“บริหารงานแบบร้านขายข้าวแกง”
ร้านข้าวแกงมีวิธีการบริหารงานที่มีเสน่ห์น่าสนใจค่อนข้างมากถ้าลองสังเกตกันอยู่ ก่อนที่คุณจะสั่งอาหาร คุณจะเห็นแกงหม้อใหญ่อยู่หนึ่งหรือสองหม้อ หมายความว่า ถ้าแกงแบบไหนขายดี ร้านก็จะทำออกมาขายมากหน่อย เพราะมีคนสั่งทานกันเป็นประจำ ขายหมดแน่นอน เช่นเดียวกัน หากในเวลานี้ สินค้ารายการไหน แบบไหน ที่คุณยังสามารถขายได้ดี ก็ให้ผลิตออกมาขายมากหน่อย แต่หากสินค้าไหนมีคนถามหาน้อย สั่งน้อย ก็ให้ผลิตออกมาแค่พอดีขาย ของหมดปล่อยหมด ไม่ต้องเผื่อ ลดความเสี่ยงเรื่องของเหลือ
และถ้าเป็นช่วงเทศกาล มีลูกค้ามากกว่าช่วงเวลาปกติ ก็อาจรับสินค้าประเภทอื่นเข้ามาขายเพิ่มขึ้น เช่น ขนมหวาน, ของฝากซื้อติดมือกลับบ้าน ก็เป็นการเพิ่มยอดขายง่ายๆ โดยไม่ต้องเพิ่มกำลังการผลิต ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
นอกจากนี้ยังสามารถรับสั่งข้าวกล่อง, งานเลี้ยง, Event ที่เป็นงานขายในช่วงเวลาพิเศษ โดยร้านค้าอาจจะตั้งเป็น Menu พิเศษ ขึ้นมานอกเหนือจาก Menu ปกติของทางร้าน แล้วตั้งราคาขายแบบเหมารวมที่สูงขึ้นมาหน่อย เพิ่มบริการอีกนิด เพื่อความประทับใจของลูกค้า โดยส่วนต่างกำไรที่เพิ่มขึ้นมา ก็ให้เป็น Intensive พิเศษกับพนักงานที่ทำงาน เพื่อผูกใจเขาให้อยู่กับเราได้
รวมๆแล้วการบริหารงานในลักษณะนี้ จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างยอดขาย กำไร การลงทุน ความพอใจของพนักงาน และ รักษาฐานลูกค้าประจำให้อยู่กับเราไปนานๆ โดยไม่ต้องอัดฉีดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาจนเกินความจำเป็น แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังคงต้องรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการให้ได้ดีที่สุด
ร้านค้า เจ้าของสินค้า SMEs ทุกท่าน ลองไปประยุกต์ใช้กันดูนะครับ เป็นวิธีการประคองตัวเอาตัวรอด ในสภาพการค้าการขายแบบนี้ เขียนมาฝากกันครับ
“บริหารงานแบบร้านขายข้าวแกง”
ร้านข้าวแกงมีวิธีการบริหารงานที่มีเสน่ห์น่าสนใจค่อนข้างมากถ้าลองสังเกตกันอยู่ ก่อนที่คุณจะสั่งอาหาร คุณจะเห็นแกงหม้อใหญ่อยู่หนึ่งหรือสองหม้อ หมายความว่า ถ้าแกงแบบไหนขายดี ร้านก็จะทำออกมาขายมากหน่อย เพราะมีคนสั่งทานกันเป็นประจำ ขายหมดแน่นอน เช่นเดียวกัน หากในเวลานี้ สินค้ารายการไหน แบบไหน ที่คุณยังสามารถขายได้ดี ก็ให้ผลิตออกมาขายมากหน่อย แต่หากสินค้าไหนมีคนถามหาน้อย สั่งน้อย ก็ให้ผลิตออกมาแค่พอดีขาย ของหมดปล่อยหมด ไม่ต้องเผื่อ ลดความเสี่ยงเรื่องของเหลือ
และถ้าเป็นช่วงเทศกาล มีลูกค้ามากกว่าช่วงเวลาปกติ ก็อาจรับสินค้าประเภทอื่นเข้ามาขายเพิ่มขึ้น เช่น ขนมหวาน, ของฝากซื้อติดมือกลับบ้าน ก็เป็นการเพิ่มยอดขายง่ายๆ โดยไม่ต้องเพิ่มกำลังการผลิต ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
นอกจากนี้ยังสามารถรับสั่งข้าวกล่อง, งานเลี้ยง, Event ที่เป็นงานขายในช่วงเวลาพิเศษ โดยร้านค้าอาจจะตั้งเป็น Menu พิเศษ ขึ้นมานอกเหนือจาก Menu ปกติของทางร้าน แล้วตั้งราคาขายแบบเหมารวมที่สูงขึ้นมาหน่อย เพิ่มบริการอีกนิด เพื่อความประทับใจของลูกค้า โดยส่วนต่างกำไรที่เพิ่มขึ้นมา ก็ให้เป็น Intensive พิเศษกับพนักงานที่ทำงาน เพื่อผูกใจเขาให้อยู่กับเราได้
รวมๆแล้วการบริหารงานในลักษณะนี้ จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างยอดขาย กำไร การลงทุน ความพอใจของพนักงาน และ รักษาฐานลูกค้าประจำให้อยู่กับเราไปนานๆ โดยไม่ต้องอัดฉีดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาจนเกินความจำเป็น แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังคงต้องรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการให้ได้ดีที่สุด
ร้านค้า เจ้าของสินค้า SMEs ทุกท่าน ลองไปประยุกต์ใช้กันดูนะครับ เป็นวิธีการประคองตัวเอาตัวรอด ในสภาพการค้าการขายแบบนี้ เขียนมาฝากกันครับ