สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ
เมย์เป้นคนขี้สงสัย ชอบศึกษาและทดลองกับตัวเอง ด้วยการที่ตอนนี้เมย์ทำเพจ MSHAPPYDIET มา 5 ปี เลยมีเพื่อนๆหลายคนมาปรึกษา โชคดีได้เจอคนหลายแบบเลยเหมือนได้เรียนรู้ปัญหาสุขภาพหลายเคสไปในตัว ส่วนมากที่เจอคือเรื่องประจำเดือนขาด (หนักสุด 6 ปี!) และหยุดกินไม่ได้
สุดท้ายเมย์สรุปได้ว่าไม่ว่าจะทานหรือออกกำลัง ความพอดี หรือความสมดุลในร่างกายสำคัญที่สุด
และเมย์จะบอกเพื่อนๆเสมอว่าร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำคัญสุดคือเราต้องสังเกตุตัวเองว่าเราเหมาะกับอาหารอะไร ทานแบบไหน ไม่มีใครรู้จักร่างกายเราดีเท่าตัวเอง รวมถึงหมอด้วย
แต่วันนี้เมย์มีหลักการที่ค่อนข้างเป็นสากล คือการทานอาหารจากธรรมชาติ ไม่ต้องอด ไม่ต้องนับแคล เพียงแต่เราพักการทานอาหารที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย และเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ ให้ร่างกายเราได้พัก เพื่อที่จะได้ช่วยให้เพื่อนๆหลายคนเลิกการติดหวาน ลดการกินจุกจิก ปวดหัว ท้องผูก ท้องอืด สิว ประจำเดือนมาไม่ปกติ ฯลฯ อาการเหล่านี้เกินจากการที่เราทานอะไรที่ไม่เหมาะหรือทำร้ายร่างกายเราเข้าไป ทานบ่อยๆ ร่างกายเราก็รวน ลำไส้เป็นแผล ( leaky gut ) เกิดอาการอักเสบภายใน (inflamation) ส่งผลให้มีอาการต่างๆ หากเราปล่อยหรือละเลย อีกหน่อยก็จะกลายเป็นโรคได้ (autoimmune disease)
เมย์เป็นห่วงที่หลายคนกินยาไปกดอาการ ร่างกายเราพยายามบอกแล้วว่าเราทำอะไรที่ไม่ถูกอยู่ เพราะฉะนั้น สำคัญมากที่เราต้องฟัง ไม่เอายาไปกด ก่อนที่จะสายเกินไปค่ะ
คราวนี้เข้าเรื่องว่าทำไมเมย์ถึงหันมาสนใจน้ำตาล นอกจากการศึกษาหลาย theory จนมาสรุปเอาเองได้ว่า น้ำตาล เป็นหนึ่งในสิ่งที่อันตรายต่อสุขภาพที่สุด นอกจากจะทำให้แก่เร็ว เป็นเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดแล้ว น้ำตาลยังเป็นสารเสพติด เขามีงานวิจัยแล้วว่าเสพติดมากกว่าโคเคนและคาเฟอีนซะอีก เพราะฉะนั้น ก็ไม่ต้องสงสัย ว่าทำไมเราเลิกไม่ได้
นอกจากเหตุผลทางวิชาการแล้ว เหตุผลที่เมย์เริ่ม 14 DAYS OH! NO SUGAR CHALLENGE ขึ้นมาก็เพราะตัวเองเลยค่ะ
ก่อนที่จะมาเริ่มทานคลีน เมื่อก่อนเมย์เป็นคนที่ชอบทานขนมหวานมากกกก มากถึงขนาดที่ต้องมีตู้เย็นไว้ในห้องนอน เอาไว้เก็บช๊อคโกแลต ต้องทานทุกคืนก่อนนอน ไม่งั้นคือนอนไม่หลับ
คราวนี้พอมาเริ่มทานคลีน คือการทานอาหารจากวัตถุดิบธรรมชาติ น้ำหนักก็ลง แต่ปัญหาคือ นิสัยการทานจุกจิกและหยุดทานไม่ได้นี่หละ แก้ไม่หาย ยิ่งเวลาเครียดๆหรืออารมณ์ไม่ดีการยืนหน้าตู้เย็นคือสปาแก้เครียดชั้นดี ในตู้เย็น ถึงแม้เมย์จะไม่มีขนมแย่ๆเท่าเมื่อก่อน แต่ก็มีทั้งผลไม้หวานหลายกล่อง ดาร์กช๊อคหลากชนิด และสารพัดขนมคลีนที่ทำจากแป้งโฮลวีทบ้าง ไม่ใส่แป้งบ้าง ใส่น้ำผึ้งบ้าง น้ำตาลมะพร้าวบ้าง และอื่นๆ ทานทีไม่ได้ทานชิ้นเดียวแต่ทานทั้งกล่อง! รู้ตัวอีกที อ้าว เฮ้ย ทำไมน้ำหนักเราค่อยๆขึ้น นี่ขนาดทานแต่ขนมคลีนๆนะ เริ่มศึกษาดู อ้าว เฮ้ย คลีน ไม่คลีน น้ำตาลขาว หรือน้ำผึ้งมันก็เหมือนกัน นี่เราติดแป้งและน้ำตาลนี่หน่า
เมย์เลยได้การ เขียนโปรแกรม OH! NO SUGAR CHALLENGE ขึ้นมา ทำเองแล้วได้ผล เลยไปชวนเพื่อนๆในเพจทำมา 3 รอบแล้ว ทุกคนได้ผลดีมาก คือเลิกติดหวาน เลิกติดรสจัด เกิดมาเพิ่งเคยได้รสหวานของผัก สิวหาย นอนลึก น้ำหนักลด เลิกปวดประจำเดือน ฯลฯ เมย์เลยอยากเอาวิธีมาฝากๆเพื่อนๆ เผื่อเป็นประโยชน์ค่ะ
ทำไมต้อง 14 วัน
เพราะ 7 วันแรก ร่างกายเราจะขับพิษจากน้ำตาล หากเพื่อนๆมีอาการหงุดหงิด ท้องผูก สิว ปวดหัวเหมือนจะเป็นไข้ก็ไม่ต้องตกใจ ร่างกายเรากำลังขับพิษออกมา หากหยุดตอนนี้ เสียเวลาฟรีเลย

อาการของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันหากติดน้ำตาลมาก อาการก็มากหน่อย
7 วันหลัง ร่างกายเราจะเริ่มปรับสมดุล น้ำหนักเริ่มลด นอนลึก หน้าเริ่มใส
เพราะฉะนั้น อย่างน้อย 14 วัน หากต่อไปถึง 28 วันได้จะดีที่สุดค่ะ
14 วันนี้ เราต้องงด 5 อย่างนี้เพื่อให้ร่างกายเราได้พักและปรับสมดุล
1. สารให้ความหวานทุกชนิด รวมถึง น้ำผึ้ง น้ำตาลมะพร้าว ฯลฯ
2. นมวัว
3. แป้งสาลี
4. เหล้า
5. ผงชูรส และสารเคมี
เหตุผลที่ให้งดนมและแป้งสาลีเพราะร่างกายหลายคนย่อยยาก บางคนย่อยไม่ได้ ทำให้เกิดอาหารภูมิแพ้อาหารแฝง เช่นเป็นสิว ท้องผูก ปวดหัว ท้องอืด ลดความอ้วนยาก ฯลฯ ทางที่ดี เพื่อให้ร่างกายเราพัก เรามางดกันซัก 14 วันนะคะ

หลายคนมีปัญหาสุขภาพเพราะการทานอาหารไม่ครบหมู่ หลายคนไม่กล้าทานไขมันทำให้มีอาการผิวแห้ง ผลร่วง ประจำเดือนหาย ฯลฯ
หลายครั้งที่เราอยากทานจุกจิกเพราะร่างกายขาดสารอาหาร
การอยากหวาน หลายครั้งมาจากการขาดโปรตีน คนส่วนมากหนักคาร์บมากเกินไปจนไม่มีที่ให้สารอาหารอื่น
หากร่างกายเรามีคาร์บเยอะเกิน เขาจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม โดยเฉพาะพวก triglycerides เพราะฉะนั้น เราควรทานอาหารให้สมดุล และหากเราทานโปรตีนและไขมันดีให้เพียงพอ เราจะลดอาการอยากทานจุกจิกได้ค่ะ
หากใครหยุดไม่ได้เลยจริงๆ เมย์แนะนำให้ทานน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันมะกอกสกัดเย็นไปเลย 1 ช้อนโต๊ะ อันนี้ช่วยได้จริงๆ

เพื่อนๆสามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มได้ใน www.facebook.com/MSHAPPYDIET หรือ IG : @MSHAPPYDIET
เข้ากลุ่ม OH! NO SUGAR CHALLENGE BY MSHAPPYDIET บน Facebook เพื่อดูไอเดียเมนูและพูดคุยกับคนอื่นที่ทำโปรแกรมนี้อยู่ ทำกันหลายๆคนจะได้ไม่เหงา
******* เมย์กับเพื่อนๆจะเริ่มพร้อมกันอีกรอบวันจันทร์ที่ 1 พ.ค. นี้ *******
เมย์หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ
เชื่อเถอะแค่ 14 วัน เราจะได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับร่างกาย ได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเลือกทาน
เมย์เห็นคนไทยติดหวานกันจนน่ากลัวเลยอยากมารณรงค์เรื่องนี้จริงๆค่ะ
แชร์ วิธี และประสบการณ์เลิกติดน้ำตาลภายใน 14 วัน
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ
เมย์เป้นคนขี้สงสัย ชอบศึกษาและทดลองกับตัวเอง ด้วยการที่ตอนนี้เมย์ทำเพจ MSHAPPYDIET มา 5 ปี เลยมีเพื่อนๆหลายคนมาปรึกษา โชคดีได้เจอคนหลายแบบเลยเหมือนได้เรียนรู้ปัญหาสุขภาพหลายเคสไปในตัว ส่วนมากที่เจอคือเรื่องประจำเดือนขาด (หนักสุด 6 ปี!) และหยุดกินไม่ได้
สุดท้ายเมย์สรุปได้ว่าไม่ว่าจะทานหรือออกกำลัง ความพอดี หรือความสมดุลในร่างกายสำคัญที่สุด
และเมย์จะบอกเพื่อนๆเสมอว่าร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำคัญสุดคือเราต้องสังเกตุตัวเองว่าเราเหมาะกับอาหารอะไร ทานแบบไหน ไม่มีใครรู้จักร่างกายเราดีเท่าตัวเอง รวมถึงหมอด้วย
แต่วันนี้เมย์มีหลักการที่ค่อนข้างเป็นสากล คือการทานอาหารจากธรรมชาติ ไม่ต้องอด ไม่ต้องนับแคล เพียงแต่เราพักการทานอาหารที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย และเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ ให้ร่างกายเราได้พัก เพื่อที่จะได้ช่วยให้เพื่อนๆหลายคนเลิกการติดหวาน ลดการกินจุกจิก ปวดหัว ท้องผูก ท้องอืด สิว ประจำเดือนมาไม่ปกติ ฯลฯ อาการเหล่านี้เกินจากการที่เราทานอะไรที่ไม่เหมาะหรือทำร้ายร่างกายเราเข้าไป ทานบ่อยๆ ร่างกายเราก็รวน ลำไส้เป็นแผล ( leaky gut ) เกิดอาการอักเสบภายใน (inflamation) ส่งผลให้มีอาการต่างๆ หากเราปล่อยหรือละเลย อีกหน่อยก็จะกลายเป็นโรคได้ (autoimmune disease)
เมย์เป็นห่วงที่หลายคนกินยาไปกดอาการ ร่างกายเราพยายามบอกแล้วว่าเราทำอะไรที่ไม่ถูกอยู่ เพราะฉะนั้น สำคัญมากที่เราต้องฟัง ไม่เอายาไปกด ก่อนที่จะสายเกินไปค่ะ
คราวนี้เข้าเรื่องว่าทำไมเมย์ถึงหันมาสนใจน้ำตาล นอกจากการศึกษาหลาย theory จนมาสรุปเอาเองได้ว่า น้ำตาล เป็นหนึ่งในสิ่งที่อันตรายต่อสุขภาพที่สุด นอกจากจะทำให้แก่เร็ว เป็นเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดแล้ว น้ำตาลยังเป็นสารเสพติด เขามีงานวิจัยแล้วว่าเสพติดมากกว่าโคเคนและคาเฟอีนซะอีก เพราะฉะนั้น ก็ไม่ต้องสงสัย ว่าทำไมเราเลิกไม่ได้
นอกจากเหตุผลทางวิชาการแล้ว เหตุผลที่เมย์เริ่ม 14 DAYS OH! NO SUGAR CHALLENGE ขึ้นมาก็เพราะตัวเองเลยค่ะ
ก่อนที่จะมาเริ่มทานคลีน เมื่อก่อนเมย์เป็นคนที่ชอบทานขนมหวานมากกกก มากถึงขนาดที่ต้องมีตู้เย็นไว้ในห้องนอน เอาไว้เก็บช๊อคโกแลต ต้องทานทุกคืนก่อนนอน ไม่งั้นคือนอนไม่หลับ
คราวนี้พอมาเริ่มทานคลีน คือการทานอาหารจากวัตถุดิบธรรมชาติ น้ำหนักก็ลง แต่ปัญหาคือ นิสัยการทานจุกจิกและหยุดทานไม่ได้นี่หละ แก้ไม่หาย ยิ่งเวลาเครียดๆหรืออารมณ์ไม่ดีการยืนหน้าตู้เย็นคือสปาแก้เครียดชั้นดี ในตู้เย็น ถึงแม้เมย์จะไม่มีขนมแย่ๆเท่าเมื่อก่อน แต่ก็มีทั้งผลไม้หวานหลายกล่อง ดาร์กช๊อคหลากชนิด และสารพัดขนมคลีนที่ทำจากแป้งโฮลวีทบ้าง ไม่ใส่แป้งบ้าง ใส่น้ำผึ้งบ้าง น้ำตาลมะพร้าวบ้าง และอื่นๆ ทานทีไม่ได้ทานชิ้นเดียวแต่ทานทั้งกล่อง! รู้ตัวอีกที อ้าว เฮ้ย ทำไมน้ำหนักเราค่อยๆขึ้น นี่ขนาดทานแต่ขนมคลีนๆนะ เริ่มศึกษาดู อ้าว เฮ้ย คลีน ไม่คลีน น้ำตาลขาว หรือน้ำผึ้งมันก็เหมือนกัน นี่เราติดแป้งและน้ำตาลนี่หน่า
เมย์เลยได้การ เขียนโปรแกรม OH! NO SUGAR CHALLENGE ขึ้นมา ทำเองแล้วได้ผล เลยไปชวนเพื่อนๆในเพจทำมา 3 รอบแล้ว ทุกคนได้ผลดีมาก คือเลิกติดหวาน เลิกติดรสจัด เกิดมาเพิ่งเคยได้รสหวานของผัก สิวหาย นอนลึก น้ำหนักลด เลิกปวดประจำเดือน ฯลฯ เมย์เลยอยากเอาวิธีมาฝากๆเพื่อนๆ เผื่อเป็นประโยชน์ค่ะ
ทำไมต้อง 14 วัน
เพราะ 7 วันแรก ร่างกายเราจะขับพิษจากน้ำตาล หากเพื่อนๆมีอาการหงุดหงิด ท้องผูก สิว ปวดหัวเหมือนจะเป็นไข้ก็ไม่ต้องตกใจ ร่างกายเรากำลังขับพิษออกมา หากหยุดตอนนี้ เสียเวลาฟรีเลย
7 วันหลัง ร่างกายเราจะเริ่มปรับสมดุล น้ำหนักเริ่มลด นอนลึก หน้าเริ่มใส
เพราะฉะนั้น อย่างน้อย 14 วัน หากต่อไปถึง 28 วันได้จะดีที่สุดค่ะ
14 วันนี้ เราต้องงด 5 อย่างนี้เพื่อให้ร่างกายเราได้พักและปรับสมดุล
1. สารให้ความหวานทุกชนิด รวมถึง น้ำผึ้ง น้ำตาลมะพร้าว ฯลฯ
2. นมวัว
3. แป้งสาลี
4. เหล้า
5. ผงชูรส และสารเคมี
เหตุผลที่ให้งดนมและแป้งสาลีเพราะร่างกายหลายคนย่อยยาก บางคนย่อยไม่ได้ ทำให้เกิดอาหารภูมิแพ้อาหารแฝง เช่นเป็นสิว ท้องผูก ปวดหัว ท้องอืด ลดความอ้วนยาก ฯลฯ ทางที่ดี เพื่อให้ร่างกายเราพัก เรามางดกันซัก 14 วันนะคะ
หลายคนมีปัญหาสุขภาพเพราะการทานอาหารไม่ครบหมู่ หลายคนไม่กล้าทานไขมันทำให้มีอาการผิวแห้ง ผลร่วง ประจำเดือนหาย ฯลฯ
หลายครั้งที่เราอยากทานจุกจิกเพราะร่างกายขาดสารอาหาร
การอยากหวาน หลายครั้งมาจากการขาดโปรตีน คนส่วนมากหนักคาร์บมากเกินไปจนไม่มีที่ให้สารอาหารอื่น
หากร่างกายเรามีคาร์บเยอะเกิน เขาจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม โดยเฉพาะพวก triglycerides เพราะฉะนั้น เราควรทานอาหารให้สมดุล และหากเราทานโปรตีนและไขมันดีให้เพียงพอ เราจะลดอาการอยากทานจุกจิกได้ค่ะ
หากใครหยุดไม่ได้เลยจริงๆ เมย์แนะนำให้ทานน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันมะกอกสกัดเย็นไปเลย 1 ช้อนโต๊ะ อันนี้ช่วยได้จริงๆ
เพื่อนๆสามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มได้ใน www.facebook.com/MSHAPPYDIET หรือ IG : @MSHAPPYDIET
เข้ากลุ่ม OH! NO SUGAR CHALLENGE BY MSHAPPYDIET บน Facebook เพื่อดูไอเดียเมนูและพูดคุยกับคนอื่นที่ทำโปรแกรมนี้อยู่ ทำกันหลายๆคนจะได้ไม่เหงา
******* เมย์กับเพื่อนๆจะเริ่มพร้อมกันอีกรอบวันจันทร์ที่ 1 พ.ค. นี้ *******
เมย์หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ
เชื่อเถอะแค่ 14 วัน เราจะได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับร่างกาย ได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเลือกทาน
เมย์เห็นคนไทยติดหวานกันจนน่ากลัวเลยอยากมารณรงค์เรื่องนี้จริงๆค่ะ