เนื่องจากบริษัทของจขกท. จะเลิกจ้างพนักงานส่วนหนึ่ง สิ้นเดือนกค. นี้ และไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ทางบริษัทแจ้งว่าจะจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานเป็นจำนวน 1 เท่า, 3 เท่า, 6 เท่า ตามอายุงาน แต่จะไม่มีค่าตกใจ (ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า) ให้ และยังขอประนีประนอมจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายเป็นสิ้นเดือน สค. ซึ่งตามกฎหมายแล้วเงินค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าชดเชยเลิกจ้าง ฯลฯ จะต้องจ่ายไม่เกิน 7 วันหลังจากเลิกจ้าง หากผิดชำระจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับลูกจ้างร้อยละ 15 ทุก 7 วัน ( อันนี้ไม่แน่ใจว่าใช่มั้ย)
สรุปว่าสิ้นเดือนนี้ จขกท. และเพื่อนๆจะได้รับแค่เงินเดือนของเดือน กค. ส่วนเงินชดเชยเลิกจ้างรอรับสิ้นเดือน สค. ไม่ได้ค่าตกใจ ไม่ได้ดอกเบี้ยล่าช้า และมีหนังสือมาให้เซ็นต์ยินยอม และในหนังสือระบุว่าจะไม่มีการฟ้องร้องบริษัท
ซึ่งพนักงาน 30 กว่าคนเห็นด้วยและกำลังจะลงชื่อกันในเร็วๆนี้ ส่วน จขกท. ไม่เห็นด้วย ต้องการทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถึงแม้ว่าจะได้เงินชดเชยตามอายุงานเพียงแค่ 3 เท่า ซึ่งบางคนได้ 6 เท่าก็ยินยอมเซ็นต์ไม่เอาค่าตกใจ+ดอกเบี้ย
ซึ่งตอนนี้ จขกท. ถูกเพื่อนร่วมงานด้วยกันประนามว่าเห็นแก่ตัว ซึ่งจขกท. เริ่มจะท้อ ตอนนี้เรื่องยังไม่ไปถึงไหน แต่ถ้าหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น จขกท. ปรึกษาเพื่อนที่เป็นทนาย เพื่อนบอกว่าศาลแรงงานเข้าข้างแรงงานอยู่แล้ว ฟ้องชนะแน่นอน แต่จะได้เงินช้า-เร็ว ก็อยู่ที่บริษัทไกล่เกลี่ยอีกที ได้ข้อมูลมาตามนี้ พอแจ้งไปเพื่อนร่วมงานไป นึกว่าจะได้ฟีดแบ็คที่ดีและได้แนวร่วมในการฟ้อง แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนก็กล่าวโทษจขกท. ว่า จขกท. เป็นต้นเหตุให้ได้เงินช้า
เป็นผลให้บอสลงมากดดันจขกท. บอสให้เหตุผลว่า...
"ตัวผมเองก็ยอมเสียค่าตกใจ 1 เท่า+ดอกเบี้ย ซึ่งไม่ใช่เงินน้อยๆเหมือนของคุณ ( จขกท.เงินเดือน 15,000 เอง ) แต่ก็ยอมทิ้งเงินตรงนั้นเพื่อส่วนรวม เพราะพนักงานทุกคนเหนื่อยล้ากันมามากแล้ว ทุกคนอยากให้บริษัทรีบจบ เซ็นต์ยินยอมรับเงินเพื่อไปต่อข้างหน้า ไม่มีใครอยากขึ้นโรงขึ้นศาล เสียเวลากันเปล่าๆ ถ้าขึ้นศาลเรื่องจะก็ยืดเยื้อ และคุณต้องเข้าใจนะว่าทุกคนมีภาระ ต้องใช้เงิน ไม่เหมือนคุณที่มีธุรกิจที่บ้าน ( ธุรกิจเล็กๆ ของพ่อกับแม่จขกท. อธิบายไปแล้วว่ารายได้ต่อเดือนแค่พอเลี้ยงตัวท่านทั้ง 2 เท่านั้น ) คุณมีคนซัพพอร์ต คุณไม่เดือดร้อนอะไร ( มาถึงตรงนี้จขกท. โมโหมากกกก ) มีเวลาว่างมากพอจะไปตามศาลนัด คิดถึงใจของคนส่วนรวมบ้าง คุณดื้อรั้นจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่คุณอย่าลืมว่าคุณอยู่ในสังคม เรื่องบางเรื่องก็ต้องมองข้ามแล้วทำตามกฎเกณฑ์ของ่คนในสังคมบ้าง ผมยังยอมเลย ทำไมคุณถึงเห็นแก่ตัวแล้วทำให้คนอืนเดือดร้อนไปด้วย...."
จขกท. เล่าให้เพื่อนที่เป็นทนายฟัง เพื่อนตอบว่า "อย่าทิ้งสิทธิของเรา อย่ายอมให้บริษัทและเสียงส่วนรวมกดขี่และทำให้เราเสียเงินส่วนที่ควรจะได้ และทิ้งท้ายว่า... คนในบริษัทเธอตรรกกะป่วยมากเลยนะ เธอทำถูกแล้วแต่กลับมากล่าวหาเธอแบบนี้ ยิ่งยอมไม่ได้"
จขกท. เลยจะมาถามความเห็นว่าควรทำยังไง ทนสู้รับคำต่อว่า คำด่า แล้วเดินหน้าฟ้องร้องตามกฎหมายดีไหม
* หากใครคิดว่า จขกท. ควรทำตามกฎหมาย จขกท. ก็จะขอกำลังใจจากทุกคนด้วยค่ะ // ขอบคุณค่ะ
** หากใครไม่เห็นด้วย ยินดีรับฟังคำแนะนำค่ะ จะนำไปเป็นตัวช่วยการตัดสินใจอีกครั้ง
ทำยังไงดี เมื่อโดนเลิกจ้างแล้วต้องการรักษาสิทธิเงินเลิกจ้างตามกฎหมาย แต่กลับถูกด่าว่าเห็นแก่ตัว
สรุปว่าสิ้นเดือนนี้ จขกท. และเพื่อนๆจะได้รับแค่เงินเดือนของเดือน กค. ส่วนเงินชดเชยเลิกจ้างรอรับสิ้นเดือน สค. ไม่ได้ค่าตกใจ ไม่ได้ดอกเบี้ยล่าช้า และมีหนังสือมาให้เซ็นต์ยินยอม และในหนังสือระบุว่าจะไม่มีการฟ้องร้องบริษัท
ซึ่งพนักงาน 30 กว่าคนเห็นด้วยและกำลังจะลงชื่อกันในเร็วๆนี้ ส่วน จขกท. ไม่เห็นด้วย ต้องการทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถึงแม้ว่าจะได้เงินชดเชยตามอายุงานเพียงแค่ 3 เท่า ซึ่งบางคนได้ 6 เท่าก็ยินยอมเซ็นต์ไม่เอาค่าตกใจ+ดอกเบี้ย
ซึ่งตอนนี้ จขกท. ถูกเพื่อนร่วมงานด้วยกันประนามว่าเห็นแก่ตัว ซึ่งจขกท. เริ่มจะท้อ ตอนนี้เรื่องยังไม่ไปถึงไหน แต่ถ้าหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น จขกท. ปรึกษาเพื่อนที่เป็นทนาย เพื่อนบอกว่าศาลแรงงานเข้าข้างแรงงานอยู่แล้ว ฟ้องชนะแน่นอน แต่จะได้เงินช้า-เร็ว ก็อยู่ที่บริษัทไกล่เกลี่ยอีกที ได้ข้อมูลมาตามนี้ พอแจ้งไปเพื่อนร่วมงานไป นึกว่าจะได้ฟีดแบ็คที่ดีและได้แนวร่วมในการฟ้อง แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนก็กล่าวโทษจขกท. ว่า จขกท. เป็นต้นเหตุให้ได้เงินช้า
เป็นผลให้บอสลงมากดดันจขกท. บอสให้เหตุผลว่า...
"ตัวผมเองก็ยอมเสียค่าตกใจ 1 เท่า+ดอกเบี้ย ซึ่งไม่ใช่เงินน้อยๆเหมือนของคุณ ( จขกท.เงินเดือน 15,000 เอง ) แต่ก็ยอมทิ้งเงินตรงนั้นเพื่อส่วนรวม เพราะพนักงานทุกคนเหนื่อยล้ากันมามากแล้ว ทุกคนอยากให้บริษัทรีบจบ เซ็นต์ยินยอมรับเงินเพื่อไปต่อข้างหน้า ไม่มีใครอยากขึ้นโรงขึ้นศาล เสียเวลากันเปล่าๆ ถ้าขึ้นศาลเรื่องจะก็ยืดเยื้อ และคุณต้องเข้าใจนะว่าทุกคนมีภาระ ต้องใช้เงิน ไม่เหมือนคุณที่มีธุรกิจที่บ้าน ( ธุรกิจเล็กๆ ของพ่อกับแม่จขกท. อธิบายไปแล้วว่ารายได้ต่อเดือนแค่พอเลี้ยงตัวท่านทั้ง 2 เท่านั้น ) คุณมีคนซัพพอร์ต คุณไม่เดือดร้อนอะไร ( มาถึงตรงนี้จขกท. โมโหมากกกก ) มีเวลาว่างมากพอจะไปตามศาลนัด คิดถึงใจของคนส่วนรวมบ้าง คุณดื้อรั้นจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่คุณอย่าลืมว่าคุณอยู่ในสังคม เรื่องบางเรื่องก็ต้องมองข้ามแล้วทำตามกฎเกณฑ์ของ่คนในสังคมบ้าง ผมยังยอมเลย ทำไมคุณถึงเห็นแก่ตัวแล้วทำให้คนอืนเดือดร้อนไปด้วย...."
จขกท. เล่าให้เพื่อนที่เป็นทนายฟัง เพื่อนตอบว่า "อย่าทิ้งสิทธิของเรา อย่ายอมให้บริษัทและเสียงส่วนรวมกดขี่และทำให้เราเสียเงินส่วนที่ควรจะได้ และทิ้งท้ายว่า... คนในบริษัทเธอตรรกกะป่วยมากเลยนะ เธอทำถูกแล้วแต่กลับมากล่าวหาเธอแบบนี้ ยิ่งยอมไม่ได้"
จขกท. เลยจะมาถามความเห็นว่าควรทำยังไง ทนสู้รับคำต่อว่า คำด่า แล้วเดินหน้าฟ้องร้องตามกฎหมายดีไหม
* หากใครคิดว่า จขกท. ควรทำตามกฎหมาย จขกท. ก็จะขอกำลังใจจากทุกคนด้วยค่ะ // ขอบคุณค่ะ
** หากใครไม่เห็นด้วย ยินดีรับฟังคำแนะนำค่ะ จะนำไปเป็นตัวช่วยการตัดสินใจอีกครั้ง