าตนเองเสียอีก"
"ใช่..." หลี่ฮวากล่าวสนับสนุน "และ...ดูเหมือนว่า หลังจากสตรีนามว่าจีเอ๋อร์จากไป เขาพยายามแสวงหาใครสักคนมาแทนที่นางอยู่"
"แต่ยังไม่พบใครเลย หลังจากนางผู้เป็นที่รักคนนั้นจากไป" อากวางแฝดผู้น้องกล่าวเสริม
ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันอยู่นั่นเอง สตรีอาภรณ์แดงนางหนึ่งก็ก้าวเดินเข้ามาในห้อง สองมือประคองหม้อยาขนาดย่อม ครั้นมาถึงโต๊ะที่ทุกคนนั่งกันอยู่ก็กล่าวทักทาย
"ทุกท่าน ขออภัยที่รบกวน"
ทุกคนหันมามอง แล้วก็ต้องแปลกใจ เปล่งเสียงเรียกชื่อนางพร้อมกัน
"ซูฮูหยิน !!!"
นางพยักหน้ายิ้มๆ
"มิผิด เป็นข้าเอง ข้าบังเอิญได้ข่าวว่าจอมยุทธหยิวไม่สบาย จึงปรุงยามาให้" นางยื่นหม้อยาออกไป "นี่คือ โสมจากประเทศเกาหลีชั้นดี ผสมน้ำผึ้งหยกและบัวหิมะ เป็นสูตรตำรับยาประจำตระกูลของข้าโดยเฉพาะ มันจะช่วยลดไข้ และฟื้นฟูพละกำลัง ไม่เกินสองวัน อาจารย์หยิวก็จะหายดีกลับมาเป็นปกติ ท่านใดก็ได้ โปรดรับไว้ให้เขารับประทานเถิด"
ทุกคนกล่าวขอบคุณนางด้วยความดีใจและซาบซึ้ง ชุนเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนรับหม้อยามาแล้วกล่าว
"อาจารย์คงดีใจและประทับใจท่านมาก ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ลำบากท่านจริงๆ ท่านปรุงยาเองและถึงกับมาด้วยตนเองถึงที่นี่"
"มิเป็นไร แม่นางชุน ไม่ลำบากเลย" ซูฮูหยินตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส "ข้าเต็มใจทำให้เขา เขาเป็นผู้หนึ่งที่เคยรจนาบทกวีร่วมกับมิตรสหายในเมืองนี้ แล้วก็เป็นหนึ่งในยอดนักกวีที่ได้ผ่านเข้ารอบจากงานชุมนุม"
"ดีจังเลย!" ศิษย์สาวของจอมพิณปรบมือด้วยความชอบใจ ทำให้ซูฮูหยินยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
"เขาอุตส่าห์พาตนเองเข้ารอบไปได้ ข้าก็ต้องช่วยเร่งให้เขาหายป่วย จะได้อ่านบทกวีของเขาในรอบสุดท้าย ถ้าขาดเขาไปก็จะน่าเสียดาย" กล่าวแล้วซูฮูหยินก็เหลียวไปมองจอมพิณซึ่งกำลังหลับสนิท ก่อนจะหันมาประสานมือ กล่าวอำลาทุกคน
"ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว มีงานที่ต้องไปตระเตรียม อย่าลืมให้อาจารย์หยิวดื่มน้ำโสมให้หมด แล้วพบกันใหม่"
ทุกคนลุกขึ้นยืน ประสานมือคารวะตอบกล่าวพร้อมกัน
"แล้วพบกันใหม่"
*************************************************************************************************************
1 สัปดาห์ผ่านพ้นไป...
หยิวต้าหยง หายจากอาการป่วยไข้เป็นปกติภายในสองวันเท่านั้นดังที่ซูฮูหยินได้บอกไว้ก่อนหน้า และงานชุมนุมกวีซ่อนลีลาจบลงไปแล้วด้วยความเรียบร้อย โดยยอดนักกวีผู้ชนะลำดับที่หนึ่ง ได้แก่กวีหญิงสาวนามว่า หม่านยเว่ (จันทรเพ็ญ) และอีกหนึ่งตำแหน่งสำหรับผู้ทายชื่อได้ถูกต้องมากที่สุดมีชื่อว่า "เสี้ยวซิน" (ใจยิ้ม) และดูเหมือนมีทีท่าว่าจะมีงานชุมนุมครั้งที่สองในอนาคตอันใกล้
สองพี่น้องฝาแฝด อาเป่าและอากวาง เดินทางกลับธิเบตไปแล้ว ส่วนคนที่เหลือ คือ ต้าหยง ชุนเอ๋อร์ คุณชายหม่าลี่ เซียนขลุ่ยไว่ซิง และหลี่ฮวา ยังคงอยู่ในเจียงซีต่อไป
และขณะนี้ ทุกคนกำลังเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาหลูซานอันหนาวเหน็บและปกคลุมด้วยหมอกขาว เพื่อส่งจอมพิณขึ้นไปฝึกวิชาของแม่ชีไร้กังวล และคอยดูแลช่วยเหลือ หากมีเหตุการณ์ใดไม่คาดฝันอันจะเป็นอุปสรรคเกิดขึ้น
ต้าหยงเลือกได้ถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดเขาเป็นที่ฝึกวิชา เขาให้ชุนเอ๋อร์และคุณชายหม่าลี่อยู่เป็นเพื่อนในถ้ำ มอบม้วนกระดาษเคล็ดวิชาที่แม่ชีไร้กังวลเขียนไว้ให้ศิษย์สาวอ่านข้อความให้ฟัง ส่วนเซียนขลุ่ยและหลี่ฮวาคอยอยู่ระวังภัยด้วยกันข้างนอก
ชุนเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างกองไฟซึ่งคุณชายหม่าลี่เพิ่งก่อเสร็จแล้วมานั่งอยู่เคียงข้าง นางเริ่มอ่านข้อความแรก หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปสองชั่วยาม ในขณะที่จอมพิณนั่งขัดสมาธิบนแผ่นหินดาดก้อนหนึ่ง
" บทที่หนึ่ง โคถึกดิ้นรน แต่ไปไหนไม่ได้ เพราะถูกผูกมัดไว้กับเสา จำต้องนอนอิงเสานั้นเรื่อยไป...จงเอาเยี่ยงอย่างมันเถิด! หากสำเร็จ ค่อยฝึกขั้นที่สอง"
ต้าหยงนึกทบทวนทุกถ้อยคำ แล้วเริ่มกำหนดจิตให้เป็นสมาธิ อย่างที่เคยได้เรียนมาจากแม่ชีผู้เป็นอาจารย์ ไม่นานนัก จิตของจอมพิณก็นิ่ง คำสอนของอาจารย์เริ่มหวนกลับเข้ามาในมโนทวาร ดุจได้ยินอยู่ ณ กาลปัจจุบัน และเหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้งกำลังฝึกวิชาสมาธิกับอาจารย์ ก็ปรากฏแจ่มแจ้งในมโนทวารอีกเช่นกัน เหมือนว่ากำลังนั่งชมศิษย์กับอาจารย์สองคนอยู่ต่อหน้าฉะนั้น
"จิตใจมนุษย์ เป็นสภาพกลับกลอก เปลี่ยนแปรได้ทุกขณะ เพราะมันชมชอบที่จะท่องเที่ยวเรื่อยไปอย่างไร้จุดหมาย จงผูกมันไว้ด้วยการระลึกถึงพระพุทธองค์ ออมี- (อมิต-) หายใจเข้า...-ทอฝู (-ตพุทธ) หายใจออก เอาจิตผูกไว้เช่นนี้เรื่อยไป เบื้องต้น จิตของเจ้าจะกระสับกระส่ายดิ้นรน เหมือนโคถึกซึ่งดิ้นรนจะให้หลุดพ้นจากพันธนาการ .... จงคอยเฝ้าดูจิตของตนไว้ ยามใดที่เผลอไผลเตลิดออกไปจากตัว จงรีบฉุดรั้งดึงกลับมา ภาวนา อมิตตพุทธ เรื่อยไป กำหนดลมหายใจเข้าและลมหายใจออกไปพร้อมกัน ต่อเมื่อใด ใจของเจ้านิ่งสงบ เหมือนโคถึกตัวนั้นซึ่งไปไหนไม่ได้ มันจึงหมอบลง แอบอิงเสา หลับไป เจ้าก็เลิกภาวนาเสีย พึงใช้ดวงตาภายใน จับตาดูลมหายใจ เมื่อมันกำลังเข้า ก็รู้ว่า กำลังเข้า เมื่อมันกำลังออก ก็รู้ว่า กำลังออก เรื่อยไป หากเกิดนิมิตรเช่นไร อย่าได้ใส่ใจ อย่าได้เพ่งมอง ปล่อยให้มันเกิด ปล่อยให้มันเป็นไป ...."
ศิษย์คนนั้น นั่งนิ่งอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งได้ยินเสียงอาจารย์ถามมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเปี่ยมเมตตา
"เจ้าพร้อมหรือยัง ?"
เขาเอ่ยปากตอบเบาๆ... "ข้าพร้อมแล้วครับ ท่านยาย..."
ฉับพลัน ท่านยายผู้เป็นอาจารย์ ก็โยนตะเกียบกำมือหนึ่งเข้าใส่ลูกศิษย์ !
เขายกสองมือไขว่คว้ารับตะเกียบเอาไว้ได้หมด ทั้งที่ยังหลับตา !!!
แล้วภาพนั้นก็หายไป....จอมพิณเอ่ยปากขึ้นมาทันใด
"ชุนเอ๋อร์ เจ้าเตรียมตะเกียบเอาไว้แล้วใช่ไหม ?"
"เตรียมไว้พร้อมแล้วค่ะ ท่านอาจารย์" ศิษย์สาวตอบ
"จงโยนตะเกียบทั้งหมดใส่ข้า!"
ครั้นได้ยินคำสั่ง ศิษย์สาวรวบตะเกียบทั้งหมดออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ แล้วโยนเข้าใส่อาจารย์ผู้นั่งนิ่งอยู่ทันที !
ต้าหยงหลับตา สองมือคว้าจับรับเอาตะเกียบไว้ได้ครบหมดเช่นเดียวกัน !!!
ชุนเอ๋อร์และคุณชายหม่าลี่ ได้ยินจอมพิณสั่งมาอีกครา
"เจ้าสองคน ช่วยกันปาก้อนหินหรือก้อนกรวดใส่ข้าเถิด ไม่ต้องยั้งมือ ต่อเมื่อข้าลุกขึ้นยืนจึงค่อยหยุด!"
สองหนุ่มสาวมองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วต่างคนต่างก้มลงหยิบก้อนกรวดบ้างก้อนหินบ้าง ระดมปาใส่ตัวต้าหยงซึ่งยังคงนั่งหลับตาสงบนิ่ง !!
ทั้งสอง เห็นจอมพิณใช้สองมือปัดป่ายก้อนหินก้อนกรวดทุกก้อนพ้นไปจากตัวได้ทั้งหมด ดุจปัดใบไม้ใบหญ้าก็ปานกัน !!!
ครู่หนึ่ง ต้าหยงก็ลุกขึ้นยืน ปัดก้อนหินก้อนกรวดกลุ่มสุดท้ายออกไป พร้อมกับที่สองหนุ่มสาวหยุดมือด้วยความเหน็ดเหนื่อย คุณชายหม่าลี่ถึงกับปาดเหงื่อบนหน้าผาก ชุนเอ๋อร์หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อทั้งใบหน้าและรอบลำคอ แต่สำหรับต้าหยง ไม่มีเหงื่อปรากฏเลย !!!
"ชุนเอ๋อร์..." จอมพิณร้องเรียกศิษย์สาว
"ข้าอยู่นี่ ท่านอาจารย์"
"เจ้าไปเชิญท่านไว่ซิงเข้ามาเถิด บอกเขาให้เข้ามาเพียงคนเดียว และนำขลุ่ยของเขาเข้ามาด้วย ส่วนเจ้ากับคุณชายหม่าลี่ จงอยู่ข้างนอกกับแม่นางหลี่ฮวา เตรียมอุดหูของพวกเจ้าด้วย!"
"ได้ค่ะท่านอาจารย์" นางพยักหน้าประสานมือคำนับพร้อมกับคุณชายหม่าลี่ แล้วทั้งสองก็หมุนตัวเดินออกไปนอกถ้ำ
ครู่หนึ่ง เซียนขลุ่ยก็เข้ามาหาแล้วเอ่ยถาม
"ท่านต้องการให้ข้ารับใช้สิ่งใดหรือ จอมยุทธหยิว ?"
จอมพิณยิ้ม ก่อนจะกล่าวตอบ
"ท่านไว่ซิง ข้าว่า ท่านเลิกเรียกข้าว่า 'จอมยุทธ' เสียทีเถิด ฟังดูห่างเหินนัก"
เซียนขลุ่ยหัวเราะ แล้วถาม
"แล้วท่านจะให้ข้าเรียกท่านเช่นไร ?"
"เรียกข้าว่า ต้าหยง ธรรมดาๆ เฉกเช่นสหายของข้า อย่างอาเป่าและอากวางเถิด" เขาตอบยิ้มๆ
ไว่ซิงส่ายหน้าช้าๆ
"ข้ายังอยากจะเรียกท่านโดยมีความเคารพนับถืออยู่บ้าง เช่นนี้เถิด....ให้ข้าเรียกท่านว่า 'พี่หยง' ก็แล้วกัน หวังว่าท่านคงมิขัดข้อง"
จอมพิณพยักหน้า แล้วถามเซียนขลุ่ยบ้าง
"ข้าเข้าใจว่า นาม 'ไว่ซิง' (ต่างดาว) ของท่าน คงเป็นฉายาหรือนามแฝง ท่านสมควรมีนามเดิม พอจะบอกข้าได้หรือไม่ ?"
เซียนขลุ่ยหัวเราะอีกครั้งอย่างชอบใจ
"ได้สิพี่หยง จะเป็นไรไปเล่า ชื่อแซ่เดิมของข้าคือ เฉิงจี*"
"ประเสริฐแท้!!" จอมพิณอุทานด้วยความยินดี "อย่างนั้น ข้าขอเรียกท่านว่า 'พี่จี' นับแต่นี้เป็นต้นไป"
"จะดีหรือนี่ ? ท่านจะไม่ตะขิดตะขวงใจกับคำว่า 'จี' หรือ ?" ไว่ซิงหรือเฉิงจีถามด้วยความเป็นห่วง เพราะคำว่า "จี" นี้ มีเสียงพ้องกับ "จี"** ซึ่งเป็นชื่อนางในดวงใจของจอมพิณ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* เฉิงจี = 成 機 แปลรวมทั้งชื่อแซ่ว่า ผู้มีโอกาสสำเร็จ
** จี = 雞 ซึ่งมาจากชื่อ จีเอ๋อร์ แปลว่า ไก่