สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
เศรษฐกิจไม่ดีจริงๆแหละ
คนไปเดินห้าง เดินตลาดนัดนะ แต่ไม่ซื้อ
จำนวนผู้ขายเยอะขึ้นทุกวัน ใครๆก็ขายของ การเข้าถึงแหล่งค้าส่งง่ายขึ้นมากกกกกกกกก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่รู้กันในวงจำกัด
อ่อ อีกอย่างนะ สมัยก่อนมันจะมีค่านิยมที่ว่าคนเป็นพ่อค้าแม่ค้า ลำบาก น่าอาย โดนดูถูก มักถูกมองว่าเป็นคนการศึกษาน้อยไม่รู้จะทำงานอะไรเลยมาขายของ การทำงานกินเงินเดือนหรือรับราชการถูกมองว่าโก้เก๋ได้รับสายตาชื่นชมดูดีมีเครดิต แต่สมัยนี้น่ะเหรอ คนขายปัญญาชนทั้งนั้น บางคนเรียนจบก็มาขายของข้างมหาลัยนี่แหละ ไม่ก็เปิดร้าน บัณฑิตจบใหม่ก้าวเข้าสู่แวดวงมนุษย์เงินเดือนน้อยลง เพราะเป็นเด็กเจนวาย รักอิสระ ไม่ชอบถูกบังคับบัญชา ก็เลยเห็นคนขายของเยอะมากกกกกกกอย่างทุกวันนี้
ยิ่งอีกสัก5ปีนะ รับรองว่าคนขายของเฟ้อกว่านี้อีกเพราะเด็กจบใหม่ทุกปี ก็ต้องดิ้นรนหารายได้ด้วยตัวเองโดยทำอะไรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความเป็นอิสระไม่เป็นลูกน้องใคร จะมีอะไรหล่ะก็ขายของนี่แหละ ทางไอจี เฟสบุ๊ค มีถมถืดดดด แย่งลูกค้ากันเอง
คนไปเดินห้าง เดินตลาดนัดนะ แต่ไม่ซื้อ
จำนวนผู้ขายเยอะขึ้นทุกวัน ใครๆก็ขายของ การเข้าถึงแหล่งค้าส่งง่ายขึ้นมากกกกกกกกก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่รู้กันในวงจำกัด
อ่อ อีกอย่างนะ สมัยก่อนมันจะมีค่านิยมที่ว่าคนเป็นพ่อค้าแม่ค้า ลำบาก น่าอาย โดนดูถูก มักถูกมองว่าเป็นคนการศึกษาน้อยไม่รู้จะทำงานอะไรเลยมาขายของ การทำงานกินเงินเดือนหรือรับราชการถูกมองว่าโก้เก๋ได้รับสายตาชื่นชมดูดีมีเครดิต แต่สมัยนี้น่ะเหรอ คนขายปัญญาชนทั้งนั้น บางคนเรียนจบก็มาขายของข้างมหาลัยนี่แหละ ไม่ก็เปิดร้าน บัณฑิตจบใหม่ก้าวเข้าสู่แวดวงมนุษย์เงินเดือนน้อยลง เพราะเป็นเด็กเจนวาย รักอิสระ ไม่ชอบถูกบังคับบัญชา ก็เลยเห็นคนขายของเยอะมากกกกกกกอย่างทุกวันนี้
ยิ่งอีกสัก5ปีนะ รับรองว่าคนขายของเฟ้อกว่านี้อีกเพราะเด็กจบใหม่ทุกปี ก็ต้องดิ้นรนหารายได้ด้วยตัวเองโดยทำอะไรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความเป็นอิสระไม่เป็นลูกน้องใคร จะมีอะไรหล่ะก็ขายของนี่แหละ ทางไอจี เฟสบุ๊ค มีถมถืดดดด แย่งลูกค้ากันเอง
ความคิดเห็นที่ 74
อีกมุมหนึ่งนะครับ..เพราะตอนนี้"คนขายของ" มากกว่า "คนซื้อ" เพราะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี และโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด... เอาง่ายๆ "คน80%ในสังคมที่ถือครองทรัพย์สิน 20%ของสังคมนั้น" กำลัง "ตายอย่างช้าๆ"
มีอีกเรื่องที่จะนำความสยดสยองมาให้กับพวกหนุ่มๆสาวๆ เช่นพวกท่าน... นอกจากเศรษฐกิจไม่ดีแล้ว ระบบการจ้างงานทั่วโลกก็เริ่มเปลี่ยนไป..เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีด้วย..ก็คือ บริษัทต่างๆมีการใช้คนน้อยลง เช่นเมื่อก่อนฝ่าย operation/Supply Chain Management ใช้คน30-50คนในการวางแผนการผลิตและติดต่อสื่อสารต่างๆ แต่เดี๋ยวนี้ใช้คนน้อยลงเพราะ
-บีบให้พนักงานทำงานหลายตำแหน่งขึ้น ปริมาณงานมากขึ้น
-มีการรวมศูนย์ order management & demand planing อาจจะอยู่ในบริษัทแม่ ส่ง plan load มาให้ supply planning ดูแลจัดสรรทรัพยากรการผลิต ซึ่งเป็นการลดการซ้ำซ้อนของงาน
-ระบบ ERP ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ครอบคลุมการทำงานได้ทั้งองค์กร ทำงานได้รวดเร็วขึ้นหลากหลายขึ้นแต่ใช้คนทำงานลดลง
-การใช้หุ่นยนต์ที่เข้ามาทนแทนแรงงานการผลิต จากสายการผลิต1สายที่ใช้คน 160คน..ตอนนี้เหลือ 120คน ถ้าใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น ก็จะลดคนลงอีก... (แล้วจะไปทำอะไรกิน วุ๊ย..)
-ไซต์งานก่อสร้างที่เมื่อก่อนใช้คนเหยียบร้อย.. ตอนนี้หลังบ้านผม..ไซต์ก่อสร้างใหญ่พอสมควร..ใช้รถขุดรถตัก 3-4คัน กับคนไม่ถึง 15คนสำหรับงานฐานราก... ใช้คนน้อยแถมงานเสร็จเร็วด้วย..โอ๊....)
แผนกอื่นๆ ก็เจอ.. เช่น HR รวมศูนย์ในฟิลลิปปินส์ IT support นั่งอยู่อินเดีย ไฟแนนซ์ตัวเต็มนั่งที่สิงค์โปร์ ในประเทศต่างๆที่เป็นฐานการผลิตก็ไม่ต้องมีกลุ่มคนเหล่านี้...
และอื่นๆ อีกมากมาย..
ความสยดสยองก็คือ ในภาพรวมของบริษัททั้งบริษัทหรือองค์กรที่อาจจะต้องมีพนักงาน 300 คน(รวมฝ่ายขายทั่วไทย) หลังจากใช้ระบบเหล่านี้ก็อาจจะใช้คนเหลือ 200คนเท่านั้น หรือน้อยกว่านี้..
หรืออย่างธุรกิจธนาคาร..ที่เมื่อก่อนเปิดสาขาเป็นตึกตามถนน..ก็ได้รุกเข้ามาในห้างสรรพสินค้าทำได้ทุกอย่างเหมือนสาขาปรกติ แต่เข้าถึงเป้าหมายได้ดีกว่า รวดเร็วคล่องตัวกว่า.. แต่ แต่..แต่ละสาขาใช้พนักงานแค่ 5-7คน(หรือน้อยกว่า) ในขณะที่สาขาที่เป็นตึกใช้คน 10กว่าคนขึ้นไป.. ซึ่งเราก็เห็นแบบนี้มาเป็น 10ๆ ปีแล้ว...
และได้ข่าวว่า ในวงการธนาคาร ต่อไปก็จะทยอยปิดสาขาไปเรื่อยๆ เพราะผู้คนสามารถทำธุรกรรมทางinternet และมือถือได้แล้วด้วย..ฮา...
และในอนาคต call center จะถูกแทนด้วยระบบตอบรับอัตโนมัติ ดังนั้น call center เตรียมตกงานได้ แท๊กซี่อัตโนมัติที่มาถึงไวกว่าที่ทุกคนคาดคิด (คง 10ปีข้างหน้าหรือน้อยกว่า..) คนขับแท๊กซี่..ตกงานอีก..เฮ้อ...
ดังนั้นเราจึงเริ่ม "ซึมซับ" และเห็นผู้คนรอบๆข้างออกมาค้าขายกันเต็มทุกหัวมุมถนน ในซอย หรือในตลาดนัด ก็เพราะสิ่งเหล่านี้ครับ.. คือคนส่วนหนึ่งก็อยากทำงานกินเงินเดือน แต่มันไม่มีตำแหน่งงานให้ทำ เพราะบริษัทมีขนาดเล็กลงๆ เศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่มีการขยายงานและจ้างงานเพิ่ม ก็เลยต้องออกมาค้าขาย เช่น ร้านกาแฟ..ที่เปิดกันเยอะมากๆ พ่อค้าที่ออกมาค้าขายกันมากๆ ส่วนมากก็แค่เอาตัวรอดไปวันๆ ไม่ใช่ว่าทำเพราะรวยเร็ว เพราะดี หรือสบาย..แต่เพราะมันไม่มีอย่างอื่นให้ทำ นี่ก็เป็นอีกปัจจัยใหญ่ๆเช่นกัน....
จริงๆทางออกมีครับ.. พยายามทำงานประเภท "ช่างซ่อม" งานบริการ และการเกษตร จะเป็นทางเลือกอีกทางที่จะทำให้คนในสังคมนี้อยู่ได้..ในอนาคต..อันใกล้.. อยู่ได้แต่อาจจะไม่ได้หมายความว่า "อยู่ดี+กินดีมีสุข" อาจจะแค่ "ดำรงชีวิตอยู่ได้ไปวันๆ"
มีอีกเรื่องที่จะนำความสยดสยองมาให้กับพวกหนุ่มๆสาวๆ เช่นพวกท่าน... นอกจากเศรษฐกิจไม่ดีแล้ว ระบบการจ้างงานทั่วโลกก็เริ่มเปลี่ยนไป..เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีด้วย..ก็คือ บริษัทต่างๆมีการใช้คนน้อยลง เช่นเมื่อก่อนฝ่าย operation/Supply Chain Management ใช้คน30-50คนในการวางแผนการผลิตและติดต่อสื่อสารต่างๆ แต่เดี๋ยวนี้ใช้คนน้อยลงเพราะ
-บีบให้พนักงานทำงานหลายตำแหน่งขึ้น ปริมาณงานมากขึ้น
-มีการรวมศูนย์ order management & demand planing อาจจะอยู่ในบริษัทแม่ ส่ง plan load มาให้ supply planning ดูแลจัดสรรทรัพยากรการผลิต ซึ่งเป็นการลดการซ้ำซ้อนของงาน
-ระบบ ERP ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ครอบคลุมการทำงานได้ทั้งองค์กร ทำงานได้รวดเร็วขึ้นหลากหลายขึ้นแต่ใช้คนทำงานลดลง
-การใช้หุ่นยนต์ที่เข้ามาทนแทนแรงงานการผลิต จากสายการผลิต1สายที่ใช้คน 160คน..ตอนนี้เหลือ 120คน ถ้าใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น ก็จะลดคนลงอีก... (แล้วจะไปทำอะไรกิน วุ๊ย..)
-ไซต์งานก่อสร้างที่เมื่อก่อนใช้คนเหยียบร้อย.. ตอนนี้หลังบ้านผม..ไซต์ก่อสร้างใหญ่พอสมควร..ใช้รถขุดรถตัก 3-4คัน กับคนไม่ถึง 15คนสำหรับงานฐานราก... ใช้คนน้อยแถมงานเสร็จเร็วด้วย..โอ๊....)
แผนกอื่นๆ ก็เจอ.. เช่น HR รวมศูนย์ในฟิลลิปปินส์ IT support นั่งอยู่อินเดีย ไฟแนนซ์ตัวเต็มนั่งที่สิงค์โปร์ ในประเทศต่างๆที่เป็นฐานการผลิตก็ไม่ต้องมีกลุ่มคนเหล่านี้...
และอื่นๆ อีกมากมาย..
ความสยดสยองก็คือ ในภาพรวมของบริษัททั้งบริษัทหรือองค์กรที่อาจจะต้องมีพนักงาน 300 คน(รวมฝ่ายขายทั่วไทย) หลังจากใช้ระบบเหล่านี้ก็อาจจะใช้คนเหลือ 200คนเท่านั้น หรือน้อยกว่านี้..
หรืออย่างธุรกิจธนาคาร..ที่เมื่อก่อนเปิดสาขาเป็นตึกตามถนน..ก็ได้รุกเข้ามาในห้างสรรพสินค้าทำได้ทุกอย่างเหมือนสาขาปรกติ แต่เข้าถึงเป้าหมายได้ดีกว่า รวดเร็วคล่องตัวกว่า.. แต่ แต่..แต่ละสาขาใช้พนักงานแค่ 5-7คน(หรือน้อยกว่า) ในขณะที่สาขาที่เป็นตึกใช้คน 10กว่าคนขึ้นไป.. ซึ่งเราก็เห็นแบบนี้มาเป็น 10ๆ ปีแล้ว...
และได้ข่าวว่า ในวงการธนาคาร ต่อไปก็จะทยอยปิดสาขาไปเรื่อยๆ เพราะผู้คนสามารถทำธุรกรรมทางinternet และมือถือได้แล้วด้วย..ฮา...
และในอนาคต call center จะถูกแทนด้วยระบบตอบรับอัตโนมัติ ดังนั้น call center เตรียมตกงานได้ แท๊กซี่อัตโนมัติที่มาถึงไวกว่าที่ทุกคนคาดคิด (คง 10ปีข้างหน้าหรือน้อยกว่า..) คนขับแท๊กซี่..ตกงานอีก..เฮ้อ...
ดังนั้นเราจึงเริ่ม "ซึมซับ" และเห็นผู้คนรอบๆข้างออกมาค้าขายกันเต็มทุกหัวมุมถนน ในซอย หรือในตลาดนัด ก็เพราะสิ่งเหล่านี้ครับ.. คือคนส่วนหนึ่งก็อยากทำงานกินเงินเดือน แต่มันไม่มีตำแหน่งงานให้ทำ เพราะบริษัทมีขนาดเล็กลงๆ เศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่มีการขยายงานและจ้างงานเพิ่ม ก็เลยต้องออกมาค้าขาย เช่น ร้านกาแฟ..ที่เปิดกันเยอะมากๆ พ่อค้าที่ออกมาค้าขายกันมากๆ ส่วนมากก็แค่เอาตัวรอดไปวันๆ ไม่ใช่ว่าทำเพราะรวยเร็ว เพราะดี หรือสบาย..แต่เพราะมันไม่มีอย่างอื่นให้ทำ นี่ก็เป็นอีกปัจจัยใหญ่ๆเช่นกัน....
จริงๆทางออกมีครับ.. พยายามทำงานประเภท "ช่างซ่อม" งานบริการ และการเกษตร จะเป็นทางเลือกอีกทางที่จะทำให้คนในสังคมนี้อยู่ได้..ในอนาคต..อันใกล้.. อยู่ได้แต่อาจจะไม่ได้หมายความว่า "อยู่ดี+กินดีมีสุข" อาจจะแค่ "ดำรงชีวิตอยู่ได้ไปวันๆ"
แสดงความคิดเห็น
ช่วงนี้มีใครขายของไม่ดีบ้างครับ ? รู้สึกว่าช่วงนี้แย่ที่สุดเท่าที่เคยเจอเลยครับ
ไม่เคยเจอสถานการณ์ที่แย่ขนาดนี้เลยครับ แย่กว่าตอนเปิดร้านใหม่ๆสะอีก
ลงโฆษณาหลัก x,xxx มีคนถามกลับมา 3 คน (ไม่ต้องคิดเลยครับ ว่าจะซื้อมั๊ย ถาม 3 คน ไม่มีซื้อแน่นอน)
ตอนแรกผมก็คิดไปเอง ว่าร้านผมต้องผิดพลาดอะไรสักอย่าง
เพราะขายของมาหลายปี ประสบการณ์พอมี ถ้าร้านขายไม่ดีให้โทษตัวเองก่อน
และเข้าใจว่าต้องมีขึ้น มีลง แต่นี่คือ ลงเยอะมาก จนบางวันแทบไม่มีเงินกินข้าวเลยครับ บางวันขาดทุนด้วยซ้ำ
แต่พอลองถามๆคนรอบตัว เค้าก็มีแต่แย่กันหมดครับ
- เพื่อนผมคนนึง เคยขายของได้วันนึงหลัก พัน-หมื่น ตอนนี้ ได้วันนึงหลักร้อย
- มีรุ่นพี่เปิดร้านขายทองมาหลาย 10 ปี เค้าบอกช่วงนี้แย่มาก มีแต่คนเอาทองมาจำนำ แล้วไม่มาต่อดอกกันเลย
- คาร์แคร์ที่ผมใช้บริการประจำ อยู่ดีๆก็พูดขึ้นมาเอง ว่า "ช่วงนี้แย่มากเลยพี่ ฝนก็ไม่ตก ทำไมถึงไม่มีลูกค้าเลย วันนึงไม่ถึง 3 คัน"
- เพื่อนของแฟน ขายจิวเวอรี่ จากที่ได้ละเกือบแสน ตอนนี้มีรายได้เดือนละไม่ถึง 20,000
และมีคนอื่นๆอีกเยอะมากครับ
ไม่แน่ใจว่าเป็นที่เศรษฐกิจบ้านเราตอนนี้ รึเปล่าครับ
หรือช่วงนี้ คนมีรายได้น้อย เลยใช้จ่ายน้อย รึเปล่า
ใครพอมีข้อมูลเรื่องนี้บ้าง และใครเป็นแบบนี้บ้างครับ
ผมนอนหลับไม่สนิทมา 3 เดือนแล้ว T^T
เท่าที่รู้สึกได้ว่าเริ่มขายไม่ดี ก็ตั้งแต่ตรุษจีน ปี 2560 ที่ผ่านมานี่แหละครับ